ทัวร์นาเมนต์ March Madness ใกล้เปิดฉากเป็นการดวลกันระหว่างทีมระดับมหาวิทยาลัยเเบบเเพ้คัดออก

NCAA มี 3 ดิวิชั่น เยาวชนที่สมัครเรียนมหาวิทยาลัยควรทราบความเเตกต่างก่อนเลือกที่เรียน

ดิวิชั่น I (D1) ➡️

-กีฬาคือชีวิต เล่นกีฬาเป็นหลัก มี 364 โรงเรียนหรือ 32% ของ NCAA
-ข้อดีคือมีทุนนักกีฬาให้ทั้งบางส่วนเเละเต็มจํานวน (ยกเว้น Ivy League 8 เเห่งที่ไม่มีทุนนักกีฬา ช่วยได้เเค่รับเข้าเรียนอย่างเดียว)
-ข้อเสียคือทํางานพิเศษ, หาเวลาเรียน, ฝึกงานหรือทํากิจกรรมส่วนตัวลําบาก
-นักกีฬาส่วนใหญ่เป็นพวก 4-5 ดาว recruit มีผลงานระดับประเทศ
-ตัวอย่างทีม D1 ก็เช่น Duke, North Carolina, UConn, UCLA, Arizona

ดิวิชั่น II (D2) ➡️

-เรียนเเละเล่นกีฬาพอๆ กัน มีโอกาสเรียนจบมากกว่า
-มีทุนนักกีฬาเเต่ไม่มากเท่า D1
-89% ของทีม D2 เป็นโรงเรียนขนาดเล็กทําให้ดูเเลเป็นการส่วนตัวได้ง่าย
-มีวันพักผ่อน 1 วัน มีตารางเเข่งเเละการซ้อมที่เบากว่า D1
-ผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นพวก 3-5 ดาว recruit
-ตัวอย่างทีม D2 ก็เช่น Wayne State, Seattle Pacific (เกือบทั้งหมดไม่ใช่มหาลัยดัง)

ดิวิชั่น III (D3) ➡️

-เรียนเป็นหลัก เล่นกีฬาเป็นงานอดิเรก
-โอกาสเรียนจบมีสูงเกิน 80% เเต่ไม่ได้หมายความว่าเกรดจะออกมาดี
-มีสมาชิกเยอะกว่าดิวิชั่นอื่นราวๆ 430 โรงเรียนหรือ 41% ของ NCAA
-ไม่มีทุนนักกีฬาเเต่มีสิทธิ์ขอทุนอื่นเช่นทุนที่ให้ตามรายได้พ่อเเม่หรือทุนเรียนดี
-ตัวอย่างทีม D3 ก็เช่น MIT, NYU, Emory, Cal Tech, Carnegie Mellon

การเลือกที่เรียนขึ้นอยู่กับว่านักเรียนต้องการทุนนักกีฬามากเเค่ไหน, เป้าหมายปลายทางในการเล่นกีฬาคืออะไร, อยากเรียนจบใน 4 ปีไหม, ต้องการเวลาว่างนอกสนามมากเเค่ไหน

Credit: Sports Recruits