ตอนผมเป็นเด็กนั้น สารพัดที่ทำบาปกรรม เช่น จับแมวที่เลี้ยงไว้ ถ่วงน้ำ ทุบตีสุนัข ฆ่าล้างกิ้งกือ และตีแม่ในวัด
ผมเคยถูกคนทั้งโรงเรียนรังแก ผมก็ระบายอารมณ์กับสุนัขที่เลี้ยงไว้ แมวที่เลี้ยงไว้
สุนัขแมวถูกทุบตีอย่างทารุณ มากกว่าผมนัก
ขณะที่ผมโดนหมัดมือ ทุบตี สุนัขที่ผมเลี้ยงไว้ก็ถูกท่อนเหล็ก
ผมจับมันคลุมผ้า แล้วทุบตี
ช่วงเวลา สามปีที่ถูกรังแก ครูบาอาจารย์ไม่อาจช่วย เพื่อนมิตร ญาติไม่มีช่วย ชีวิตของผม ราวตกนรก จนกลายเป็นสัตว์นรกไป
ผู้มองโลกในแง่ร้าย แล้วกลายเป็นคนชั่ว นั้นละคือผม
สุดท้าย สุนัขที่ผมเลี้ยงไว้ตาย เพราะอาการช้ำใน
สุนัขตัวนี้ยิ้มให้ผมเสมอ แม้มันโดนตี ผมไม่ชอบเลยเวลามันโดนตีแล้วยิ้ม โดยไม่แค้นเคืองเลย นั้นทำให้ผมทุบตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อมันตาย ผมก็ร้องไห้ ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าร้องไห้ทำไม
ส่วนแมวนั้นผมจับมันถ่วงน้ำ โดยใส่กรงสีฟ้า จุ่มเข้าไปในสระ ขึ้นลง ทำให้มันหวาดกลัวและหายใจไม่ออก
แมวตัวนี้ไม่ตาย เพราะครอบครัวผม ปล่อยมัน
นอกจากนี้ ผมจับนกพิราบสองตัว มาวางไว้ให้สุนัขกิน นกพิราบสองตัวนั้นเป็นทายาท ของนกพิราบ ที่ทำรังที่บ้าน พวกมันปล่อยอุจจาระเลอะทะ
ไล่อย่างไรก็ไม่ไป
แน่นอนว่าผมพยายามไล่ผู้บุกรุก ทว่ามันก็วกกลับมา
จนเห็นนกพิราบตัวเล็กๆ ผมก็หยิบ
ผมจับมันวางไว้ต่อหน้าสุนัข
ไอ้นกพิราบ สองตัวนี้ ก็ดิ้นพล่าน มันวิ่งคลานมาหาผม แล้ว ผมก็ไสกลับไป แล้วสุนัขของผมก็กัดดังกร๊วบ
บางตัวยังไม่ตายเลย อุจจาระราดด้วยความกลัวสุดขีด
พอทีนี้มันเจ็บ ไอ้ใจผมมันก็สั่นและกลัว จนนึกขึ้นได้ว่าสองพี่น้องเป็นเด็ก มันไม่ได้ผิดอะไรเลย มันอุจจาระตามแม่มัน พ่อมัน ตั้งแต่เกิดมา มันก็อยู่ตรงนี้ มันคิดว่านี้เป็นบ้านมัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ทำไมมันโดนฆ่า
ทำให้ผมนึกถึงอดีต ถึงสุนัขที่ผมเลี้ยงไว้ ถึงบาปกรรมที่ผมทำ
ว่า คนก็ดี สัตว์ก็ดี เพราะไร้ปัญญาจึงทำบาป เพราะไร้ความอดทนจึงทำบาป
เพราะผมโดนผู้คนรังแก ผมจึงหาที่ระบาย สุดท้ายสัตว์ที่เลี้ยงไว้ต้องมารับกรรม
หากผมรู้จักอดทน มีสติปัญญาแก้ไขปัญหา บางทีชีวิตนี้อาจไม่สูญเสียลูกชาย (สุนัข)
ผมคงไม่ทำบาป ประวัติคงไม่ด่างพร้อย
เพราะผมเจอแต่สภาพแวดล้อมที่ใช้ความรุนแรงเป็นที่ตั้ง ใช้แต่กำลังเป็นที่ตั้ง เหยียดหยามและดูถูถดูแคลนเป็นที่ตั้ง
เมื่อผมอยู่บ้าน เจอกับคนที่ไม่สู้ เช่นแม่ แมว สุนัข จึงมาเป็นที่ระบายของผม ด่าแม่ ว่าบิดา จับแมวถ่วงน้ำ ทุบตีสุนัขจนตาย
ชีวิตของตน บาปของตน
ผมจะโทษใครได้ สภาพแวดล้อม? คนที่รังแกผม ?
ผมนั้นโทษตนเอง บาปนั้น ผมกระทำ ผมไม่สามารถโยนบาปให้ใครได้เลย
เมื่อสำนึกถึงบาป ผมก็หวาดกลัวผู้คน และเริ่มศึกษาพระศาสนาจริงจัง
คราวนี้ มาวันหนึ่ง ผมนึกพิจารณาว่า ฆราวาสอย่างเราๆจะหลีกเลี่ยงการทำบาปได้หรือ?
ตั้งเเต่เด็กยันช่วงปลายของชีวิต มนุษย์คนไหนบ้างที่จะไม่ผิดพลาด คือไม่ทำบาป บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนผ้าขาว ความจริง ไม่เลย ทุกคนยังไงเสียต้องทำบาปมาบ้าง จะมากจะน้อย ตั้งใจก็ดีไม่ตั้งใจก็ดี ก็บาป
บางคนอาจจะบอกว่า ถ้าไม่เจตนา ไม่บาป
งั้นคุณลองคิดดูว่า ถ้าคุณขับรถชนเขา แม้ว่าคุณเยียวยา แม้กระทั่งติดคุก แต่คุณไม่ทุกข์ใจเลย ไม่ร้องไห้ ไม่โศกเศร้า คุณคิดว่า ตัวเองน่ะ มีความเป็นมนุษย์แค่ไหน? คุณคิดว่า ไอ้แนวคิดแบบว่า ไม่เจตนาไม่บาปน่ะ มันถูกหรือไม่ถูก
เพราะคุณทำผิด คุณจึงต้องรับโทษ โทษที่นี่คือทางใจ
บาปสำหรับผม คือ อกุศล จิตใจที่โศกเศร้ามัวหมอง
แบบว่า เวลาเราทำบาปแล้วใจเราไม่มัวหมอง นี้ดีมากเลย
ก็เหมือนผม ถ้าผมเลิกละอายต่อบาป ชีวิตคงไม่แบกความรู้สึกผิดเอาไว้
ผมน่ะคิดหาทางแก้ไข ว่าตนจะชดใช้บาปเช่นไร?
นิมิตเกิดขึ้น หนึ่งไฟนั้นท่วมบ้านของผม บ้านก็สั่นไหวโคลงเคลง สอง ผมอยู่ท่ามกลางถนนสายหนึ่ง เป็นผืนดิน ล้อมรอบด้วยป่าต้นไม้ เป็นเวลากลางคืน
สาม ผมอยู่บนผืนดิน สีดำ ตัวผมสีดำ ผอมแห้ง และหัวโต ผมไม่มีที่อยู่อาศัย อยู่สถานที่อันมืดมิด
และ สี่ผมเกิดเป็นสุนัข ชอบวิ่งวนตามต้นกล้วย
นิมิต เหมือนจริงมาก มันแค่ฝัน แต่ผมกลัวแบบเเปลกๆ มันเหมือนสัญชาตญาญ ว่าถ้าไม่อยากเกิดเป็นสุนัข ไม่อยากตกนรก ต้องหาทางหลุดพ้นจากโทษ จงทำความดี
ดังนั้น ผมจึงเดินทางไปวัดวา ไปเข้าค่าย ไปมองผู้คน เก็บเกี่ยวรายละเอียดถึงชีวิต ของพวกเขา
ผมเจอคนที่ยากจน สตางค์ไม่มี เขาสละทรัพย์อันมากมาย เพื่อถวายทานอันน้อยนิด แก่พระสงฆ์ (*หมายถึง คนยากจนที่มีทรัพย์น้อย(แต่มากสำหรับเขา)
ผมเจอลูกสาวที่ทะเลาะกับแม่ ทั้งที่ขณะนั้นกำลังไปวัดธรรมกาย
เจอลุงป้าแจกเงิน ให้เด็กที่มาวัดธรรมกาย 500 บาท
ผมเจอผู้หญิงที่ร้องโวยวายเป็นบ้าเป็นหลัง เจอผู้คนที่ไร้ที่อยู่อาศัย
เจอผู้หญิงที่รูปไม่สวย ไม่มีคนรักใคร่ เหม็นสาบ
เจอคนที่ตาย ที่บาดเจ็บ
แน่นอนว่า แม้ผมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิต ขณะที่อยู่โรงเรียน ผมก็ถูกรังแกอยู่ดี
ยิ่งผมเดินทางเท่าไหร่ ผมยิ่งไม่เข้าใจชีวิตมากเท่านั้น
ว่าเหตุใด ผู้คนต้องมาเจอเรื่องบ้าๆแบบนี้ พวกเราไม่มีอิสระ
พวกเราทุกข์ทรมานอยู่ ล้วนแต่ดิ้นรนชดใช้กรรม
เพื่อหาทางแก้ ผมจึงศึกษาพระธรรม และปฎิบัติ
ศึกษาน่ะมาก แต่ปฎิบัติไม่ค่อยได้
แน่นอนราคะ สมัยนั้นผมพยายามจะเลิกเช่นกัน มองว่าชีวิตคู่ไม่ดี เซ็กส์น่ารังเกียจ
วันหนึ่งเจอป้าแก่ชรา แกคนนี้ชอบเข้าวัดทำบุญ พอแกมาถึงบ้าน ก็ร้องไห้โศกเศร้า แกบอกยายของผมว่า แกเหงา เพราะแกไม่มีใคร
ตอนเป็นเด็กผมไม่เข้าใจ บางทีเพราะผมมีครอบครัว แต่เมื่อโตขึ้น เมื่อบิดาตาย ผมว่า ผมเริ่มเข้าใจป้าแกนิดๆแล้ว
แล้วประโยคหนึ่งที่ผุดขึ้นมา ก็ท่านเลือกแล้วว่าจะไม่มีสามี ท่านที่ไปวัด ผุดแต่วัด ในเมื่อเดินเส้นทางนี้แล้วยังเสียใจอะไรอีก ท่านก็จงอยู่เช่นนั้น และรอความตายมาถึงเถอะ
ทีนี้ผมตั้งคำถามว่า เซ็กส์ราคะ สิ่งนั้นเป็นบาปหรือไม่
เซ็กส์เสพเฉพาะมนุษย์หรือ? แล้วภพที่สูงกว่าเช่นสวรรค์ มีกามราคะหรือไม่ เทวดานางฟ้าเสพกามหรือไม่? ถ้าไม่? เหตุผลอะไรจึงทำให้เราตกเป็นทาสเรือนร่างสตรีเพศ ซึ่งพวกนางก็ไม่ได้ต้องการ เซ็กส์อยู่แล้ว
แน่นอนว่าผมไม่รู้คำตอบ แต่ปราถนาว่า ซักวันบุรุษจะควบคุมราคะไม่ใคร่ต่อสตรีเพศที่เขาไม่รักเรา
แต่ราคะคือความสุข ย่อมคู่ควรแก่ผู้หญิงที่ชอบราคะ เธอคนนั้นจะต้องเป็นคนดี มีความสุข มีความใคร่
เหมือนผมจะเคยเล่าว่า ผมเคยเห็นเทพธิดาตัวเป็นๆ แม้อาจจะเป็นร่างแปลง แต่ผมได้สัมผัส โครตสวย กลิ่นหอมมาก รู้สึกว่าผู้หญิงในโลกนี้ ไร้ราคาเมื่อเทียบกับเทพองค์นั้น
ผมใคร่เธอมากจริงๆ ผมยังงงอยู่ว่า ทำไมถึงฝัน
ผมจำได้ครั้งหนึ่ง มีครั้งหนึ่งอดอยากมาก สมัยนั้นยากจน แต่ทว่าผมเป็นคนมุ่งมั่น เวลาที่ลำบากขัดสนนั้น ผมคิดแต่ว่า เราไม่รู้ว่าจะตายตอนไหน แต่เราจะทำทาน
คือไม่มีตังค์ ตอนนั้นไร้งานทำ ปวดฟัน ทำอะไรไม่ได้
พึ่งพาแต่ยาย และคนอื่น พอเบาปวดก็ไปช่วยงาน ได้ขนมมาห้าบาท เล็กๆน้อยๆ ผมน่ะสะสมขนมนั้นแหละ
วันแล้ววันเล่า รอพระสงฆ์มา ท่านไม่มา ผมหิวมาก แต่ใจก็หักห้ามไว้ จนวันหนึ่งท่านมา ผมบอกให้ยาย เอาขนมไปถวาย
ขนมห้าบาทเยอะขนาดไหน เป็นกระสอบเลยท่าน
ผมนี้จากคนอ้วนเป็นคนผอม ไร้สง่าราศีแบบสุดๆ
กว่าจะได้ถวายทาน โครตเหนื่อย โครตหิว และคิดว่าในชีวิตนี้ผมคงไม่ทำแบบนั้น อีกแล้ว
บางทีก็แปลกใจตนเอง ผมทำดีเพื่ออะไร มุ่งมั่นเพื่ออะไร? ทั้งๆที่ทำดียังไง นรกก็มาเยือนอยู่ดี ทำดีมีแต่ความลำบาก จะมาทำเพื่อแก้ความผิดที่ตนก่อ จะหน้าด้านอะไรขนาดนี้
. ไม่อาจจะเข้าใจสิ่งที่เรียกว่า สวรรค์ ทำความดีไม่ได้ผลตอบแทน
เพื่อที่จะทำดี ผมน่ะทะเลาะกับยายเรื่องนี้บ่อยมาก เพราะยายเขาคิดว่า ผมโง่ และเป็นห่วง ที่ทรมานตนให้อดอยาก บางทีผมอดอยากตั้งนาน จะรักษาศิล 8 อีกไม่นานจะสำเร็จแท้ๆ
ยายทำมาม่าผัด แล้วเขาก็ไม่กิน เพราะเขาให้ผมกิน
มันบั่นทอนจิตใจมาก ผมถึงขนาดด่าว่ายาย บางทีก็ตียาย
ผมจะปล่อยผ่านก็ได้ แต่ถ้าผมไม่กิน ของก็เสีย
กินแล้วอิ่มแต่ไม่มีความสุข รู้สึกว่า ความดีไม่มีค่า ไม่มีราคา
ผมน่ะสงสารตัวเอง มาตายรังตรงครอบครัว นี้กรรมหนักถึงขนาดลงมหานรกอเวจี เลย
ไอ้อดอาหาร พร้อมสละทรัพย์ เพื่อผู้คน ชาตินี้ทั้งชาติ ผมคงไม่ทำขนาดนั้นอีกแล้ว
ผมน่ะ พอบรรลุเป้าหมายก็พัก และคิดว่า ถ้าเราทำดี แต่ต้องก่อบาป เราจะไม่ทำดีอีกแล้ว เพราะโลกนี้เป็นคนดีไม่ได้รางวัลอะไร คนทำผิดรับโทษของมันไป การที่เราด่าว่าตียาย เราก็แสนจะอับอาย ดังนั้น ถ้าการที่เป็นคนดี ทำบุญทำทาน ตั้งวาจาสัจจะรักษาศิล แล้วโกรธง่าย แต่ต้องแลกกับก่อโอกาสสร้างบาป เราจะไม่ทำ จะมีประโยชน์อะไรถ้าทำทาน แต่ยังสร้างบาป
ไม่กี่วันนั้นแหละ ผมถึงฝันเห็นนางฟ้าองค์นั้น
เทพธิดา ขาวมาก สวยมาก หน้าอกคือเบิ้มมาก
ไอ้ผมก็ใจไว ไปบีบนมท่าน ทีนี้ท่านก็ตกใจ หน้าเหวอ แล้วอสุจิผมก็หลั่ง ตั้งแต่นั้นมา ผมไม่เคยฝัน
แน่นอน เสียงท่านเพราะมาก ผมชอบน้ำเสียงท่าน
เทพธิดาองค์หนึ่ง คือ เทพธิดาที่มีปีก ตัวใหญ่ ภาพหลังคือพระจันทร์ ใช่ผมร่วมเพศ แต่สอดทีเดียวผมเสร็จ
คือเอาอย่างไรดี นั้นไม่เรียกว่าทำด้วยซ้ำ มันค้างคา
เมื่อค้างคา ผมจึงอยากได้คำตอบ รู้ว่าเขาโยนบ่วงมา ว่า มันคือการล่อลวงชัดๆ แต่ผมก็ยอมติดบ่วงอันนั้น
ผมรู้เลยว่า ชาตินี้ทั้งชาติ ผมคงไม่ได้มีเซ็กซ์ กับพวกเธอแน่นอน
ผมน่ะนะมีความสุขกับมนุษย์ผู้หญิงเป็นปกติ แต่เมื่อเจอนางฟ้า รสนิยมก็เปลี่ยนไป มีความใคร่อยู่ แต่ถ้าให้เสพจริงๆก็ไม่เอา คือกลิ่นมนุษย์ พวกนางฉุนมาก
และพวกนางเกลียดราคะ นางบอกว่า บุรุษที่รักราคะ ชอบมีเซ็กซ์ เป็นการเหยียดหยามสตรี ทำให้ศักดิ์ศรี ผู้หญิงเสื่อม สร้างความอับอาย
ดังนั้นผมอยากไปสวรรค์ เพื่อที่เป็นเทพ อย่างน้อยขอแค่เซ็กส์ในสวรรค์ เรื่องอะไรที่ผมจะต้องก่อกรรมชั่วเล่า
ผมเอง ถ้าผู้หญิงต้องฝืนใจมามีอะไรด้วย ผมไม่มีความสุข
เเต่ข้อเสีย คือ ผมคงอยู่คนเดียวตลอดชีวิต แก่ชราลงไป ตายอย่างโดดเดี่ยว ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียใจภายหลัง ผมจึงตั้งมั่นทำความดีให้หนักขึ้น
ทำทั้งที่มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่า สมปรารถนามั้ย? เป็นเทพเจ้าจะได้มีเซ็กซ์มั้ย? เทพธิดานั้นน่ะ ร่างแปรงของผีตนอื่นหรือไม่? จะสามารถหลุดจากนรกมั้ย
ผมทำดีโดยรู้สึกว่า มันไม่คุ้มค่า
ทีนี้พวกเราต่างรู้ว่า ศาสนาพุทธ ถ้าใครก็ตามทำบาป ตกนรก
จะหลุดพ้นจากนรก ต้องสำเร็จเป็นพระอริยะ ชั้นต่ำโสดาบัน อย่างแรก
แล้วจะเป็น โสดาบันยังไง? แน่นอนว่าต้องเข้ารีตพระพุทธศาสนา เมื่อเข้ารีตแล้ว ถ้าท่านโชคร้าย ล้วนต้องเจอแต่พุทธพาณิชย์ จะมีคนที่บวชแต่คราบ เอาผลประโยชน์จากตัวท่าน
เขาจะบอกว่า ทำบุญ ทำทาน เขาจะไม่ขอท่านตรงๆ แต่เขา จะบอกว่า ศรัทธา แล้วแต่กำลัง
เขาจะให้ท่านเข้าวัด ให้ฟังเขาเทศน์ ท่านจะคลุกคลีกับพวกเขาจนศรัทธา
ปมในใจคือท่านอยากหลุดออกจากนรก เพราะท่านทำบาป
สิ่งนั้นมันทำให้ท่าน ศรัทธาเขา และในที่สุดเขาก็กินท่านจนหมดไม่เหลือกระทั้งกระดูก
แถมเข้าวัดเข้าวามีความเสี่ยง นั้นคือติดหนี้สงฆ์
เพราะท่านที่เป็นคนแก่ทั้งเด็ก ย่อมถ่ายหนักถ่ายเบา
คือใช้ของวัด และกลายเป็นติดหนี้สงฆ์
ตั้งแต่งานศพท่านใช้ไฟวัด ท่านต้องไปมหานรกอเวจี ซึ่งบาปนี้ยอมความไม่ได้ ตกนรกสถานเดียว
ที่แก้คือ ชำระหนี้สงฆ์ ซึ่งบางวัดเขาก็ไม่ทราบ ปล่อยให้โยมตกมหานรก
บางคนกรรมหนัก ชอบเที่ยวทัวร์ไปตามวัดวา แล้วไปดื่มน้ำวัดวา ใช้ห้องน้ำวัดวา ใช้ไฟฟ้าวัดวา
เหมือนกรรมที่ทำอยู่แต่มองไม่เห็น สุดท้ายกรรมให้ผล ประสบอุบัติเหตุ และถูกไฟคลอกทั้งเป็น
ผมขอพูดกับท่านตามตรง ท่านเสี่ยงกับชีวิตมากเกินไป แค่เข้าวัด ท่านก็เสี่ยงตกมหานรกแล้ว (เพราะดินวัดอาจติดรองเท้าท่าน)
และบางท่านก็ไม่มีสตางค์ นี้จะแก้ยังไง อย่าลืมว่า ท่านไม่รู้ว่า ความตายมาตอนไหน
ท่านต้องหาทางแก้หนี้สงฆ์ให้สำเร็จ เงินท่านพอหรือ? กับการล้างหนี้?
ท่านอาจคิดถึงว่า วัดเป็นสถานที่สงบสุข ควรค่าแก่การปฎิบัติธรรมใฝ่หาความสงบ
ผมจะบอกท่าน การขัดเกลาจิตที่ยอดเยี่ยมคือการเผชิญ ปัญหา
ยิ่งปัญหามาก ท่านละวางได้ นั้นละคือ สภาวะจิตที่ยอดเยี่ยม
เริ่มแรกที่ทำดี ? ปลายสุดท้ายจะทุกข์ทรมานขนาดไหน
ผมเคยถูกคนทั้งโรงเรียนรังแก ผมก็ระบายอารมณ์กับสุนัขที่เลี้ยงไว้ แมวที่เลี้ยงไว้
สุนัขแมวถูกทุบตีอย่างทารุณ มากกว่าผมนัก
ขณะที่ผมโดนหมัดมือ ทุบตี สุนัขที่ผมเลี้ยงไว้ก็ถูกท่อนเหล็ก
ผมจับมันคลุมผ้า แล้วทุบตี
ช่วงเวลา สามปีที่ถูกรังแก ครูบาอาจารย์ไม่อาจช่วย เพื่อนมิตร ญาติไม่มีช่วย ชีวิตของผม ราวตกนรก จนกลายเป็นสัตว์นรกไป
ผู้มองโลกในแง่ร้าย แล้วกลายเป็นคนชั่ว นั้นละคือผม
สุดท้าย สุนัขที่ผมเลี้ยงไว้ตาย เพราะอาการช้ำใน
สุนัขตัวนี้ยิ้มให้ผมเสมอ แม้มันโดนตี ผมไม่ชอบเลยเวลามันโดนตีแล้วยิ้ม โดยไม่แค้นเคืองเลย นั้นทำให้ผมทุบตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อมันตาย ผมก็ร้องไห้ ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าร้องไห้ทำไม
ส่วนแมวนั้นผมจับมันถ่วงน้ำ โดยใส่กรงสีฟ้า จุ่มเข้าไปในสระ ขึ้นลง ทำให้มันหวาดกลัวและหายใจไม่ออก
แมวตัวนี้ไม่ตาย เพราะครอบครัวผม ปล่อยมัน
นอกจากนี้ ผมจับนกพิราบสองตัว มาวางไว้ให้สุนัขกิน นกพิราบสองตัวนั้นเป็นทายาท ของนกพิราบ ที่ทำรังที่บ้าน พวกมันปล่อยอุจจาระเลอะทะ
ไล่อย่างไรก็ไม่ไป
แน่นอนว่าผมพยายามไล่ผู้บุกรุก ทว่ามันก็วกกลับมา
จนเห็นนกพิราบตัวเล็กๆ ผมก็หยิบ
ผมจับมันวางไว้ต่อหน้าสุนัข
ไอ้นกพิราบ สองตัวนี้ ก็ดิ้นพล่าน มันวิ่งคลานมาหาผม แล้ว ผมก็ไสกลับไป แล้วสุนัขของผมก็กัดดังกร๊วบ
บางตัวยังไม่ตายเลย อุจจาระราดด้วยความกลัวสุดขีด
พอทีนี้มันเจ็บ ไอ้ใจผมมันก็สั่นและกลัว จนนึกขึ้นได้ว่าสองพี่น้องเป็นเด็ก มันไม่ได้ผิดอะไรเลย มันอุจจาระตามแม่มัน พ่อมัน ตั้งแต่เกิดมา มันก็อยู่ตรงนี้ มันคิดว่านี้เป็นบ้านมัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ทำไมมันโดนฆ่า
ทำให้ผมนึกถึงอดีต ถึงสุนัขที่ผมเลี้ยงไว้ ถึงบาปกรรมที่ผมทำ
ว่า คนก็ดี สัตว์ก็ดี เพราะไร้ปัญญาจึงทำบาป เพราะไร้ความอดทนจึงทำบาป
เพราะผมโดนผู้คนรังแก ผมจึงหาที่ระบาย สุดท้ายสัตว์ที่เลี้ยงไว้ต้องมารับกรรม
หากผมรู้จักอดทน มีสติปัญญาแก้ไขปัญหา บางทีชีวิตนี้อาจไม่สูญเสียลูกชาย (สุนัข)
ผมคงไม่ทำบาป ประวัติคงไม่ด่างพร้อย
เพราะผมเจอแต่สภาพแวดล้อมที่ใช้ความรุนแรงเป็นที่ตั้ง ใช้แต่กำลังเป็นที่ตั้ง เหยียดหยามและดูถูถดูแคลนเป็นที่ตั้ง
เมื่อผมอยู่บ้าน เจอกับคนที่ไม่สู้ เช่นแม่ แมว สุนัข จึงมาเป็นที่ระบายของผม ด่าแม่ ว่าบิดา จับแมวถ่วงน้ำ ทุบตีสุนัขจนตาย
ชีวิตของตน บาปของตน
ผมจะโทษใครได้ สภาพแวดล้อม? คนที่รังแกผม ?
ผมนั้นโทษตนเอง บาปนั้น ผมกระทำ ผมไม่สามารถโยนบาปให้ใครได้เลย
เมื่อสำนึกถึงบาป ผมก็หวาดกลัวผู้คน และเริ่มศึกษาพระศาสนาจริงจัง
คราวนี้ มาวันหนึ่ง ผมนึกพิจารณาว่า ฆราวาสอย่างเราๆจะหลีกเลี่ยงการทำบาปได้หรือ?
ตั้งเเต่เด็กยันช่วงปลายของชีวิต มนุษย์คนไหนบ้างที่จะไม่ผิดพลาด คือไม่ทำบาป บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนผ้าขาว ความจริง ไม่เลย ทุกคนยังไงเสียต้องทำบาปมาบ้าง จะมากจะน้อย ตั้งใจก็ดีไม่ตั้งใจก็ดี ก็บาป
บางคนอาจจะบอกว่า ถ้าไม่เจตนา ไม่บาป
งั้นคุณลองคิดดูว่า ถ้าคุณขับรถชนเขา แม้ว่าคุณเยียวยา แม้กระทั่งติดคุก แต่คุณไม่ทุกข์ใจเลย ไม่ร้องไห้ ไม่โศกเศร้า คุณคิดว่า ตัวเองน่ะ มีความเป็นมนุษย์แค่ไหน? คุณคิดว่า ไอ้แนวคิดแบบว่า ไม่เจตนาไม่บาปน่ะ มันถูกหรือไม่ถูก
เพราะคุณทำผิด คุณจึงต้องรับโทษ โทษที่นี่คือทางใจ
บาปสำหรับผม คือ อกุศล จิตใจที่โศกเศร้ามัวหมอง
แบบว่า เวลาเราทำบาปแล้วใจเราไม่มัวหมอง นี้ดีมากเลย
ก็เหมือนผม ถ้าผมเลิกละอายต่อบาป ชีวิตคงไม่แบกความรู้สึกผิดเอาไว้
ผมน่ะคิดหาทางแก้ไข ว่าตนจะชดใช้บาปเช่นไร?
นิมิตเกิดขึ้น หนึ่งไฟนั้นท่วมบ้านของผม บ้านก็สั่นไหวโคลงเคลง สอง ผมอยู่ท่ามกลางถนนสายหนึ่ง เป็นผืนดิน ล้อมรอบด้วยป่าต้นไม้ เป็นเวลากลางคืน
สาม ผมอยู่บนผืนดิน สีดำ ตัวผมสีดำ ผอมแห้ง และหัวโต ผมไม่มีที่อยู่อาศัย อยู่สถานที่อันมืดมิด
และ สี่ผมเกิดเป็นสุนัข ชอบวิ่งวนตามต้นกล้วย
นิมิต เหมือนจริงมาก มันแค่ฝัน แต่ผมกลัวแบบเเปลกๆ มันเหมือนสัญชาตญาญ ว่าถ้าไม่อยากเกิดเป็นสุนัข ไม่อยากตกนรก ต้องหาทางหลุดพ้นจากโทษ จงทำความดี
ดังนั้น ผมจึงเดินทางไปวัดวา ไปเข้าค่าย ไปมองผู้คน เก็บเกี่ยวรายละเอียดถึงชีวิต ของพวกเขา
ผมเจอคนที่ยากจน สตางค์ไม่มี เขาสละทรัพย์อันมากมาย เพื่อถวายทานอันน้อยนิด แก่พระสงฆ์ (*หมายถึง คนยากจนที่มีทรัพย์น้อย(แต่มากสำหรับเขา)
ผมเจอลูกสาวที่ทะเลาะกับแม่ ทั้งที่ขณะนั้นกำลังไปวัดธรรมกาย
เจอลุงป้าแจกเงิน ให้เด็กที่มาวัดธรรมกาย 500 บาท
ผมเจอผู้หญิงที่ร้องโวยวายเป็นบ้าเป็นหลัง เจอผู้คนที่ไร้ที่อยู่อาศัย
เจอผู้หญิงที่รูปไม่สวย ไม่มีคนรักใคร่ เหม็นสาบ
เจอคนที่ตาย ที่บาดเจ็บ
แน่นอนว่า แม้ผมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิต ขณะที่อยู่โรงเรียน ผมก็ถูกรังแกอยู่ดี
ยิ่งผมเดินทางเท่าไหร่ ผมยิ่งไม่เข้าใจชีวิตมากเท่านั้น
ว่าเหตุใด ผู้คนต้องมาเจอเรื่องบ้าๆแบบนี้ พวกเราไม่มีอิสระ
พวกเราทุกข์ทรมานอยู่ ล้วนแต่ดิ้นรนชดใช้กรรม
เพื่อหาทางแก้ ผมจึงศึกษาพระธรรม และปฎิบัติ
ศึกษาน่ะมาก แต่ปฎิบัติไม่ค่อยได้
แน่นอนราคะ สมัยนั้นผมพยายามจะเลิกเช่นกัน มองว่าชีวิตคู่ไม่ดี เซ็กส์น่ารังเกียจ
วันหนึ่งเจอป้าแก่ชรา แกคนนี้ชอบเข้าวัดทำบุญ พอแกมาถึงบ้าน ก็ร้องไห้โศกเศร้า แกบอกยายของผมว่า แกเหงา เพราะแกไม่มีใคร
ตอนเป็นเด็กผมไม่เข้าใจ บางทีเพราะผมมีครอบครัว แต่เมื่อโตขึ้น เมื่อบิดาตาย ผมว่า ผมเริ่มเข้าใจป้าแกนิดๆแล้ว
แล้วประโยคหนึ่งที่ผุดขึ้นมา ก็ท่านเลือกแล้วว่าจะไม่มีสามี ท่านที่ไปวัด ผุดแต่วัด ในเมื่อเดินเส้นทางนี้แล้วยังเสียใจอะไรอีก ท่านก็จงอยู่เช่นนั้น และรอความตายมาถึงเถอะ
ทีนี้ผมตั้งคำถามว่า เซ็กส์ราคะ สิ่งนั้นเป็นบาปหรือไม่
เซ็กส์เสพเฉพาะมนุษย์หรือ? แล้วภพที่สูงกว่าเช่นสวรรค์ มีกามราคะหรือไม่ เทวดานางฟ้าเสพกามหรือไม่? ถ้าไม่? เหตุผลอะไรจึงทำให้เราตกเป็นทาสเรือนร่างสตรีเพศ ซึ่งพวกนางก็ไม่ได้ต้องการ เซ็กส์อยู่แล้ว
แน่นอนว่าผมไม่รู้คำตอบ แต่ปราถนาว่า ซักวันบุรุษจะควบคุมราคะไม่ใคร่ต่อสตรีเพศที่เขาไม่รักเรา
แต่ราคะคือความสุข ย่อมคู่ควรแก่ผู้หญิงที่ชอบราคะ เธอคนนั้นจะต้องเป็นคนดี มีความสุข มีความใคร่
เหมือนผมจะเคยเล่าว่า ผมเคยเห็นเทพธิดาตัวเป็นๆ แม้อาจจะเป็นร่างแปลง แต่ผมได้สัมผัส โครตสวย กลิ่นหอมมาก รู้สึกว่าผู้หญิงในโลกนี้ ไร้ราคาเมื่อเทียบกับเทพองค์นั้น
ผมใคร่เธอมากจริงๆ ผมยังงงอยู่ว่า ทำไมถึงฝัน
ผมจำได้ครั้งหนึ่ง มีครั้งหนึ่งอดอยากมาก สมัยนั้นยากจน แต่ทว่าผมเป็นคนมุ่งมั่น เวลาที่ลำบากขัดสนนั้น ผมคิดแต่ว่า เราไม่รู้ว่าจะตายตอนไหน แต่เราจะทำทาน
คือไม่มีตังค์ ตอนนั้นไร้งานทำ ปวดฟัน ทำอะไรไม่ได้
พึ่งพาแต่ยาย และคนอื่น พอเบาปวดก็ไปช่วยงาน ได้ขนมมาห้าบาท เล็กๆน้อยๆ ผมน่ะสะสมขนมนั้นแหละ
วันแล้ววันเล่า รอพระสงฆ์มา ท่านไม่มา ผมหิวมาก แต่ใจก็หักห้ามไว้ จนวันหนึ่งท่านมา ผมบอกให้ยาย เอาขนมไปถวาย
ขนมห้าบาทเยอะขนาดไหน เป็นกระสอบเลยท่าน
ผมนี้จากคนอ้วนเป็นคนผอม ไร้สง่าราศีแบบสุดๆ
กว่าจะได้ถวายทาน โครตเหนื่อย โครตหิว และคิดว่าในชีวิตนี้ผมคงไม่ทำแบบนั้น อีกแล้ว
บางทีก็แปลกใจตนเอง ผมทำดีเพื่ออะไร มุ่งมั่นเพื่ออะไร? ทั้งๆที่ทำดียังไง นรกก็มาเยือนอยู่ดี ทำดีมีแต่ความลำบาก จะมาทำเพื่อแก้ความผิดที่ตนก่อ จะหน้าด้านอะไรขนาดนี้
. ไม่อาจจะเข้าใจสิ่งที่เรียกว่า สวรรค์ ทำความดีไม่ได้ผลตอบแทน
เพื่อที่จะทำดี ผมน่ะทะเลาะกับยายเรื่องนี้บ่อยมาก เพราะยายเขาคิดว่า ผมโง่ และเป็นห่วง ที่ทรมานตนให้อดอยาก บางทีผมอดอยากตั้งนาน จะรักษาศิล 8 อีกไม่นานจะสำเร็จแท้ๆ
ยายทำมาม่าผัด แล้วเขาก็ไม่กิน เพราะเขาให้ผมกิน
มันบั่นทอนจิตใจมาก ผมถึงขนาดด่าว่ายาย บางทีก็ตียาย
ผมจะปล่อยผ่านก็ได้ แต่ถ้าผมไม่กิน ของก็เสีย
กินแล้วอิ่มแต่ไม่มีความสุข รู้สึกว่า ความดีไม่มีค่า ไม่มีราคา
ผมน่ะสงสารตัวเอง มาตายรังตรงครอบครัว นี้กรรมหนักถึงขนาดลงมหานรกอเวจี เลย
ไอ้อดอาหาร พร้อมสละทรัพย์ เพื่อผู้คน ชาตินี้ทั้งชาติ ผมคงไม่ทำขนาดนั้นอีกแล้ว
ผมน่ะ พอบรรลุเป้าหมายก็พัก และคิดว่า ถ้าเราทำดี แต่ต้องก่อบาป เราจะไม่ทำดีอีกแล้ว เพราะโลกนี้เป็นคนดีไม่ได้รางวัลอะไร คนทำผิดรับโทษของมันไป การที่เราด่าว่าตียาย เราก็แสนจะอับอาย ดังนั้น ถ้าการที่เป็นคนดี ทำบุญทำทาน ตั้งวาจาสัจจะรักษาศิล แล้วโกรธง่าย แต่ต้องแลกกับก่อโอกาสสร้างบาป เราจะไม่ทำ จะมีประโยชน์อะไรถ้าทำทาน แต่ยังสร้างบาป
ไม่กี่วันนั้นแหละ ผมถึงฝันเห็นนางฟ้าองค์นั้น
เทพธิดา ขาวมาก สวยมาก หน้าอกคือเบิ้มมาก
ไอ้ผมก็ใจไว ไปบีบนมท่าน ทีนี้ท่านก็ตกใจ หน้าเหวอ แล้วอสุจิผมก็หลั่ง ตั้งแต่นั้นมา ผมไม่เคยฝัน
แน่นอน เสียงท่านเพราะมาก ผมชอบน้ำเสียงท่าน
เทพธิดาองค์หนึ่ง คือ เทพธิดาที่มีปีก ตัวใหญ่ ภาพหลังคือพระจันทร์ ใช่ผมร่วมเพศ แต่สอดทีเดียวผมเสร็จ
คือเอาอย่างไรดี นั้นไม่เรียกว่าทำด้วยซ้ำ มันค้างคา
เมื่อค้างคา ผมจึงอยากได้คำตอบ รู้ว่าเขาโยนบ่วงมา ว่า มันคือการล่อลวงชัดๆ แต่ผมก็ยอมติดบ่วงอันนั้น
ผมรู้เลยว่า ชาตินี้ทั้งชาติ ผมคงไม่ได้มีเซ็กซ์ กับพวกเธอแน่นอน
ผมน่ะนะมีความสุขกับมนุษย์ผู้หญิงเป็นปกติ แต่เมื่อเจอนางฟ้า รสนิยมก็เปลี่ยนไป มีความใคร่อยู่ แต่ถ้าให้เสพจริงๆก็ไม่เอา คือกลิ่นมนุษย์ พวกนางฉุนมาก
และพวกนางเกลียดราคะ นางบอกว่า บุรุษที่รักราคะ ชอบมีเซ็กซ์ เป็นการเหยียดหยามสตรี ทำให้ศักดิ์ศรี ผู้หญิงเสื่อม สร้างความอับอาย
ดังนั้นผมอยากไปสวรรค์ เพื่อที่เป็นเทพ อย่างน้อยขอแค่เซ็กส์ในสวรรค์ เรื่องอะไรที่ผมจะต้องก่อกรรมชั่วเล่า
ผมเอง ถ้าผู้หญิงต้องฝืนใจมามีอะไรด้วย ผมไม่มีความสุข
เเต่ข้อเสีย คือ ผมคงอยู่คนเดียวตลอดชีวิต แก่ชราลงไป ตายอย่างโดดเดี่ยว ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียใจภายหลัง ผมจึงตั้งมั่นทำความดีให้หนักขึ้น
ทำทั้งที่มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่า สมปรารถนามั้ย? เป็นเทพเจ้าจะได้มีเซ็กซ์มั้ย? เทพธิดานั้นน่ะ ร่างแปรงของผีตนอื่นหรือไม่? จะสามารถหลุดจากนรกมั้ย
ผมทำดีโดยรู้สึกว่า มันไม่คุ้มค่า
ทีนี้พวกเราต่างรู้ว่า ศาสนาพุทธ ถ้าใครก็ตามทำบาป ตกนรก
จะหลุดพ้นจากนรก ต้องสำเร็จเป็นพระอริยะ ชั้นต่ำโสดาบัน อย่างแรก
แล้วจะเป็น โสดาบันยังไง? แน่นอนว่าต้องเข้ารีตพระพุทธศาสนา เมื่อเข้ารีตแล้ว ถ้าท่านโชคร้าย ล้วนต้องเจอแต่พุทธพาณิชย์ จะมีคนที่บวชแต่คราบ เอาผลประโยชน์จากตัวท่าน
เขาจะบอกว่า ทำบุญ ทำทาน เขาจะไม่ขอท่านตรงๆ แต่เขา จะบอกว่า ศรัทธา แล้วแต่กำลัง
เขาจะให้ท่านเข้าวัด ให้ฟังเขาเทศน์ ท่านจะคลุกคลีกับพวกเขาจนศรัทธา
ปมในใจคือท่านอยากหลุดออกจากนรก เพราะท่านทำบาป
สิ่งนั้นมันทำให้ท่าน ศรัทธาเขา และในที่สุดเขาก็กินท่านจนหมดไม่เหลือกระทั้งกระดูก
แถมเข้าวัดเข้าวามีความเสี่ยง นั้นคือติดหนี้สงฆ์
เพราะท่านที่เป็นคนแก่ทั้งเด็ก ย่อมถ่ายหนักถ่ายเบา
คือใช้ของวัด และกลายเป็นติดหนี้สงฆ์
ตั้งแต่งานศพท่านใช้ไฟวัด ท่านต้องไปมหานรกอเวจี ซึ่งบาปนี้ยอมความไม่ได้ ตกนรกสถานเดียว
ที่แก้คือ ชำระหนี้สงฆ์ ซึ่งบางวัดเขาก็ไม่ทราบ ปล่อยให้โยมตกมหานรก
บางคนกรรมหนัก ชอบเที่ยวทัวร์ไปตามวัดวา แล้วไปดื่มน้ำวัดวา ใช้ห้องน้ำวัดวา ใช้ไฟฟ้าวัดวา
เหมือนกรรมที่ทำอยู่แต่มองไม่เห็น สุดท้ายกรรมให้ผล ประสบอุบัติเหตุ และถูกไฟคลอกทั้งเป็น
ผมขอพูดกับท่านตามตรง ท่านเสี่ยงกับชีวิตมากเกินไป แค่เข้าวัด ท่านก็เสี่ยงตกมหานรกแล้ว (เพราะดินวัดอาจติดรองเท้าท่าน)
และบางท่านก็ไม่มีสตางค์ นี้จะแก้ยังไง อย่าลืมว่า ท่านไม่รู้ว่า ความตายมาตอนไหน
ท่านต้องหาทางแก้หนี้สงฆ์ให้สำเร็จ เงินท่านพอหรือ? กับการล้างหนี้?
ท่านอาจคิดถึงว่า วัดเป็นสถานที่สงบสุข ควรค่าแก่การปฎิบัติธรรมใฝ่หาความสงบ
ผมจะบอกท่าน การขัดเกลาจิตที่ยอดเยี่ยมคือการเผชิญ ปัญหา
ยิ่งปัญหามาก ท่านละวางได้ นั้นละคือ สภาวะจิตที่ยอดเยี่ยม