เกริ่นก่อนนะคะ เรากับแฟนคบกันมาจะเข้าปีที่ 8 แล้ว ที่ผ่านมาเป็นความสัมพันธ์ทางไกลมาตลอด เจอกันนานๆที
แต่2ปีที่แล้วแฟนย้ายที่ทำงานเลยได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน แรกๆทะเลาะกันเรื่องๆเล็กๆน้อยๆบ้างเพราะอยู่ด้วยกัน 24ชม เป็นครั้งแรก
แต่ก็พยายามคุย มีทั้งผ่านไปด้วยดีและผ่านไปแบบที่ปล่อยผ่านไปงั้นๆ บางครั้งที่ปัญหาเราคุยกันไม่เครีย จบลงด้วยคำว่า "จะทะเลาะให้ได้เลยใช่ไม๊"
สุดท้ายแล้วก็ต้องจบที่เราไม่พูดต่อ ตอนเขาอารมณ์ดีขึ้นปัญหานี้ก็หายไป ทิ้งไว้ให้เราเก็บมันไว้ลึกๆในใจมาแบบนี้เสมอ
จนช่วงหลังบ่อยครั้งที่เราถามตัวเองว่า เราควรไปต่อไม๊ เขาคือคนที่เราจะใช้ชีวิตไปด้วยในอนาคตจริงๆใช่ไม๊ เราถามวนกับตัวเองแบบนี้เสมอ
"ถ้าเขาคือคนๆนั้น เราจะไม่มีความคิดนี้ในหัวเลย" ประโยคนี้คิดวนเวียนไป ช่วงหลังมีบ่อยครั้งที่เขาอารมณ์เสีย หงุดหงิดใส่กับเรื่องที่เราไม่ได้ตั้งใจ
เช่น เผลอไปจับแผลที่ยังไม่หายดี เขาก็หงุดหงิดใส่เรา และบอกว่าอย่ามาจับ อย่าติดสกินชิพเกินได้ไหม ทั้งที่เราไม่ได้ตั้งใจ เราไม่รู้จะทำตัวยังไงเลย
ทั้งที่เรานั่งกินข้าวด้วยกัน นั่งใกล้กัน เราเผลอไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาหงุดหงิดไปแล้ว หรือตอนที่เขาเล่นเกมอยู่ เราไปคุยด้วย พอเขาเล่นแพ้ก็หงุดหงิดใส่เรา
บอกเราอย่ากวนตอนเล่นเกม ซึ่งเราเข้าใจ เราพยายามไม่ไปยุ่ง แต่พอเขาเล่นแพ้หรือหงุดหงิดจากเกมก็จะมาลงอารมณ์ที่ประตู ปิดประตูเสียงดัง
เก็บจานเสียงดัง ใส่อารมณ์กับสิ่งอื่นๆ ซึ่งเราอยู่ด้วยเราได้ยินทุกๆอย่างมันทำให้เราอึดอัดและรู้สึกแย่ไปด้วย เราพยายามอยากคุยกับเขาและหาตรงกลาง
แต่กลับกลายเป็นว่าเราเป็นคนหาเรื่องทะเลาะ เราพยายามถามเขาว่าแล้วจะแก้ยังไงได้บ้าง แตาคำตอบที่ได้คือ เขาบอกว่าก็คนมันหงุดหงิด จะให้เก็บกด
หรือยังไง ก็ไม่ได้ลงที่เราไม๊ เธอต้องการอะไร กลายเป็นคำพูดเหล่านี้แทน เราที่พยายามข่มอารมณ์ที่เป็นผู้ถูกระบายอารมณ์ใส่ไว้ พยายามคุยด้วยเหตุผล
แต่กลับเจอคำพูดแบบนั้นเราเลยไม่รู้ว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้ดี จริงๆเราคิดไม่ตกเหมือนกันเพราะ คสพ นี้มันยาวนานมากๆ เราผ่านทุกข์สุขมาด้วยกันก็เยอะ
แต่เราทำตัวไม่ถูกจริงๆ เรานั่งคิดกับตัวเองแบบนี้บ่อยๆไม่ไหว บางครั้งเราก็อยากถามเขาไปตรงๆเลยว่ายังเหมือนเดิมอยู่ไหม เราไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะกลสยเป็นประโยคชวนทะเลาะอีกรึป่าว
ควรไปต่อหรือพอแค่นี้
แต่2ปีที่แล้วแฟนย้ายที่ทำงานเลยได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน แรกๆทะเลาะกันเรื่องๆเล็กๆน้อยๆบ้างเพราะอยู่ด้วยกัน 24ชม เป็นครั้งแรก
แต่ก็พยายามคุย มีทั้งผ่านไปด้วยดีและผ่านไปแบบที่ปล่อยผ่านไปงั้นๆ บางครั้งที่ปัญหาเราคุยกันไม่เครีย จบลงด้วยคำว่า "จะทะเลาะให้ได้เลยใช่ไม๊"
สุดท้ายแล้วก็ต้องจบที่เราไม่พูดต่อ ตอนเขาอารมณ์ดีขึ้นปัญหานี้ก็หายไป ทิ้งไว้ให้เราเก็บมันไว้ลึกๆในใจมาแบบนี้เสมอ
จนช่วงหลังบ่อยครั้งที่เราถามตัวเองว่า เราควรไปต่อไม๊ เขาคือคนที่เราจะใช้ชีวิตไปด้วยในอนาคตจริงๆใช่ไม๊ เราถามวนกับตัวเองแบบนี้เสมอ
"ถ้าเขาคือคนๆนั้น เราจะไม่มีความคิดนี้ในหัวเลย" ประโยคนี้คิดวนเวียนไป ช่วงหลังมีบ่อยครั้งที่เขาอารมณ์เสีย หงุดหงิดใส่กับเรื่องที่เราไม่ได้ตั้งใจ
เช่น เผลอไปจับแผลที่ยังไม่หายดี เขาก็หงุดหงิดใส่เรา และบอกว่าอย่ามาจับ อย่าติดสกินชิพเกินได้ไหม ทั้งที่เราไม่ได้ตั้งใจ เราไม่รู้จะทำตัวยังไงเลย
ทั้งที่เรานั่งกินข้าวด้วยกัน นั่งใกล้กัน เราเผลอไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาหงุดหงิดไปแล้ว หรือตอนที่เขาเล่นเกมอยู่ เราไปคุยด้วย พอเขาเล่นแพ้ก็หงุดหงิดใส่เรา
บอกเราอย่ากวนตอนเล่นเกม ซึ่งเราเข้าใจ เราพยายามไม่ไปยุ่ง แต่พอเขาเล่นแพ้หรือหงุดหงิดจากเกมก็จะมาลงอารมณ์ที่ประตู ปิดประตูเสียงดัง
เก็บจานเสียงดัง ใส่อารมณ์กับสิ่งอื่นๆ ซึ่งเราอยู่ด้วยเราได้ยินทุกๆอย่างมันทำให้เราอึดอัดและรู้สึกแย่ไปด้วย เราพยายามอยากคุยกับเขาและหาตรงกลาง
แต่กลับกลายเป็นว่าเราเป็นคนหาเรื่องทะเลาะ เราพยายามถามเขาว่าแล้วจะแก้ยังไงได้บ้าง แตาคำตอบที่ได้คือ เขาบอกว่าก็คนมันหงุดหงิด จะให้เก็บกด
หรือยังไง ก็ไม่ได้ลงที่เราไม๊ เธอต้องการอะไร กลายเป็นคำพูดเหล่านี้แทน เราที่พยายามข่มอารมณ์ที่เป็นผู้ถูกระบายอารมณ์ใส่ไว้ พยายามคุยด้วยเหตุผล
แต่กลับเจอคำพูดแบบนั้นเราเลยไม่รู้ว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้ดี จริงๆเราคิดไม่ตกเหมือนกันเพราะ คสพ นี้มันยาวนานมากๆ เราผ่านทุกข์สุขมาด้วยกันก็เยอะ
แต่เราทำตัวไม่ถูกจริงๆ เรานั่งคิดกับตัวเองแบบนี้บ่อยๆไม่ไหว บางครั้งเราก็อยากถามเขาไปตรงๆเลยว่ายังเหมือนเดิมอยู่ไหม เราไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะกลสยเป็นประโยคชวนทะเลาะอีกรึป่าว