ตามหัวข้อเลยค่ะ เรากับแฟนคบกันมาเกือบ 13 ปี ตั้งแต่อายุ 18 จนตอนนี้จะย่างเข้า 31 ผ่านปัญหา ทุกข์สุขด้วยกันมามากมาย และตอนนี้ที่เรากำลังตั้งกระทู้ เรากับแฟนกำลังแยกกันอยู่ค่ะ และมีแนวโน้มว่าต้องแยกจากกันถาวร (เลิกกัน) เริ่มเรื่องเลยคือเรากับแฟนประสบปัญหาเรื่องงานและเรื่องเงินค่ะ จากที่อยู่กันที่กรุงเทพ เราจึงตัดสินใจคุยกับป๊าและแม่ของเรา เพื่อย้ายกลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด เพราะหวังจะมาเปิดร้าน ทำธุรกิจเล็กๆ เนื่องจากแฟนเราเป็นช่าง ส่วนตัวเราตั้งใจจะกลับมาหางานประจำทำ เหตุผลที่เราตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านต่างจังหวัดก็เพื่อลดค่าใช้จ่ายลง ในระหว่างที่มีรายได้น้อยค่ะ ก่อนกลับก็คุยกับแฟนว่าถ้าเราพอจะตั้งตัวได้ เคลียร์หนี้สินต่างๆลงตัว เราค่อยว่ากันอีกทีเนอะ เผื่อยังอยากกลับไปอยู่กรุงเทพ คุยกันเรียบร้อย แม่เราก็เดินทางจากต่างจังหวัดมาหาที่กรุงเทพค่ะ เพื่อมาช่วยเก็บข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมด จ้างรถตู้ทึบขนของหนึ่งคัน และใส่รถเรากลับมาอีกคัน ใดๆคือค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างรถขนของ ค่าน้ำมันรถเรา ค่ากิน ใช้หนี้เล็กๆน้อยๆ เพราะมีเอาของไปจำนำไว้ ป๊ากับแม่เราเป็นคนดิ้นรนหาเงินมาจ่ายให้ทั้งหมดค่ะ ย้ายกลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดได้เกือบเดือน งานหน้าร้านก็ไปได้ดี ป๊าเราอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด ช่วยแฟนหาลูกค้าสุดฤทธิ์ค่ะ ลูกค้าติดตรึม ชมกันไม่ขาดปาก เหมือนทุกอย่างจะไปได้ดี** ดันเกิดเรื่องขึ้น ** เพราะอยู่ดีๆ คืนวันนั้นแฟนเราก็เก็บเครื่องมือบางส่วนใส่ตะกร้าหลังรถมอเตอร์ไซต์ เก็บไปค่อนข้างเยอะค่ะ เราเองก็เริ่มแปลกใจ เพราะเวลานั้นมันทุ่มกว่า คึกมาเปลี่ยนยางรถ (ก่อนหน้านี้ยางรั่ว) ทั้งที่กำลังจะทานข้าว ถามอะไรก็หงุดหงิดใส่ เหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง และบอกกับเราว่าจะไปซ่อมรถมอเตอร์ไซต์ให้ลูกค้า แต่เวลานั้นเราค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่ และปกติรับงานมา เราจะรับรู้ด้วยตลอด รวมถึงเห็นหลายๆ อย่างที่เก็บใส่รถไปด้วย ยิ่งมั่นใจค่ะว่าไม่ใช่ ในระหว่างนั้นเราพยายามจะเช็คโทรศัพท์แฟนว่าคุยอะไรกับแม่เค้าหรือคนที่บ้านหรือเปล่า เพราะเราแอบเห็นโทรคุยกัน พอเดินไปใกล้ก็รีบวางสาย แฟนเราหวงโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีค่ะ รีบแย่งคืนไป ทั้งที่ปกติเค้าไม่เคยมีปฏิกิริยาแบบนี้ และช่วงหลังมานี้เรากับแฟนมีปัญหาระหองระแหงกันเป็นประจำค่ะ ทุกครั้งที่เริ่มมีปากเสียงหรือไม่พอใจกัน เค้าจะชอบพูดว่าจะกลับไปอยู่บ้าน (หมายถึงบ้านแม่เค้าเอง) ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ทั้งๆที่ยังไม่ได้มีใครว่าอะไรเลยด้วยซ้ำ และครั้งนี้เค้ากลับไปจริงๆค่ะ ไปทั้งที่ไม่บอกลาสักคำ โกหกเราว่าไปซ่อมรถ ดึกๆจะกลับ ลึกในใจเราก็รู้ค่ะว่าเค้าจะไป แต่ทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ พักหลังแฟนเราเปลี่ยนไปมากค่ะ อารมณ์ฉุนเฉียว ขึ้นๆลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ และเราคิดว่านั่นเพราะเริ่มติดกัญชาและน้ำกระท่อมค่ะ ไปเรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาจากเพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง เรียกว่าติดงอมแงมก็ได้ค่ะ เพราะต้องพึ่งมันทุกวัน จนกลายเป็นปัญหาชีวิตคู่ เราถึงตัดสินใจย้ายกลับบ้านเพื่อตั้งหลัก และหวังจะให้เค้าเลิกสิ่งเหล่านี้ แต่เปล่าเลย มันไม่ทันการค่ะ คืนที่เค้าออกจากบ้านเราไปคือขี่มอเตอร์ไซค์เวฟ ใส่ตะกร้าใหญ่ๆด้านหลัง ของพะรุงพะรัง กับหมาน้อยที่เก็บมาเลี้ยงตัวนึง (เรามารู้ทีหลังว่าพาหมาไปด้วย) เค้าออกจากบ้านไปสักพักก็ทักแชทมาบอกลาค่ะ และพูดจาไม่ดีใส่เรามากๆ ระหว่างนั้นก่อนเค้าทักมา เราก็คุยกับคนที่บ้านว่าเค้าคงไม่กลับมาแล้วล่ะ ป๊ากับแม่เราให้ทำใจ เพราะสุดความสามารถแล้วจริงๆ ไม่รู้จะยื้อ จะรั้งยังไง จังหวะนั้นคือใครพูด เค้าก็ไม่ฟัง ออกจากบ้านเราไปข้ามคืน ทักแชทมาอีกทีอารมณ์เปลี่ยนค่ะ บอกรักเรา จะกลับบ้านไปเลิกทุกอย่างที่ไม่ดี แล้วเก็บเงินกลับมาขอเราแต่งงาน วาดฝันสร้างวิมานกันต่อค่ะ ลืมบอกไปว่าบ้านเรากับบ้านเค้าไกลกันคนละภาคเลยค่ะ เหนือกับใต้ เค้าใช้เวลาเดินทางหลายวันมาก เพราะเดี๋ยวรถเสีย เดี๋ยวร้อน พักจอดบ่อย ระหว่างนั้นเราก็คุยกันดีค่ะ เรากับคนที่บ้านก็เป็นห่วงเค้ามาก คอยทักคอยโทรถามตลอดเวลา รวมถึงโอนเงินให้ด้วยค่ะ เพราะเค้ามีเงินติดตัวไปไม่มาก ไม่ถึงบ้านแน่ๆ เรากับคนที่บ้านอดหลับอดนอนไปสี่ห้าคืน เพราะเป็นห่วงเค้า ลืมความโกรธอะไรไปหมดค่ะ เพราะคิดว่าความปลอดภัยสำคัญกว่า ***เหตุก็เกิดวันที่เค้าถึงบ้าน จากที่คุยกันดีๆ สัญญากันเรียบร้อย ทุกอย่างเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือค่ะ เริ่มไม่ตอบแชท ไม่รับสาย หายไปเป็นวัน เราเองก็เป็นห่วงมาก ไกลกันไม่พอ ยังติดต่อไม่ได้อีก มารู้อีกทีข้ามวัน เพราะเค้าส่งรูปมาว่ารถล้มลงข้างทาง จากรูปเจ็บเยอะอยู่ค่ะ และตัวเราเองก็งงมากว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงบ้านแล้วออกไปไหน ไปทำอะไร ทำไมไม่ระวัง โน่นนี่นั่น บลาๆๆ ถึงตอนนี้มันยิ่งทวีความกังวล ความเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก เพราะหลังจากส่งรูปมา เค้าหายไป ไม่ตอบแชท ไม่รับสาย ปล่อยข้ามวันอีกตามเคย และวันนี้ที่ตอบแชทเรามาคือต้นเรื่องของการเลิกกันค่ะ จากที่บอกเราเองว่าขอเวลาประมาณสองสัปดาห์จะกลับมาเคลียร์งานที่ร้าน เพราะรับงานลูกค้าไว้เพียบ ตอนนี้เค้าเปลี่ยนใจไม่มาแล้วค่ะ ให้เหตุผลว่า " แม่ไม่ให้กลับไปแล้ว " ถ้าจะกลับ เราต้องไปบ้านเค้าค่ะ (จากใต้ไปเหนือ) เพื่อไปคุย ไปเคลียร์กับแม่เค้า เราเองก็งงค่ะ ว่าจะให้ไปคุยอะไร เคลียร์อะไร ในเมื่อเราไม่ได้ทำอะไรผิด ตัวเค้าตัดสินใจทิ้งเรา ทิ้งงาน ทิ้งทุกอย่างไปเอง หลังจากนั้นก็เริ่มมาคุ ขุดคุ้ยเรื่องเก่า และย้ำว่าถ้าเราไม่ไปก็คือจบ เพราะเค้าเชื่อแม่เค้าคนเดียว เค้าไม่ฟังคนอื่น เราเองพยายามถามเหตุผล ถามสาเหตุหลายครั้ง แต่ก็ตอบไม่ตรวประเด็นค่ะ เหมือนคนพูดจาไม่รู้เรื่อง เราเลยตัดบทว่า เราก็มีพ่อมีแม่เหมือนกัน เราอยู่ของเราดีๆ มาทำเหมือนเราเป็นคนผิด มันก็ไม่ใช่ เราต้องแบกรับทุกอย่างเอง ทั้งลูกค้า ทั้งงาน คนรอบข้าง สารพัดอย่าง ***ประเด็นก็คือแม่เค้าอยากให้เค้ากลับไปอยู่ด้วยค่ะ และคงไม่ชอบเรานัก เพราะเคยมีปัญหากันมาก่อน ปัญหาที่ว่าคือเราเคยเป็นท้าวแชร์ค่ะ แล้วโดนลูกแชร์โกงจนล้ม เรารับผิดชอบหนี้สินทุกอย่าง ยอดเป็นล้าน ย้ำว่ารับผิดชอบเองคนเดียวนะคะ แต่ดันมีเรื่องรถมอเตอร์ไซต์คันนึงที่ออกเป็นชื่อแฟน ตอนหลังเราไม่ไหวเลยไม่ได้ผ่อน มีจดหมายส่งไปที่บ้านเค้า เค้ารับไม่ได้กับเรื่องนี้ เคยถึงขั้นมาชี้หน้าด่าเรากับแม่เราค่ะ และครั้งนั้นก็ไล่เราออกมา เราต้องมาเช่าบ้านอยู่ข้างนอกเอง แม่แฟนอยากให้เค้าเลิกกับเราตั้งแต่ตอนนั้น แล้วกลับไปอยู่บ้านกับแม่เค้าค่ะ แต่แฟนเราดันไม่ยอมกลับไป อ้างว่าขอไปอยู่กับพี่คนนึงที่รู้จักกัน เพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆกัน และมาหากันได้ แม่เค้าก็จำยอมค่ะ หลังจากนั้นมาถึงตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับแม่เค้าก็แย่ค่ะ แย่มาก เพราะเค้าเกลียดเราไปแล้วที่เราเป็นหนี้ เกลียดแค่ตอนนี้นะคะ เพราะตอนเรามีเงิน เราให้ทุกอย่าง ไม่ใช่แค่กับแฟน แต่ครอบครัวแฟนด้วย อวยเราสารพัดค่ะ ต่างกับตอนนี้เลย เราเองก็ดื้อดึงค่ะ ยังทำทุกทางให้ได้รักกันต่อ ก็เพราะรักจริงๆ มาถึงวันนี้ปัญหาเดิมมันวนกลับมา เราเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่อีกใจก็เข้าใจนะคะว่าเค้าเป็นคนกลางคงลำบากใจไม่น้อย เราเองวนคิดตลอดว่าเป็นเราหรือเปล่าที่โง่ซ้ำซาก คู่ชีวิตที่ดีควรร่วมทุกข์ ร่วมสุขด้วยกัน แต่สำหรับเราตอนทุกข์ เราทุกข์คนเดียวค่ะ หาเงินใช้หนี้คนเดียว สู้คดีคนเดียว ทำดีมาร้อยครั้ง ครั้งเดียวที่เราพลาด มันพาลลบความดีของเราไปจนหมด คำพูดต่างๆนานาวันนี้ไม่ใช่แค่ด่าว่าหรือดูถูกเราเพียงคนเดียว แต่ลามไปถึงครอบครัวเราด้วย ทั้งที่ครอบครัวเราคอยช่วยเหลือซัพพอร์ตทุกอย่าง ปากแฟนบอกว่าแม่ไม่ได้ว่าอะไรเธอเลยย แต่!!!! แม่ไม่ยอมให้กลับมาอยู่ด้วยกันนะคะ ย้อนแย้งสุดๆ สำหรับเราให้แยกกันแบบนี้ก็เหมือนบังคับให้เลิกกันทางอ้อมค่ะ เพราะเรากับแฟนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เราเรียนจบมหาลัย และแฟนเราก็ยืนยันตามแม่ค่ะ ว่าเราต้องไปหา ไปคุย ถ้าเราไม่ไป = เราเป็นฝ่ายต้องการจบความสัมพันธ์ บีบเราทุกทาง และครั้งนี้เราตัดสินใจแล้วค่ะว่าจะไม่ไป หากเราผิด เรายินดีที่จะขอโทษ แต่นี่ไม่ใช่ เค้ากลับไปไม่บอกสักคำ ทิ้งทุกอย่างให้เรากับครอบครัวรับผิดชอบ สุดท้ายเรายังเป็นคนผิดอีก เราเสียใจนะคะ ผิดหวังมาก เพราะเราตั้งใจจะกลับมาเริ่มต้นใหม่กันที่นี่ ในใจเล็กๆ เราก็แอบคิดว่าวันนี้มันจะมาถึง เพราะตลอดเวลาแม่แฟนโทรบอกให้กลับบ้านตลอด เค้าจะหางานให้บ้างล่ะ เก็บเงินซื้อรถให้บ้างล่ะ สารพัดค่ะ ครั้งนี้เราคงต้องยกธงขาวยอมแพ้แล้วจริงๆ แพ้ทุกอย่างค่ะ ลูกชายตัวเองติดกัญชา น้ำกระท่อม ก็ยังไม่บ่นว่าลูกไม่ดี ทุกอย่างโทษเราฝ่ายเดียว คำพูดแม่เค้าคือ ถ้าเรารักเค้า เราต้องเป็นฝ่ายไปหา พอเราถามกลับบ้างว่ารักเราไหม กลับไม่ตอบ เพราะกลัวเราจะย้อนกลับบ้าง แต่นั่นแหละค่ะ ไม่ตอบคือคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว วันนี้ที่เรามาตั้งกระทู้ก็เป็นวันเกิดแฟนเราค่ะ เป็นวันที่เราตั้งใจจะทำอะไรด้วยกันมากมาย แต่ก็ไม่มีโอกาส และเป็นเราเองที่ต้องร้องไห้ฟูมฟาย เสียใจที่เค้าไม่กลับมา เราควรตัดใจจริงๆ ใช่ไหมคะ เพราะต่อให้สู้อีก วันนึงก็เกิดปัญหาตามมา ไม่จบไม่สิ้น เสียดายเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา เรามีเค้าในความทรงจำแทบทุกวินาที แต่สำหรับเค้า เราคงไม่มีค่าอะไรจริงๆ #ที่เราตั้งกระทู้วันนี้ แค่อยากระบายค่ะ อยากขอกำลังใจจากคนที่เคยผ่านเรื่องราวแบบนี้มา และอีกใจก็อยากได้คำแนะนำค่ะ ว่าเราควรทำยังไงต่อไปดี สับสนไปหมดแล้วค่ะ🥺🥹
คบกับแฟนมาเกือบ 13 ปี มีปัญหาต้องเลิกกันเพราะแม่และพ่อเลี้ยงของแฟน