[SR] แชร์ประสบการณ์ทำศัลยกรรม จมูกและคาง ครั้งแรกที่ ED Clinic

แชร์ประสบการณ์ทำศัลยกรรม จมูกและคาง ครั้งแรกที่ ED Clinic 
ถ้านับเวลาถึงตอนนี้ 9 เดือนพอดีค่า

จุดเริ่มต้นของการตัดสินใจทำศัลยกรรมในครั้งนี้ เริ่มจากความไม่มั่นใจในรูปคางของตัวเอง คางตัดสุดๆ ถึงแม้จะถ่ายรูปจากมุมเดียวแล้วดูดี 
แต่พอหันไปอีกด้านกลับรู้สึกไม่มั่นใจเลย รู้สึกว่ามันทำให้ตัวเองดูไม่สวยงามในมุมนี้เลยทีเดียวค่ะ
หลังจากที่คิดหนักและลองหาข้อมูลเกี่ยวกับศัลยกรรมคางมาเยอะมากๆ ก็พบว่าเป็นครั้งแรกที่อยากจะทำศัลยกรรมเลยยิ่งรู้สึกกังวลและกังวลมากๆ ค่ะ จากนั้นก็เริ่มติดต่อหลายๆ คลินิกจนสุดท้ายตัดสินใจเลือก ED Clinic เพราะการติดต่อกับแอดมินที่ไม่ฮาร์ดเซลล์จนเกินไป (ใครกลัวเหมือนเราบ้างง 555555) นอกจากนี้ยังมีอาจารย์หมอที่มีความเชี่ยวชาญจากสมาคมศัลยกรรมเวชศาสตร์ด้วย ทำให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น

หลังจากนัดหมายเพื่อปรึกษาปัญหากับคุณหมอ การวัดรูปหน้าแบบมิลต่อมิลทำให้รู้สึกว่าเราจะได้รับการดูแลอย่างละเอียดและเหมาะสมกับใบหน้าเราแน่นอนค่ะ

คุณหมอแนะนำให้ทำจมูกไปด้วยเลย เพราะถ้าทำคาง อย่างเดียวใบหน้าจะไม่ได้สัดส่วน ตรงกลางหน้าจะแบน ไม่สมมาตรกัน อีกอย่างจะได้เจ็บและดูแลตัวเองทีเดียวเลย (งดของแสลง ของหมักดอง) ไอเราก็สายแซ่บซะด้วย ปลาร้าคือเลิ้บมาก ก็เลยตัดสินใจทำคางและจมูกพร้อมกัน เจ็บแต่จบ
ลองยื่นเรฟที่อยากได้ให้คุณหมอช่วยดูว่าพอมีความเป็นไปได้ไหมกับฐานจมูกเดิม (เรฟจมูก ทรงคุณเก้า สุภัสสรา) เน้นความละมุนแบบธรรมชาติ ส่วนคางคุณหมอจะแจ้งก่อนเลยว่า ถ้าจะเอาแหลมๆ เป็นแม่มดหมอทำให้ไม่ได้นะคะ ยิ่งถูกใจเราไปอีก เพราะเราอยากได้ธรรมชาติ

ขอโชว์รูปก่อนทำศัลยกรรมให้ดูนะคะ
หน้าตรงคือแบนมาก คางตัดสุดๆๆๆ
ศัลยกรรมจมูกโดยเทคนิค Advanced Recon Nose

ฺBEFORE ก่อนเข้าห้องผ่าตัด

หลังทำทันที 
มีตะไบฮัมพ์ปรับฐาน ตอกฮัมพ์ แต่งฐานจมูก
ตะไบ ปรับกระดูกเพื่อวางซิลิโคนไม่ให้ลอยเย็บอินเตอร์โดม (จะเห็นได้ว่า มีการเย็บที่รูจมูกทั้งสองข้าง) และรองปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียม


ที่นี่คือราคารวมค่ายา ค่าปรึกษาแพทย์ก่อนศัลยกรรมรวมฉีดยาแก้อักเสบ ลดบวม ค่ายากลับบ้าน ตัดไหม และ ล็อคเฝือกอ่อน
คือตลอดการศัลฯ ยันถอดเฝือก ไม่ต้องจ่ายเพิ่มแล้วค่า (แต่ละท่านอาจมีค่าใช้จ่ายไม่เท่ากันนะคะ ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่เลือก แนะนำให้ปรึกษาคลีนิคโดยตรงนะคะ)

หลังจากกลับบ้านมา ในวันแรกก็เตรียมตัวฉ่ำมาก ประคบอุ่นในช่วงแรกเพื่อสลายลิ่มเลือด อัดใบบัวบก น้ำมะพร้าว ยาลดบวม หมอนรองคอ

แผ่นแปะลดไข้ที่ต้องตุน น้ำฟักทองคือช่วยได้มากกก เพราะเฝือกล็อกคาง ทำเรากินลำบากมากเลย พูดก็ลำบาก แต่เพื่อความสวย ท่องไว้ อดทนนนน

วันที่ 2 เริ่มมีความบวม เขียวช้ำ ทรมานตรง แปรงฟันลำบากมาก และงดการล้างหน้า เพราะห้ามแผลโดนน้ำ 7 วัน อาหารต้องกินอาหารอ่อน (ที่โซเดียมไม่สูง) เลยได้กินข้าวต้มที่เอาไปปั่นอีกที แล้วใช้หลอดดูด

ใต้ตามีความช้ำม่วง ชัดเจน

วันที่ 3 บวมช้ำหนัก เกิดอาการแพนิค เลยปรึกษาแอดมิน คือเหมือนเพื่อนที่คอยฟังเราระบาย ให้คำแนะนำ ให้กำลังใจและเข้าใจสิ่งที่เรากำลังเจอ
เหมือนอารมณ์สวิงเพราะเมนส์มาด้วย  อีกวันต้องไปทำงานแล้ว (ใครเพิ่งทำศัลยฯ เราเข้าใจอารมณ์พวกเธอมากๆนะ)

วันที่ 4 เริ่มไปทำงาน อาการบวมลดลง แต่ยังมีความช้ำอยู่ ไปแอบเม้าท์กับเพื่อนที่ศัลฯมาเหมือนกัน นางบอกว่าถือว่าเป็นการตะไบจมูกที่ช้ำไม่เยอะ
คุณหมอมือเบามากเลย


วันที่ 5


วันที่ 7 เอาเฝือกที่คางออก จมูกยังต้องล็อกเฝือกเอาไว้ก่อน

วันที่ 14 ถอดเฝือกอ่อน และตัดไหม อาการบวมคือหายไป 90% มีความช้ำอยู่ เวลาสัมผัสใบหน้ายังรู้สึกเจ็บ จี๊ดๆ บางเวลาเผลอไปโดน

1 เดือนผ่านไป อาการบวมไม่มีแล้ว ความช้ำยังมีที่ใต้คาง เริ่มแต่งหน้าได้บ้าง ลืมบอกว่าเราทำคางแผลนอกนะคะ ยาทาแผลเป็นคือทา เช้า-เย็น ไม่ขาด

ชอบความธรรมชาตินี้มากกก

3 เดือนผ่านไป ละมุนมากกก

6 เดือนผ่านไป
ไปคาเฟ่ฉ่ำ มั่นใจในการถ่ายรูปมากขึ้น


เริ่มลงงานวิ่งแล้ว หลังจากที่พักไปหลายเดือน


เข้าเดือนที่ 9 รู้สึกคิดไม่ผิดที่ทำศัลยกรรมจริงๆ 

หันมุมไหนก็มั่นใจ เอนเนอร์จี้ไม่ดรอป 
ชื่อสินค้า:   ศัลกรรมจมูก
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง โดยได้รับส่วนลดหรือสิทธิพิเศษจากเจ้าของสินค้าเพื่อแลกกับการรีวิว
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างแต่ได้รับผลประโยชน์อย่างอื่น เช่น บัตรกำนัล ค่าเดินทางตามจริง

    ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ได้รับส่วนลดแลกกับการรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่