สวัสดีครับ ผมขอเล่ารายละเอียดของเคสผมให้ฟังก่อน ผมเรียนครบมาแล้วครับ หลักสูตรปริญญาตรี มหาวิทยาลัยอยู่อีกฟากของประเทศถ้ามองจากบ้านผม ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อเพื่อให้เกียรติมหาวิทยาลัย
ใช้เวลาหกปีเพราะซิ่วมาจากอีกคณะหนึ่ง เสียเวลาไปสองปีเต็มด้วยปัญหาสุขภาพกาย(ซึ่งก็จัดการเทียบโอนหน่วยกิตตัวAทั้งหลายไปเป็นวิชาเลือกเสรีเรียบร้อยไม่มีอะไรติดค้างเช่นกัน) หน่วยกิตครบตามหลักสูตร ฝึกงานผ่านแล้ว วิทยานิพนธ์ก็ผ่านแล้วเช่นกัน แต่ยังขาดแค่การสอบวัดระดับความรู้ของหลักสูตรซึ่งจริงๆผมควรไปสอบให้ผ่านๆซะ แต่ไม่ได้ไปสอบจนมันจะหมดโควต้าแปดปีแล้ว (GPAX ผม 2.85 ครับ, ไม่ดีนักแต่ก็ยังพอถูๆไถๆไปหางานแถวบ้านได้ถ้าจบ แต่มันไม่จบเสียทีเนี่ยแหละ)
ทำไมผมไม่ได้ไปสอบ ผมป่วยหลังฝึกงานเสร็จและต้องรักษาตัวเลยรักษาสภาพไว้ทุกเทอม ขออนุญาตสงวนข้อมูลว่าป่วยเป็นอะไร แต่ผมนอนโรงพยาบาลอยู่นานและนอนพักฟื้นอยู่บ้านในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาครับ แน่นอนว่าสภาพจิตใจตอนนั้นมันแย่มาก เห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันเรียนจบและเริ่มไปทำงานกันแล้ว จนผมเป็นโรคซึมเศร้า (รักษาตัวอย่างเคร่งครัดอยู่ครับ) และก็ไม่ได้อ่านหนังสือเลย ยอมรับว่ามัวแต่นั่งจ้องกำแพงตั้งคำถามกับชีวิตตัวเองครับ
พอกลับมามีสติกับชีวิตได้ว่ายังมีคุณพ่อคุณแม่และพี่ๆอยู่กับผมมันก็เมื่อกลางเดือนกุมภาที่ผ่านมา เส้นตายก็กำลังจะมาถึงในสิ้นซัมเมอร์นี้ครับ
อาจารย์ที่ปรึกษาของผมซึ่งท่านพยายามช่วยอย่างเต็มที่อยากให้ผมไปสอบเป็นกรณีพิเศษที่สาขา (แต่ผมไม่มีความมั่นใจว่าจะสอบผ่านเลยครับ สิบกว่าวันที่เหลืออ่านหนังสือไม่ทันแน่) แต่ท่านก็ให้ข้อมูลผมเช่นกันว่าหากผมพ้นสภาพผมอาจสามารถรีรหัสเข้ามาใหม่ได้ (ข้อมูลนี้ยังไม่ยืนยัน ผมยังโทรศัพท์หาหน่วยงานภายในที่รับผิดชอบไม่ถูกเสียที)
แต่กำหนดพ้นสภาพคือ 22 มิถุนายน 2568 ครับ
มันเป็นปัญหาอย่างไร? ในขั้นแรกขณะที่ผมไม่ทราบว่าอาจจะรีรหัสเข้าไปเรียนใหม่ได้ ผมได้ศึกษาช่องทางเรียนต่อที่รามคำแหงไว้ครับ ซึ่งอาจเสียเวลาอีกประมาณสองสามปีเพราะไม่ใช่ทุกวิชาจะเทียบโอนได้ รามคำแหงส่วนกลางเทอมแรกนั้นเปิดรับสมัครที่มหาวิทยาลัย(walk-in) ครั้งสุดท้ายในเดือนพฤษภาคมครับ
ต่อไปนี้คือส่วนที่ผมอยากขอความเห็นจากทุกท่านครับ🙏
1. ฝืนไปสอบแบบมีอะไรติดหัวนิดหน่อยดีไหมครับ แต่ถ้าไม่ผ่านคงทำอาจารย์ท่านเสียความรู้สึกอีก ผมลังเลเพราะเรื่องนี้เลย หรือผมควรปฏิเสธเรื่องสอบไปเลย (ซึ่งผมกลุ้มตรงที่ไม่อยากให้พวกท่านเสียน้ำใจ เลือกคำพูดไม่ถูก) ตลอดเวลาตั้งแต่ที่ย้ายคณะมาอาจารย์ท่านให้คำปรึกษาและดูแลผมมาตลอดเลยครับ ผมรู้สึกผิดมากๆ เลย
2. รอพ้นสภาพไปรีรหัสดีไหมครับ? หรือผมควรหาข้อมูลเพิ่มเติมให้แน่นก่อนค่อยเอาตัวเลือกนี้มาคิด ยังไงซะมันก็คลุมเครือนี่อยู่
3. หรือผมควรจะลาออก เอาใบลาออกและทรานสคริปไปเทียบโอนเรียนรามเลย?
ต่อให้ต้องไปนั่งเรียนใหม่ ผมมั่นใจว่าสามารถเรียนเนื้อหาที่เรียนผ่านไปแล้วให้ผ่านอีกครั้งได้แน่นอนครับ แต่กรณีให้ยัดทุกอย่างที่เรียนมาสี่ปี(แถมห่างไปแล้วสองปี)ลงหัวภายในสิบกว่าวันเกรงว่าจะเกินความสามารถ สำหรับผมปาฏิหาริย์วันก่อนสอบไม่มีอยู่จริงครับ (ใครจะเคลมยังไงก็ช่าง) ผมต้องมีเวลาเตรียมตัวมากกว่านี้จริงๆ แต่ท่านอาจารย์ที่ปรึกษาและหัวหน้าสาขาก็ช่วยผมมามากแล้ว จะไปขอให้ท่านยืดเวลาให้ผมไปอีกผมก็เกรงใจและละอายใจด้วย
เพื่อนๆชาวพันทิปมีความเห็นอย่างไรครับ ผมอาจเข้ามาตอบกระทู้ช้าหน่อยเพราะช่วงนี้พยายามติดต่อหน่วยงานและบุคคลที่อาจารย์แนะนำอยู่ครับ ที่ยังอึกอักลีลาทำไมไม่เดินไปถามที่มหาวิทยาลัยเองเลย (น่าจะได้คำตอบไวที่สุดจริงๆนั่นแหละครับ) เพราะระยะทางจากบ้านไปมหาวิทยาลัยมันไกลอยู่เลยต้องวางแผนเดินทาง หากต้องเดินเรื่องเอกสารใดๆก็ตามก็ว่าจะไปในคราวเดียวให้จบๆไม่ต้องเทียวไปเทียวมาน่ะครับ ไม่อยากให้คุณพ่อท่านขับรถทางไกลบ่อยๆ
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ให้ความเห็นไว้ล่วงหน้านะครับ🙏
ขอความเห็นเรื่องการพ้นสภาพและการคืนสภาพนิสิต
ใช้เวลาหกปีเพราะซิ่วมาจากอีกคณะหนึ่ง เสียเวลาไปสองปีเต็มด้วยปัญหาสุขภาพกาย(ซึ่งก็จัดการเทียบโอนหน่วยกิตตัวAทั้งหลายไปเป็นวิชาเลือกเสรีเรียบร้อยไม่มีอะไรติดค้างเช่นกัน) หน่วยกิตครบตามหลักสูตร ฝึกงานผ่านแล้ว วิทยานิพนธ์ก็ผ่านแล้วเช่นกัน แต่ยังขาดแค่การสอบวัดระดับความรู้ของหลักสูตรซึ่งจริงๆผมควรไปสอบให้ผ่านๆซะ แต่ไม่ได้ไปสอบจนมันจะหมดโควต้าแปดปีแล้ว (GPAX ผม 2.85 ครับ, ไม่ดีนักแต่ก็ยังพอถูๆไถๆไปหางานแถวบ้านได้ถ้าจบ แต่มันไม่จบเสียทีเนี่ยแหละ)
ทำไมผมไม่ได้ไปสอบ ผมป่วยหลังฝึกงานเสร็จและต้องรักษาตัวเลยรักษาสภาพไว้ทุกเทอม ขออนุญาตสงวนข้อมูลว่าป่วยเป็นอะไร แต่ผมนอนโรงพยาบาลอยู่นานและนอนพักฟื้นอยู่บ้านในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาครับ แน่นอนว่าสภาพจิตใจตอนนั้นมันแย่มาก เห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันเรียนจบและเริ่มไปทำงานกันแล้ว จนผมเป็นโรคซึมเศร้า (รักษาตัวอย่างเคร่งครัดอยู่ครับ) และก็ไม่ได้อ่านหนังสือเลย ยอมรับว่ามัวแต่นั่งจ้องกำแพงตั้งคำถามกับชีวิตตัวเองครับ
พอกลับมามีสติกับชีวิตได้ว่ายังมีคุณพ่อคุณแม่และพี่ๆอยู่กับผมมันก็เมื่อกลางเดือนกุมภาที่ผ่านมา เส้นตายก็กำลังจะมาถึงในสิ้นซัมเมอร์นี้ครับ
อาจารย์ที่ปรึกษาของผมซึ่งท่านพยายามช่วยอย่างเต็มที่อยากให้ผมไปสอบเป็นกรณีพิเศษที่สาขา (แต่ผมไม่มีความมั่นใจว่าจะสอบผ่านเลยครับ สิบกว่าวันที่เหลืออ่านหนังสือไม่ทันแน่) แต่ท่านก็ให้ข้อมูลผมเช่นกันว่าหากผมพ้นสภาพผมอาจสามารถรีรหัสเข้ามาใหม่ได้ (ข้อมูลนี้ยังไม่ยืนยัน ผมยังโทรศัพท์หาหน่วยงานภายในที่รับผิดชอบไม่ถูกเสียที)
แต่กำหนดพ้นสภาพคือ 22 มิถุนายน 2568 ครับ
มันเป็นปัญหาอย่างไร? ในขั้นแรกขณะที่ผมไม่ทราบว่าอาจจะรีรหัสเข้าไปเรียนใหม่ได้ ผมได้ศึกษาช่องทางเรียนต่อที่รามคำแหงไว้ครับ ซึ่งอาจเสียเวลาอีกประมาณสองสามปีเพราะไม่ใช่ทุกวิชาจะเทียบโอนได้ รามคำแหงส่วนกลางเทอมแรกนั้นเปิดรับสมัครที่มหาวิทยาลัย(walk-in) ครั้งสุดท้ายในเดือนพฤษภาคมครับ
ต่อไปนี้คือส่วนที่ผมอยากขอความเห็นจากทุกท่านครับ🙏
1. ฝืนไปสอบแบบมีอะไรติดหัวนิดหน่อยดีไหมครับ แต่ถ้าไม่ผ่านคงทำอาจารย์ท่านเสียความรู้สึกอีก ผมลังเลเพราะเรื่องนี้เลย หรือผมควรปฏิเสธเรื่องสอบไปเลย (ซึ่งผมกลุ้มตรงที่ไม่อยากให้พวกท่านเสียน้ำใจ เลือกคำพูดไม่ถูก) ตลอดเวลาตั้งแต่ที่ย้ายคณะมาอาจารย์ท่านให้คำปรึกษาและดูแลผมมาตลอดเลยครับ ผมรู้สึกผิดมากๆ เลย
2. รอพ้นสภาพไปรีรหัสดีไหมครับ? หรือผมควรหาข้อมูลเพิ่มเติมให้แน่นก่อนค่อยเอาตัวเลือกนี้มาคิด ยังไงซะมันก็คลุมเครือนี่อยู่
3. หรือผมควรจะลาออก เอาใบลาออกและทรานสคริปไปเทียบโอนเรียนรามเลย?
ต่อให้ต้องไปนั่งเรียนใหม่ ผมมั่นใจว่าสามารถเรียนเนื้อหาที่เรียนผ่านไปแล้วให้ผ่านอีกครั้งได้แน่นอนครับ แต่กรณีให้ยัดทุกอย่างที่เรียนมาสี่ปี(แถมห่างไปแล้วสองปี)ลงหัวภายในสิบกว่าวันเกรงว่าจะเกินความสามารถ สำหรับผมปาฏิหาริย์วันก่อนสอบไม่มีอยู่จริงครับ (ใครจะเคลมยังไงก็ช่าง) ผมต้องมีเวลาเตรียมตัวมากกว่านี้จริงๆ แต่ท่านอาจารย์ที่ปรึกษาและหัวหน้าสาขาก็ช่วยผมมามากแล้ว จะไปขอให้ท่านยืดเวลาให้ผมไปอีกผมก็เกรงใจและละอายใจด้วย
เพื่อนๆชาวพันทิปมีความเห็นอย่างไรครับ ผมอาจเข้ามาตอบกระทู้ช้าหน่อยเพราะช่วงนี้พยายามติดต่อหน่วยงานและบุคคลที่อาจารย์แนะนำอยู่ครับ ที่ยังอึกอักลีลาทำไมไม่เดินไปถามที่มหาวิทยาลัยเองเลย (น่าจะได้คำตอบไวที่สุดจริงๆนั่นแหละครับ) เพราะระยะทางจากบ้านไปมหาวิทยาลัยมันไกลอยู่เลยต้องวางแผนเดินทาง หากต้องเดินเรื่องเอกสารใดๆก็ตามก็ว่าจะไปในคราวเดียวให้จบๆไม่ต้องเทียวไปเทียวมาน่ะครับ ไม่อยากให้คุณพ่อท่านขับรถทางไกลบ่อยๆ
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ให้ความเห็นไว้ล่วงหน้านะครับ🙏