ตอนนี้อยากลืมอดีตสามีค่ะ แต่ลืมไม่ได้เล้ยยยยยยย....อยากสบายใจ อยากมีความสุขแล้วค่ะ
เข้าเรื่องเลยนะคะ...
เราคบกับผู้ชายคนนึงเขาอายุมากกว่าเรา 9 ปี เราอยู่ต่างจังหวัด เขาอยู่กรุงเทพ
คบกันได้ 6 ปี แต่งงานกันได้ 1 ปี ปล.เขาบอกว่าระวัง 7 ปีอาถรรพ์ แล้ววันนั้นก็มาถึง...
ปีที่ 1 ความสัมพันธ์ดีมาก ก.ไก่ล้านตัว และเขาเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่เราตัดสินใจให้พรมจรรย์เราไป
คบคนอื่นๆก็นานขั้นต่ำ 3 ปี นะคะ แต่ไม่คิดจะให้เรื่องนี้เลย แต่คนนี้แหล่ะใช่ และคือสามีในอนาคตแน่นอน
ปีที่ 2 เริ่มเห็นตัวตนกันและกัน ทะเลาะกัน ไม่เข้าใจกัน และเราเริ่มเห็นพฤติกรรมเขาเปลี่ยนไป แชทคุยกับผู้หญิง
บอกเราว่าเพื่อนผู้หญิงเยอะอยู่แล้ว แต่เราก็บอกว่าให้มีขอบเขตบ้าง
ปีที่ 3-5 ทะเลาะกันเรื่อยๆ เขาไปเที่ยวต่างจังหวัดค้างคืนบ่อย บอกไปกับแกงค์เพื่อน ก่อนหน้านี้ไปไหนไกลๆ วีดีโอคอลได้ แต่ช่วงปีนี้บอกไม่สะดวกโทร
เพราะอยู่กับเพื่อนหลายคน ก่อนนอนก็ไม่โทร เราเอ๊ะ...แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าเขาจะนอกใจ
ต้นปีที่ 6 ก่อนแต่งงานเราไปเที่ยวกัน โทรศัพท์เขาไลน์เด้งขึ้น เราเลยเห็นข้อความที่เขาส่งไปบอกรักผู้หญิงคนอื่น คุยกันเกินเพื่อน เราเลยถามโดยไม่โวยวาย เขาบอกปกติก็คุยกับเพื่อนแบบนี้ เราก็นิ่งไม่ด่าสักคำ เขาก็เข้ามากอดแล้วบอกว่า พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ทำให้รู้ว่าเขาโชคดีที่มีเราเป็นแฟน ให้เกียรติ ไม่ใช้อารมณ์ เราก็เชื่อเขาสิ...แล้วเหตุการณ์ก็ผ่านไป แต่ความระแวง ความไม่ไว้ใจของเรากลับมีมากขึ้น
ปลายปีที่ 6 เราแต่งงานกัน แล้วเราก็มารู้ว่าเขาแอบคุยและลึกซึ้งกับผู้หญิงที่มีสามีแล้ว มาตั้งแต่ปีที่ 2 ที่เราคบกัน เราถามเขา เขาบอกเราดูถูก ไม่ให้เกียรติเขา เราก็โอเค เราเชื่อว่าไม่มีอะไรก็ได้ ไม่ดูถูกก็ได้ ก็ปล่อยผ่านไปอีก
รักทางไกลของเราใช้การโทรคุยกันเกือบทุกวัน สลับกันไปมาหาสู่ ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้
ปีที่ 7 เราย้ายมาอยู่บ้านเขา ความระแวงมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวที่แอบดูโทรศัพท์เขา มีทะเลาะกัน เขาก็คงเบื่อหน่ายเรา อยู่บ้านไม่คุยกับเรา บอกว่าปกติที่บ้านก็เป็นแบบนี้ แต่เรานี่เพิ่งย้ายมา เหงาสิ ไม่คุยแบบนี้ทำไงล่ะ?? เขาไปไหนไม่เคยบอก บอกว่าพ่อกับแม่ไม่เห็นถามเลย นี่ทำไมถาม ถามแค่ครั้งเดียวก็หวุดหวิดใส่ มีไปต่างจังหวัด เราไปเห็นเขาพกถุงยางอนามัยไปด้วย และพอกลับมาถุงยางอนามัยหายไป มันแปลว่าอะไร???
- ตั้งแต่วันที่เขาไปรับเราจากต่างจังหวัด ดูเหมือนไม่อยากไปรับ เพราะไม่มีแพลนจะจองตั๋วเครื่องบิน บอกว่าเพื่อนจะพาไป วันสุดท้ายก่อนมารับเราบอกว่าได้ตั๋วรถไฟชั้น 3 เราไม่เอ๊ะ...แล้วเรากลัวเขาเหนื่อยเลยโอนค่าตั๋วเครื่องบินไปให้
-มาอยู่ด้วยกันเราทำงานนอกบ้านด้วย ช่วยงานในบ้านด้วย ทุกเย็นก็ซื้อกับข้าวเข้าบ้าน ดูแลพ่อแม่เขา แต่เรานอนร้องไห้เกือบทุกวัน
-1 ปีมีอะไรกัน 1 ครั้ง เขาบอกว่ารักเราน้อยลง---->ขอลดสถานะเป็นคนรักกัน------>พูดกับเราว่าก็ไม่ได้คิดจะไล่ แต่ก็ไม่อยากให้อยู่ ถ้ามีทางไปก็ไป
-------> เขาบอกแม่เขาว่าจะออกไปอยู่ข้างนอก------>สุดท้ายเราเลยตัดสินใจย้ายออกจากบ้านเขา เพราะรู้แล้วว่าเขาหมดรักเราแล้ว เขาทิ้งท้ายไว้ว่าหากมีวาสนาเราจะได้กลับมาเป็นครอบครัวกันอีก คำพูดนี้คือกับดักที่ทำให้เรารอวันกลับมาเริ่มต้นกันใหม่
-เรามีโอกาสได้คุยกับสามีผู้หญิงคนนั้น ทำให้รู้ว่าเขาเล่นชู้กันมา 4-5 ปีแล้ว สามีผู้หญิงจับได้เลยจะฟ้องชู้ ผู้หญิงเลยบอกจะเลิก แต่ก็จับได้อีก และผู้หญิงก็ขอไปเที่ยวต่างจังหวัดเรื่อยๆ จนมารู้จากเราซึ่งเหตุการณ์ทุกอย่างตรงกัน สามีเขาบอกว่ารู้นานแล้วแต่ยังอยู่บ้านเดียวกันเพราะสงสารและต้องช่วยเรื่องการเงินและหนี้สินของผู้หญิงคนนั้น สุดท้ายผู้หญิงก็ขอหย่าเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งมันเป็นช่วงเดียวกันกับที่เราออกมาจากบ้านเขา
-พอออกมาจากบ้านเขามานึกย้อนดู เขาไม่เคยพาเราไปหาหมอในวันที่เราไม่สบาย เราไปคนเดียว ไม่เคยถามว่าเรามีเงินพอใช้รึป่าว ไม่ถาม ไม่ใส่ใจ สนใจว่าชีวิตเราที่ต้องมาเปลี่ยนสภาพแวดล้อม จากที่อยู่ต่างจังหวัดมาเกือบ 40 ปี ต้องย้ายมาอยู่ที่นี่เป็นยังไง เขาบอกว่าคนอื่นก็อยู่ได้ ก็ต้องอยู่ได้สิ แต่เราก็อยากได้ความอบอุ่น การซัพพอร์ตบ้าง เพราะเรามาที่นี่เราเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด เราอยากประคองครอบครัวเลยเลือกอดทน และเสียตัวให้เขาแล้วไง ขพไปมีสามีใหม่ก็ไม่คิดเลย เราไม่เคยคุยกันดีๆเลย เราเพิ่งเริ่มถาม เขาก็บึ้งใส่ ตั้งกำแพงใส่แล้ว การสื่อสารระหว่างเราค่อนข้างแย่ เวลามีปัญหาเขาไม่คุยกับเรา
เขาเลือกไประบายกับชู้แล้วชู้ก็ทำให้เขาสบายใจ ส่วนเราก็เป็นหมาเหงาน่าเบื่อสำหรับเขา เรามารู้ว่าเขาแต่งงานกับเราเพราะเกรงใจ เขาไม่ได้คิดจะจีบเราแต่มาขอเราเป็นแฟนทำไม เขาบอกว่าเขาต้องทำงานบ้าน เพราะคนใช้ไม่อยู่ เขาพูดสนุกปาก แต่เราไม่สนุกด้วยเลย และที่สำคัญเราเสียใจมากหลังจากที่เราออกมาเราตามสืบหาความจริงต่างๆ เพราะเราอยากลืมเขา ตัดเขาออกจากชีวิต และพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้มีคนอื่น เพราะเขาก็ปฏิเสธมาตลอด บอกว่าความคิดเราแตกต่างกัน เป็นครอบครัวกันไม่ได้ พอเรารู้เรื่องเราบอกแม่เรา บอกแม่เขาบอกกับแม่เราว่า เราคล้ายคนเป็นจิตเวช เราอยากรู้ความจริงเราผิดมากเหรอ แล้วคนที่ไม่ยอมรับความจริงคืออะไร
-ตอนนี้ไม่ได้ติดต่อกันแล้ว ที่สำคัญคือ แม่เขาบอกว่าเขาบล็อคเรา คงเกลียดเรามากแบบไม่มีเยื่อใยเลย ตอนนี้เรายังคิดถึงเขา กลับมาถึงห้องก็เหงา ซึม ร้องไห้เกือบทุกวัน ช่วงกลางวันทำงานได้ปกติ กลางคืนนี่เหงามาก จะเป็นจิตเวชจริงก็คราวนี้แหล่ะ
เลยอยากจะให้ช่วยด่าเราแรงๆกระตุ้นต่อมเราหน่อยค่ะ ให้คิดได้ ให้ลืมเขาได้ เพราะครอบครัว เพื่อนคุยดีๆ ปลอบใจให้กำลังใจก็แล้ว สวดมนต์ ไปวัดก็แล้ว ตัดใจไม่ได้สักที อยากมีความสุขแล้วค่ะ เรารู้ค่ะว่าเราเท่านั้นที่จะดีได้ด้วยตัวของเราเอง แค่วันนี้ขอแชร์ประสบการณ์ความรักและให้เพื่อนๆด่าแรงๆหน่อยค่ะ ....
ขอบคุณที่อ่านถึงบรรทัดสุดท้าย อาจจะยาวหน่อยนะคะ
สนับสนุนให้คนไทยอ่านหนังสือเกิน 8 บรรทัดค่ะ
ช่วยกันมาด่าเราเพื่อให้ลืมผู้ชายคนนี้👮♂️หน่อยค่ะ
เข้าเรื่องเลยนะคะ...
เราคบกับผู้ชายคนนึงเขาอายุมากกว่าเรา 9 ปี เราอยู่ต่างจังหวัด เขาอยู่กรุงเทพ
คบกันได้ 6 ปี แต่งงานกันได้ 1 ปี ปล.เขาบอกว่าระวัง 7 ปีอาถรรพ์ แล้ววันนั้นก็มาถึง...
ปีที่ 1 ความสัมพันธ์ดีมาก ก.ไก่ล้านตัว และเขาเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่เราตัดสินใจให้พรมจรรย์เราไป
คบคนอื่นๆก็นานขั้นต่ำ 3 ปี นะคะ แต่ไม่คิดจะให้เรื่องนี้เลย แต่คนนี้แหล่ะใช่ และคือสามีในอนาคตแน่นอน
ปีที่ 2 เริ่มเห็นตัวตนกันและกัน ทะเลาะกัน ไม่เข้าใจกัน และเราเริ่มเห็นพฤติกรรมเขาเปลี่ยนไป แชทคุยกับผู้หญิง
บอกเราว่าเพื่อนผู้หญิงเยอะอยู่แล้ว แต่เราก็บอกว่าให้มีขอบเขตบ้าง
ปีที่ 3-5 ทะเลาะกันเรื่อยๆ เขาไปเที่ยวต่างจังหวัดค้างคืนบ่อย บอกไปกับแกงค์เพื่อน ก่อนหน้านี้ไปไหนไกลๆ วีดีโอคอลได้ แต่ช่วงปีนี้บอกไม่สะดวกโทร
เพราะอยู่กับเพื่อนหลายคน ก่อนนอนก็ไม่โทร เราเอ๊ะ...แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าเขาจะนอกใจ
ต้นปีที่ 6 ก่อนแต่งงานเราไปเที่ยวกัน โทรศัพท์เขาไลน์เด้งขึ้น เราเลยเห็นข้อความที่เขาส่งไปบอกรักผู้หญิงคนอื่น คุยกันเกินเพื่อน เราเลยถามโดยไม่โวยวาย เขาบอกปกติก็คุยกับเพื่อนแบบนี้ เราก็นิ่งไม่ด่าสักคำ เขาก็เข้ามากอดแล้วบอกว่า พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ทำให้รู้ว่าเขาโชคดีที่มีเราเป็นแฟน ให้เกียรติ ไม่ใช้อารมณ์ เราก็เชื่อเขาสิ...แล้วเหตุการณ์ก็ผ่านไป แต่ความระแวง ความไม่ไว้ใจของเรากลับมีมากขึ้น
ปลายปีที่ 6 เราแต่งงานกัน แล้วเราก็มารู้ว่าเขาแอบคุยและลึกซึ้งกับผู้หญิงที่มีสามีแล้ว มาตั้งแต่ปีที่ 2 ที่เราคบกัน เราถามเขา เขาบอกเราดูถูก ไม่ให้เกียรติเขา เราก็โอเค เราเชื่อว่าไม่มีอะไรก็ได้ ไม่ดูถูกก็ได้ ก็ปล่อยผ่านไปอีก
รักทางไกลของเราใช้การโทรคุยกันเกือบทุกวัน สลับกันไปมาหาสู่ ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้
ปีที่ 7 เราย้ายมาอยู่บ้านเขา ความระแวงมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวที่แอบดูโทรศัพท์เขา มีทะเลาะกัน เขาก็คงเบื่อหน่ายเรา อยู่บ้านไม่คุยกับเรา บอกว่าปกติที่บ้านก็เป็นแบบนี้ แต่เรานี่เพิ่งย้ายมา เหงาสิ ไม่คุยแบบนี้ทำไงล่ะ?? เขาไปไหนไม่เคยบอก บอกว่าพ่อกับแม่ไม่เห็นถามเลย นี่ทำไมถาม ถามแค่ครั้งเดียวก็หวุดหวิดใส่ มีไปต่างจังหวัด เราไปเห็นเขาพกถุงยางอนามัยไปด้วย และพอกลับมาถุงยางอนามัยหายไป มันแปลว่าอะไร???
- ตั้งแต่วันที่เขาไปรับเราจากต่างจังหวัด ดูเหมือนไม่อยากไปรับ เพราะไม่มีแพลนจะจองตั๋วเครื่องบิน บอกว่าเพื่อนจะพาไป วันสุดท้ายก่อนมารับเราบอกว่าได้ตั๋วรถไฟชั้น 3 เราไม่เอ๊ะ...แล้วเรากลัวเขาเหนื่อยเลยโอนค่าตั๋วเครื่องบินไปให้
-มาอยู่ด้วยกันเราทำงานนอกบ้านด้วย ช่วยงานในบ้านด้วย ทุกเย็นก็ซื้อกับข้าวเข้าบ้าน ดูแลพ่อแม่เขา แต่เรานอนร้องไห้เกือบทุกวัน
-1 ปีมีอะไรกัน 1 ครั้ง เขาบอกว่ารักเราน้อยลง---->ขอลดสถานะเป็นคนรักกัน------>พูดกับเราว่าก็ไม่ได้คิดจะไล่ แต่ก็ไม่อยากให้อยู่ ถ้ามีทางไปก็ไป
-------> เขาบอกแม่เขาว่าจะออกไปอยู่ข้างนอก------>สุดท้ายเราเลยตัดสินใจย้ายออกจากบ้านเขา เพราะรู้แล้วว่าเขาหมดรักเราแล้ว เขาทิ้งท้ายไว้ว่าหากมีวาสนาเราจะได้กลับมาเป็นครอบครัวกันอีก คำพูดนี้คือกับดักที่ทำให้เรารอวันกลับมาเริ่มต้นกันใหม่
-เรามีโอกาสได้คุยกับสามีผู้หญิงคนนั้น ทำให้รู้ว่าเขาเล่นชู้กันมา 4-5 ปีแล้ว สามีผู้หญิงจับได้เลยจะฟ้องชู้ ผู้หญิงเลยบอกจะเลิก แต่ก็จับได้อีก และผู้หญิงก็ขอไปเที่ยวต่างจังหวัดเรื่อยๆ จนมารู้จากเราซึ่งเหตุการณ์ทุกอย่างตรงกัน สามีเขาบอกว่ารู้นานแล้วแต่ยังอยู่บ้านเดียวกันเพราะสงสารและต้องช่วยเรื่องการเงินและหนี้สินของผู้หญิงคนนั้น สุดท้ายผู้หญิงก็ขอหย่าเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งมันเป็นช่วงเดียวกันกับที่เราออกมาจากบ้านเขา
-พอออกมาจากบ้านเขามานึกย้อนดู เขาไม่เคยพาเราไปหาหมอในวันที่เราไม่สบาย เราไปคนเดียว ไม่เคยถามว่าเรามีเงินพอใช้รึป่าว ไม่ถาม ไม่ใส่ใจ สนใจว่าชีวิตเราที่ต้องมาเปลี่ยนสภาพแวดล้อม จากที่อยู่ต่างจังหวัดมาเกือบ 40 ปี ต้องย้ายมาอยู่ที่นี่เป็นยังไง เขาบอกว่าคนอื่นก็อยู่ได้ ก็ต้องอยู่ได้สิ แต่เราก็อยากได้ความอบอุ่น การซัพพอร์ตบ้าง เพราะเรามาที่นี่เราเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด เราอยากประคองครอบครัวเลยเลือกอดทน และเสียตัวให้เขาแล้วไง ขพไปมีสามีใหม่ก็ไม่คิดเลย เราไม่เคยคุยกันดีๆเลย เราเพิ่งเริ่มถาม เขาก็บึ้งใส่ ตั้งกำแพงใส่แล้ว การสื่อสารระหว่างเราค่อนข้างแย่ เวลามีปัญหาเขาไม่คุยกับเรา
เขาเลือกไประบายกับชู้แล้วชู้ก็ทำให้เขาสบายใจ ส่วนเราก็เป็นหมาเหงาน่าเบื่อสำหรับเขา เรามารู้ว่าเขาแต่งงานกับเราเพราะเกรงใจ เขาไม่ได้คิดจะจีบเราแต่มาขอเราเป็นแฟนทำไม เขาบอกว่าเขาต้องทำงานบ้าน เพราะคนใช้ไม่อยู่ เขาพูดสนุกปาก แต่เราไม่สนุกด้วยเลย และที่สำคัญเราเสียใจมากหลังจากที่เราออกมาเราตามสืบหาความจริงต่างๆ เพราะเราอยากลืมเขา ตัดเขาออกจากชีวิต และพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้มีคนอื่น เพราะเขาก็ปฏิเสธมาตลอด บอกว่าความคิดเราแตกต่างกัน เป็นครอบครัวกันไม่ได้ พอเรารู้เรื่องเราบอกแม่เรา บอกแม่เขาบอกกับแม่เราว่า เราคล้ายคนเป็นจิตเวช เราอยากรู้ความจริงเราผิดมากเหรอ แล้วคนที่ไม่ยอมรับความจริงคืออะไร
-ตอนนี้ไม่ได้ติดต่อกันแล้ว ที่สำคัญคือ แม่เขาบอกว่าเขาบล็อคเรา คงเกลียดเรามากแบบไม่มีเยื่อใยเลย ตอนนี้เรายังคิดถึงเขา กลับมาถึงห้องก็เหงา ซึม ร้องไห้เกือบทุกวัน ช่วงกลางวันทำงานได้ปกติ กลางคืนนี่เหงามาก จะเป็นจิตเวชจริงก็คราวนี้แหล่ะ
เลยอยากจะให้ช่วยด่าเราแรงๆกระตุ้นต่อมเราหน่อยค่ะ ให้คิดได้ ให้ลืมเขาได้ เพราะครอบครัว เพื่อนคุยดีๆ ปลอบใจให้กำลังใจก็แล้ว สวดมนต์ ไปวัดก็แล้ว ตัดใจไม่ได้สักที อยากมีความสุขแล้วค่ะ เรารู้ค่ะว่าเราเท่านั้นที่จะดีได้ด้วยตัวของเราเอง แค่วันนี้ขอแชร์ประสบการณ์ความรักและให้เพื่อนๆด่าแรงๆหน่อยค่ะ ....
ขอบคุณที่อ่านถึงบรรทัดสุดท้าย อาจจะยาวหน่อยนะคะ
สนับสนุนให้คนไทยอ่านหนังสือเกิน 8 บรรทัดค่ะ