
สวัสดีเพื่อนๆ ชาว Pantip! วันนี้คุณผึ้งอยากมาแชร์ประสบการณ์ และ แพลนเที่ยว
"นอร์เวย์ 5 วันด้วยงบ 35,000 บาท (ไม่รวมตั๋วเครื่องบินไปกลับจากไทย)" ทริปนี้เรา Solo เที่ยวคนเดียวเลยจุกๆ 3 เมือง และ เห็นแสงเหนือเป็นกำไรของทริป แน่นอนว่าเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของหลายๆ คน มาดูกันว่าทริปนี้เราจะไปที่ไหนกันบ้าง!
โดยรีวิวนี้ คุณผึ้งขออนุญาตแบ่งเขียนเป็น 6 Parts เพื่อความเข้าใจง่าย และตามรอยได้สบายๆ ค่ะ
Part 1 - เตรียมตัวไปเที่ยว
สิ่งที่ต้องมีสำหรับไปเที่ยวนอร์เวย์ จะมี 3 เรื่องหลักๆ นะคะ ที่คุณผึ้งอยากแนะนำ ดังนี้
1. ประกันเดินทาง

เราเลือกทำกับประกันเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ที่ถ้าวีซ่าไม่ผ่าน เขาคืนเงินให้ 100% โดยซื้อทางออนไลน์ผ่าน
https://allianz-assistance.co.th/travel/ ง่ายๆ ค่ะ กรอกข้อมูลประเทศที่จะไป และเลือกช่วงเวลาที่จะไปเที่ยว แล้วกดคำนวณเบี้ยประกัน กรอกข้อมูลผู้เดินทาง แล้วดำเนินการชำระเงิน กรมธรรม์จะส่งเข้าเมลทันทีค่ะ โดยสามารถซื้อประกันล่วงหน้าได้ตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง 2 ชั่วโมงไปจนถึง 6 เดือน

ข้อดีของอลิอันซ์คือ เขาเป็นแบรนด์ประกันอันดับ 1 ของโลก 6 ปีซ้อน และมีเครือข่ายไว้ช่วยดูแลเราตลอด 24 ชั่วโมงค่ะ โดยวงเงินประกันที่เราทำ ต้องตรงเงื่อนไขที่วีซ่ากำหนดมาขั้นต่ำคือ 30,000 EUR (1 ล้าน ++) โดยประกันเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel เขาจะมีความคุ้มครองหลักๆ ดังนี้
- คุ้มครองสูงสุด 6 ล้านบาท
- ค่ารักษาพยาบาลตามวงเงินสูงสุดถึง 4 ล้านบาท
- การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง
- กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์
- กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม.
โปรโมชั่นประกันเดินทางในตอนนี้ หากซื้อแผนรายเที่ยว รับฟรี! บัตร Starbucks มูลค่าสูงสุด 400 บาท แต่หากซื้อแผนรายปี รับฟรี! บัตร Starbucks มูลค่าสูงสุด 800 บาท
ใครที่มีแพลนจะเดินทางไปต่างประเทศ ลองดูรายละเอียดหรือสอบถามตามช่องทางนี้ได้เลยค่ะ
Website:
https://allianz-assistance.co.th/travel/
Inbox:
https://m.me/AllianzTravelThailand
LINE:
http://bit.ly/lineattAztravel
โทร: 02-305-8512 (จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-17.30 น.)
24Hrs Emergency Assistance: 02-342-3237
2. วีซ่าเชงเก้น
ขั้นตอนการทำวีซ่าเชงเก้น (ใช้ชีวิตที่นอร์เวย์เป็นหลัก) จะมีอยู่ 3 ขั้นตอนหลักค่ะ
2.1 กรอกข้อมูลในเว็บสถานทูตนอร์เวย์
https://www.norway.no/en/thailand/ (มีค่าใช้จ่าย 90 EUR)
2.2 จากข้อ 2.1 นำ UID กรอกข้อมูลเพื่อจองเข้าไปยื่นเอกสารที่ให้บริการโดย VFS
https://visa.vfsglobal.com/tha/en/nor/login
2.3 ไปสัมภาษณ์ที่ เบลล์ แกรนด์ พระราม พร้อมปริ้นเอกสาร หลักฐานทั้งหมด รูปถ่ายตามที่เขาระบุไว้ 1 ใบ (แต่งหน้าไปด้วย เพราะภาพในวีซ่าต้องถ่ายใหม่ตรงนั้นอยู่ดี)
3. อินเทอร์เน็ต
ทุกอย่างที่โซนสแกดิเนเวียน ทุกจุดแทบต้องใช้ อินเทอร์เน็ตค่ะ ตั๋วขึ้นรถไฟในเมืองต่างๆ ซื้อผ่านแอพ สแกนผ่านแอพทั้งหมดค่ะ ที่นี่อินเทอร์เน็ตเร็วทุกที่ สนามบิน โรงแรม โดยเราเปิด Roaming มาจากเมืองไทยค่ะ และ ซื้อ e-sim เติมเอา 2-3 ชั่วโมงช่วงวันท้ายๆ
Part 2: ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
- ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ: ~6,000 - 40,000 บาท (มี Low Cost บินตรงชื่อว่า Norse)
- ค่าที่พัก (เฉลี่ยคืนละ 3,000-5,000 บาท): ~11,045 บาท
- ค่าเดินทางในประเทศ (เครื่องบิน, รถไฟ, เรือ): ~7,300 บาท
- ค่าอาหาร กิจกรรม: ~15,000 บาท
- รวม: ประมาณ 35,000 - 120,000 บาท (แล้วแต่ไลฟ์สไตล์)
Part 3: ทริคเล็กๆ ที่รู้แล้วชีวิตจะง่ายขึ้น
น้ำประปาที่นอร์เวย์ดื่มได้ค่ะ พกแก้วน้ำ และ ขวดน้ำไปกรอกได้เลย คุณภาพดี โดยส่วนตัวรู้สึกว่าดีกว่าฝั่งอเมริกา และ ออสเตรเลียอีกค่ะ
ที่นี่เขาขับรถชิดขวา เวลาขึ้นรถเมล์ก็ไปรอให้ถูกฝั่ง ขึ้นรถเมล์ทางขวา
รถไฟข้ามเมืองแนะนำให้ซื้อตั๋วผ่าน Vy ส่วนเครื่องบิน แนะนำให้ใช้บริการสายการบิน Scandinavian Airlines (SAS) เรื่องต่อเครื่อง การบริการ ความกว้างของที่นั่งเขาทำดีมาก สะดวกเรื่องต่อเครื่องด้วยค่ะ โดยปัจจุบันทุกอย่างเรากดผ่านตู้หมดนะคะ เช็คอิน โหลดกระเป๋า ต้องดำเนินการเองทั้งหมด
ที่นี่เวลาเข้าห้องน้ำ ไม่มีสายชำระนะคะ โปรดเตรียมทิชชูเปียกไปด้วย ส่วนข้อดีของห้องน้ำที่นี่คือ พื้นจะอุ่นเพราะใต้พื้นมีระบบทำความอุ่น
โรงแรมในเมืองที่แพงที่สุดในการเที่ยวครั้งนี้คือ Tromso นะคะอาจต้องอาศัย Airbnb เป็นอีกทางเลือก ส่วนเมือง Bergen อย่าเน้นโรงแรมราคาถูกจนเกินไป อาจพบปัญหาได้ค่ะ ส่วน Oslo โรงแรมดี ราคาน่ารักเพียบ
ผู้คนหน้าตาดี สูง ผู้ชายจะมีความผมทอง ตาฟ้า แต่งตัวสไตล์สแกดิเนเวียน คุมโทน เสื้อผ้าดูแพง
Part 4: เที่ยวเมือง Oslo 1 วัน

เริ่มต้นทริปที่ Oslo เมืองหลวงของนอร์เวย์ บรรยากาศเงียบสงบแต่มีเสน่ห์มาก เราแวะไปเที่ยว Opera House อาคารสถาปัตยกรรมสุดล้ำที่สามารถเดินขึ้นไปชมวิวบนหลังคาได้ จากนั้นไปเดินเล่นที่ Aker Brygge ย่านริมน้ำที่เต็มไปด้วยคาเฟ่และร้านอาหาร ปิดท้ายวันด้วยการเดินชม Karl Johans gate ถนนช้อปปิ้งสายหลักของเมือง
โดยขออนุญาตแชร์เทคนิค และ แพลนเที่ยวใน Oslo ดังนี้ค่ะ
รถไฟจากสนามบิน

จากสนามบิน Oslo เราสามารถเข้าสู่กลางใจเมือง (Oslo S) ได้หลายวิธีค่ะ อยู่ที่ความรีบของเรา
- Flytog เป็นรถ Airport Express trains แพงสุด เราใช้บริการตัวนี้ค่ะ เพราะมาถึงค่ำแล้วไม่อยากช้าค่าบริการอยู่ที่ 252 NOK
- Regional Express Trains
- Regional Trains
การคมนาคมในเมือง

เมืองนี้ปี 2025 เราไปไหนมาไหนด้วยแอปพลิเคชัน Ruter แอพเดียวจบ ซื้อตั๋วแบบ 24 hr. ไว้ก็ใช้ได้ทั้งวันทั้งคืนค่ะ ใช้ขึ้นรถเมล์ รถไฟได้หมด แบ่งราคาตามโซนที่บัตรไปถึง ยิ่งไกลก็จ่ายแพงขึ้น โดยระบบที่นี่เขาใช้ความไว้ใจกันค่ะ ไม่ต้องคอยสแกนตอนขึ้นลงรถ แต่จะมีเจ้าหน้าที่คอยเดินสุ่มตรวจค่ะ
พิกัดที่เที่ยว (One day trip)
คุณผึ้งอยู่เที่ยวใน Oslo ไม่ถึงกับ 1 วันเต็มค่ะ จุดประสงค์ของการแวะเที่ยวที่นี่คือ รอเวลานั่งรถไฟไปเมือง Bergen ที่จะออกจากที่นี่เวลา 16:00 ก็เลยแวะเที่ยวได้ประมาณนี้ค่ะ
Operahuset Oslo (Opera House)
Munch
The Vigeland Park
Henie Onstad Kunstsenter
ร้านอร่อย

ตรงนี้ต้องขอบคุณพี่ๆ ที่เป็นไกด์ และ ไปเที่ยวนอร์เวย์บ่อยๆ เขาแชร์ร้านอาหารอร่อยมาให้ ณ ที่นี่ด้วยนะคะ ส่วนตัวเราเป็นคนชอบอาหารเอเชียนะคะ ร้านที่แนะนำเลยจะเป็นอาหารสไตล์เอเชีย และตอนไปคนท้องถิ่นเองก็มาทานกันแน่นร้านค่ะ
- Barcode Street Food
- Hrimnir Ramen
โรงแรมที่พัก

ข้อดีของ Oslo คือโรงแรมที่พักราคาไม่แรง และคุณภาพดีหาไม่ยากค่ะ ถ้าเทียบกับเมืองอื่นในการมาทริปนี้ ครั้งนี้คุณผึ้งพักกันที่
Bunks at Rode เป็นโรงแรมสไตล์ Budget ที่เลือกแบบ Budget เพราะการมาเที่ยวครั้งนี้เน้นเที่ยวข้างนอกทั้งหมดค่ะ ไม่ได้ใช้ชีวิตในโรงแรมเท่าไรนัก โดยที่นี่คุณภาพโอเคเลยค่ะ มีห้องน้ำ มีครัวในตัว เดินทางสะดวก อยากแนะนำสำหรับใครที่อยากประหยัดงบค่ะ
จากนั้นเรานั่งรถไฟข้ามเมืองจาก Oslo ไปที่ Bergen กันค่ะจองผ่าน Vy (
https://www.vy.no/nn) เขาจะระบุวันเวลา ขบวน ตู้โบกี้ เลขที่นั่งไว้ชัดเลย ถือว่าเข้าใจง่าย ไม่หลงค่ะ
Part 5: เที่ยวเมือง Bergen 1 วัน

Bergen เมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์สุดๆ โดยไฮไลต์ของที่นี่คือ Bryggen ย่านท่าเรือที่เป็นมรดกโลกของยูเนสโก และ Fløibanen Funicular รถรางที่พาขึ้นไปชมวิวเมืองเบอร์เกนจากมุมสูง โดยเรามาถึงที่นี่ก็ดึกมากแล้วค่ะ แต่เที่ยวเต็มวันในวันถัดไป
โดยขออนุญาตแชร์เทคนิค และ แพลนเที่ยวใน Bergen ดังนี้ค่ะ
การเดินทางเข้าเมือง

ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางมาจากสนามบิน และ รถไฟ ที่นี่มีระบบคมนาคมที่ดีเชื่อมโยงกันหมดค่ะ เปิด Google Map จะได้คำแนะนำที่ดีที่สุดค่ะ
การคมนาคมในเมือง

แนะนำให้ซื้อตั๋วแบบ 24 ชั่วโมง ด้วยตู้ Billet ที่เขาจะตั้งอยู่บริเวณป้ายรถเมล์ใหญ่ๆ เวลาซื้อเราไม่ได้ปริ้นบัตรอะไรนะคะ แต่เน้นให้ส่งเป็น sms เข้ามาที่เบอร์เรา ก็จะมีหลักฐานแสดงเวลาเขาตรวจแล้วค่ะ ส่วนอีกทางเลือกถ้าอยู่เที่ยวคุ้ม แนะนำให้ซื้อแบบ One-day card จะแพงขึ้นอีกระดับ แต่ในบัตรจะรวมค่าเข้าที่เที่ยวต่างๆ ไว้ให้ค่ะ
พิกัดที่เที่ยว
เมือง Bergen เป็นเมืองเล็กๆ ค่ะ ด้วยเวลา และอากาศที่หนาวจัดเราเลือกเที่ยวที่เที่ยวไฮไลต์เช่น
Mount Floyen (Floyfjellet)
Fishmarket in Berg
Bryggen
[BR] แชร์แพลนเที่ยว ล่าแสงเหนือ “นอร์เวย์ 5 วัน 3 เมือง” ฉบับผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้
สวัสดีเพื่อนๆ ชาว Pantip! วันนี้คุณผึ้งอยากมาแชร์ประสบการณ์ และ แพลนเที่ยว "นอร์เวย์ 5 วันด้วยงบ 35,000 บาท (ไม่รวมตั๋วเครื่องบินไปกลับจากไทย)" ทริปนี้เรา Solo เที่ยวคนเดียวเลยจุกๆ 3 เมือง และ เห็นแสงเหนือเป็นกำไรของทริป แน่นอนว่าเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของหลายๆ คน มาดูกันว่าทริปนี้เราจะไปที่ไหนกันบ้าง!
โดยรีวิวนี้ คุณผึ้งขออนุญาตแบ่งเขียนเป็น 6 Parts เพื่อความเข้าใจง่าย และตามรอยได้สบายๆ ค่ะ
Part 1 - เตรียมตัวไปเที่ยว
สิ่งที่ต้องมีสำหรับไปเที่ยวนอร์เวย์ จะมี 3 เรื่องหลักๆ นะคะ ที่คุณผึ้งอยากแนะนำ ดังนี้
1. ประกันเดินทาง
เราเลือกทำกับประกันเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel ที่ถ้าวีซ่าไม่ผ่าน เขาคืนเงินให้ 100% โดยซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://allianz-assistance.co.th/travel/ ง่ายๆ ค่ะ กรอกข้อมูลประเทศที่จะไป และเลือกช่วงเวลาที่จะไปเที่ยว แล้วกดคำนวณเบี้ยประกัน กรอกข้อมูลผู้เดินทาง แล้วดำเนินการชำระเงิน กรมธรรม์จะส่งเข้าเมลทันทีค่ะ โดยสามารถซื้อประกันล่วงหน้าได้ตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง 2 ชั่วโมงไปจนถึง 6 เดือน
ข้อดีของอลิอันซ์คือ เขาเป็นแบรนด์ประกันอันดับ 1 ของโลก 6 ปีซ้อน และมีเครือข่ายไว้ช่วยดูแลเราตลอด 24 ชั่วโมงค่ะ โดยวงเงินประกันที่เราทำ ต้องตรงเงื่อนไขที่วีซ่ากำหนดมาขั้นต่ำคือ 30,000 EUR (1 ล้าน ++) โดยประกันเดินทางต่างประเทศ Allianz Travel เขาจะมีความคุ้มครองหลักๆ ดังนี้
- คุ้มครองสูงสุด 6 ล้านบาท
- ค่ารักษาพยาบาลตามวงเงินสูงสุดถึง 4 ล้านบาท
- การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง
- กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์
- กระเป๋าเดินทางหรือเอกสารสำคัญสูญหาย
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม.
โปรโมชั่นประกันเดินทางในตอนนี้ หากซื้อแผนรายเที่ยว รับฟรี! บัตร Starbucks มูลค่าสูงสุด 400 บาท แต่หากซื้อแผนรายปี รับฟรี! บัตร Starbucks มูลค่าสูงสุด 800 บาท
ใครที่มีแพลนจะเดินทางไปต่างประเทศ ลองดูรายละเอียดหรือสอบถามตามช่องทางนี้ได้เลยค่ะ
Website: https://allianz-assistance.co.th/travel/
Inbox: https://m.me/AllianzTravelThailand
LINE: http://bit.ly/lineattAztravel
โทร: 02-305-8512 (จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-17.30 น.)
24Hrs Emergency Assistance: 02-342-3237
2. วีซ่าเชงเก้น
ขั้นตอนการทำวีซ่าเชงเก้น (ใช้ชีวิตที่นอร์เวย์เป็นหลัก) จะมีอยู่ 3 ขั้นตอนหลักค่ะ
2.1 กรอกข้อมูลในเว็บสถานทูตนอร์เวย์ https://www.norway.no/en/thailand/ (มีค่าใช้จ่าย 90 EUR)
2.2 จากข้อ 2.1 นำ UID กรอกข้อมูลเพื่อจองเข้าไปยื่นเอกสารที่ให้บริการโดย VFS https://visa.vfsglobal.com/tha/en/nor/login
2.3 ไปสัมภาษณ์ที่ เบลล์ แกรนด์ พระราม พร้อมปริ้นเอกสาร หลักฐานทั้งหมด รูปถ่ายตามที่เขาระบุไว้ 1 ใบ (แต่งหน้าไปด้วย เพราะภาพในวีซ่าต้องถ่ายใหม่ตรงนั้นอยู่ดี)
3. อินเทอร์เน็ต
ทุกอย่างที่โซนสแกดิเนเวียน ทุกจุดแทบต้องใช้ อินเทอร์เน็ตค่ะ ตั๋วขึ้นรถไฟในเมืองต่างๆ ซื้อผ่านแอพ สแกนผ่านแอพทั้งหมดค่ะ ที่นี่อินเทอร์เน็ตเร็วทุกที่ สนามบิน โรงแรม โดยเราเปิด Roaming มาจากเมืองไทยค่ะ และ ซื้อ e-sim เติมเอา 2-3 ชั่วโมงช่วงวันท้ายๆ
Part 2: ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
- ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ: ~6,000 - 40,000 บาท (มี Low Cost บินตรงชื่อว่า Norse)
- ค่าที่พัก (เฉลี่ยคืนละ 3,000-5,000 บาท): ~11,045 บาท
- ค่าเดินทางในประเทศ (เครื่องบิน, รถไฟ, เรือ): ~7,300 บาท
- ค่าอาหาร กิจกรรม: ~15,000 บาท
- รวม: ประมาณ 35,000 - 120,000 บาท (แล้วแต่ไลฟ์สไตล์)
Part 3: ทริคเล็กๆ ที่รู้แล้วชีวิตจะง่ายขึ้น
น้ำประปาที่นอร์เวย์ดื่มได้ค่ะ พกแก้วน้ำ และ ขวดน้ำไปกรอกได้เลย คุณภาพดี โดยส่วนตัวรู้สึกว่าดีกว่าฝั่งอเมริกา และ ออสเตรเลียอีกค่ะ
ที่นี่เขาขับรถชิดขวา เวลาขึ้นรถเมล์ก็ไปรอให้ถูกฝั่ง ขึ้นรถเมล์ทางขวา
รถไฟข้ามเมืองแนะนำให้ซื้อตั๋วผ่าน Vy ส่วนเครื่องบิน แนะนำให้ใช้บริการสายการบิน Scandinavian Airlines (SAS) เรื่องต่อเครื่อง การบริการ ความกว้างของที่นั่งเขาทำดีมาก สะดวกเรื่องต่อเครื่องด้วยค่ะ โดยปัจจุบันทุกอย่างเรากดผ่านตู้หมดนะคะ เช็คอิน โหลดกระเป๋า ต้องดำเนินการเองทั้งหมด
ที่นี่เวลาเข้าห้องน้ำ ไม่มีสายชำระนะคะ โปรดเตรียมทิชชูเปียกไปด้วย ส่วนข้อดีของห้องน้ำที่นี่คือ พื้นจะอุ่นเพราะใต้พื้นมีระบบทำความอุ่น
โรงแรมในเมืองที่แพงที่สุดในการเที่ยวครั้งนี้คือ Tromso นะคะอาจต้องอาศัย Airbnb เป็นอีกทางเลือก ส่วนเมือง Bergen อย่าเน้นโรงแรมราคาถูกจนเกินไป อาจพบปัญหาได้ค่ะ ส่วน Oslo โรงแรมดี ราคาน่ารักเพียบ
ผู้คนหน้าตาดี สูง ผู้ชายจะมีความผมทอง ตาฟ้า แต่งตัวสไตล์สแกดิเนเวียน คุมโทน เสื้อผ้าดูแพง
Part 4: เที่ยวเมือง Oslo 1 วัน
เริ่มต้นทริปที่ Oslo เมืองหลวงของนอร์เวย์ บรรยากาศเงียบสงบแต่มีเสน่ห์มาก เราแวะไปเที่ยว Opera House อาคารสถาปัตยกรรมสุดล้ำที่สามารถเดินขึ้นไปชมวิวบนหลังคาได้ จากนั้นไปเดินเล่นที่ Aker Brygge ย่านริมน้ำที่เต็มไปด้วยคาเฟ่และร้านอาหาร ปิดท้ายวันด้วยการเดินชม Karl Johans gate ถนนช้อปปิ้งสายหลักของเมือง
โดยขออนุญาตแชร์เทคนิค และ แพลนเที่ยวใน Oslo ดังนี้ค่ะ
รถไฟจากสนามบิน
จากสนามบิน Oslo เราสามารถเข้าสู่กลางใจเมือง (Oslo S) ได้หลายวิธีค่ะ อยู่ที่ความรีบของเรา
- Flytog เป็นรถ Airport Express trains แพงสุด เราใช้บริการตัวนี้ค่ะ เพราะมาถึงค่ำแล้วไม่อยากช้าค่าบริการอยู่ที่ 252 NOK
- Regional Express Trains
- Regional Trains
การคมนาคมในเมือง
เมืองนี้ปี 2025 เราไปไหนมาไหนด้วยแอปพลิเคชัน Ruter แอพเดียวจบ ซื้อตั๋วแบบ 24 hr. ไว้ก็ใช้ได้ทั้งวันทั้งคืนค่ะ ใช้ขึ้นรถเมล์ รถไฟได้หมด แบ่งราคาตามโซนที่บัตรไปถึง ยิ่งไกลก็จ่ายแพงขึ้น โดยระบบที่นี่เขาใช้ความไว้ใจกันค่ะ ไม่ต้องคอยสแกนตอนขึ้นลงรถ แต่จะมีเจ้าหน้าที่คอยเดินสุ่มตรวจค่ะ
พิกัดที่เที่ยว (One day trip)
คุณผึ้งอยู่เที่ยวใน Oslo ไม่ถึงกับ 1 วันเต็มค่ะ จุดประสงค์ของการแวะเที่ยวที่นี่คือ รอเวลานั่งรถไฟไปเมือง Bergen ที่จะออกจากที่นี่เวลา 16:00 ก็เลยแวะเที่ยวได้ประมาณนี้ค่ะ
Operahuset Oslo (Opera House)
Munch
The Vigeland Park
Henie Onstad Kunstsenter
ร้านอร่อย
ตรงนี้ต้องขอบคุณพี่ๆ ที่เป็นไกด์ และ ไปเที่ยวนอร์เวย์บ่อยๆ เขาแชร์ร้านอาหารอร่อยมาให้ ณ ที่นี่ด้วยนะคะ ส่วนตัวเราเป็นคนชอบอาหารเอเชียนะคะ ร้านที่แนะนำเลยจะเป็นอาหารสไตล์เอเชีย และตอนไปคนท้องถิ่นเองก็มาทานกันแน่นร้านค่ะ
- Barcode Street Food
- Hrimnir Ramen
โรงแรมที่พัก
ข้อดีของ Oslo คือโรงแรมที่พักราคาไม่แรง และคุณภาพดีหาไม่ยากค่ะ ถ้าเทียบกับเมืองอื่นในการมาทริปนี้ ครั้งนี้คุณผึ้งพักกันที่ Bunks at Rode เป็นโรงแรมสไตล์ Budget ที่เลือกแบบ Budget เพราะการมาเที่ยวครั้งนี้เน้นเที่ยวข้างนอกทั้งหมดค่ะ ไม่ได้ใช้ชีวิตในโรงแรมเท่าไรนัก โดยที่นี่คุณภาพโอเคเลยค่ะ มีห้องน้ำ มีครัวในตัว เดินทางสะดวก อยากแนะนำสำหรับใครที่อยากประหยัดงบค่ะ
จากนั้นเรานั่งรถไฟข้ามเมืองจาก Oslo ไปที่ Bergen กันค่ะจองผ่าน Vy (https://www.vy.no/nn) เขาจะระบุวันเวลา ขบวน ตู้โบกี้ เลขที่นั่งไว้ชัดเลย ถือว่าเข้าใจง่าย ไม่หลงค่ะ
Part 5: เที่ยวเมือง Bergen 1 วัน
Bergen เมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์สุดๆ โดยไฮไลต์ของที่นี่คือ Bryggen ย่านท่าเรือที่เป็นมรดกโลกของยูเนสโก และ Fløibanen Funicular รถรางที่พาขึ้นไปชมวิวเมืองเบอร์เกนจากมุมสูง โดยเรามาถึงที่นี่ก็ดึกมากแล้วค่ะ แต่เที่ยวเต็มวันในวันถัดไป
โดยขออนุญาตแชร์เทคนิค และ แพลนเที่ยวใน Bergen ดังนี้ค่ะ
การเดินทางเข้าเมือง
ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางมาจากสนามบิน และ รถไฟ ที่นี่มีระบบคมนาคมที่ดีเชื่อมโยงกันหมดค่ะ เปิด Google Map จะได้คำแนะนำที่ดีที่สุดค่ะ
การคมนาคมในเมือง
แนะนำให้ซื้อตั๋วแบบ 24 ชั่วโมง ด้วยตู้ Billet ที่เขาจะตั้งอยู่บริเวณป้ายรถเมล์ใหญ่ๆ เวลาซื้อเราไม่ได้ปริ้นบัตรอะไรนะคะ แต่เน้นให้ส่งเป็น sms เข้ามาที่เบอร์เรา ก็จะมีหลักฐานแสดงเวลาเขาตรวจแล้วค่ะ ส่วนอีกทางเลือกถ้าอยู่เที่ยวคุ้ม แนะนำให้ซื้อแบบ One-day card จะแพงขึ้นอีกระดับ แต่ในบัตรจะรวมค่าเข้าที่เที่ยวต่างๆ ไว้ให้ค่ะ
พิกัดที่เที่ยว
เมือง Bergen เป็นเมืองเล็กๆ ค่ะ ด้วยเวลา และอากาศที่หนาวจัดเราเลือกเที่ยวที่เที่ยวไฮไลต์เช่น
Mount Floyen (Floyfjellet)
Fishmarket in Berg
Bryggen
BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน