ตลอด10 ปีที่ได้รู้จักผู้ชายคนนึง คิดอยู่หลายปีว่าอยากเล่าเรื่องนี้ แต่ต้องใช้เวลาเรียบเรียงเยอะมาก เหตุการณ์มันพลิกวุ่นวาย ไม่นิ่งซะที แต่ตอนนี้เราไม่กลัวอะไรที่จะเล่าแล้ว ขอเล่าแบบย่อๆเพราะมันเยอะมากจริงๆ
เริ่มแรกที่รู้จักเขาเลย รู้จักกันทางFB. เราอายุประมาณ19 รูปโปรไฟล์ของเขาไม่เห็นหน้าแต่รู้แค่ว่าเค้าเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม/วงการ...นี้ค่อนข้างกว้าง
ต้องการดิ้นรนอยากหาทางแยกออกมาจากที่บ้านในตอนนั้น เค้าแทนตัวเองว่า อากับเรา จากนั้นเราก็เรียกเขาว่าอามาตลอด
ใจความที่คุยกันเกือบเดือน ประมาณว่า เค้าอยากช่วยเหลือเรา อยากหางานให้ทำชักชวนเรา
เค้ารับปากว่าจะช่วย แล้วขอเลขบัญชีเราเป็นค่าเดินทางหรือค่าอะไรสักอย่าง แต่เราไม่มีเลขบัญชี เลยส่งเป็นเลขที่บ้านไป จากนั้น เขาส่งจดหมายมาจริง เราใจนึง ก็ดีใจว่าเค้าตอบรับอะไรบางอย่าง แต่ใจนึงใจหายใจคว่ำ เพราะคนที่ได้รับจดหมายนั้น คือแม่ และแม่ ฉีกเปิดดูทันที ในนั้นเขาเขียนจดหมาย เป็นข้อความไม่ยาวมาก
และมีเงินสดแบงค์แดง400บาท แม่ทำตาเขียวใส่ พร้อมถาม รัวๆ ว่าอะไรยังไง เราหูดับไปเลย
ข้อความในจดหมาย ประมาณห้าบรรทัดเค้าใช้ลายมือเขียน เราไม่ทันจะได้อ่านดีๆ เหมือนแม่เก็บไว้ แต่ไม่น่าจะมีอะไร ถ้ามีอะไรแปลกไปกว่านี้เค้าด่าเราแล้ว
จากนั้น เราก็คุยกับเค้าต่อ แต่การคุยครั้งนี้มันไม่ปกติ หลังจากที่เค้าส่งจดหมายส่งเงินมา
เราเหมือนมีปัญหากันนิดหน่อย เค้ากล่าวหาว่าเราเป็นมิจฉาชีพชีพ ด้วยความที่ไร้เดียงสาของเรา
เลยแอบหนีออกจากบ้าน ด้วยเงินที่เขาให้มา400 ไป หาเค้า ที่จ.นึง ภาคกลางตามที่อยู่จดหมายที่ส่งมา ไปอธิบายว่าเราไม่ใช่มิจฉาชีพ
อย่ามากล่าวหา แต่เรา2 คน เหมือนคนแปลกที่มีปัญหา(ทางด้านจิตใจที่ผ่านเรื่องเลวร้ายมา) เดี๋ยวมีเฉลย มาเจอกัน เลยไม่ได้คุยกันด้วยดี
เราขอยกมือรับในความผิดที่ไปกดดัน เขาเรื่องที่เค้าเคยรับปากว่าจะหางานให้ และที่เค้ากล่าวหาว่าเราเป็นมิจฉาชีพ ให้ความหวัง โกหกเรา คุยกันไม่เข้าใจ
เลยทำให้เค้าก็ทำร้ายเราเหมือนกัน
เขาถอยรถ ตอนที่เรากำลังลง(รถที่ขับมาใช้ในราชการ)จนประตูรถกระแทกเรากระเด็น(หัวโนเป็นมะนาว3เดือน)
ตรงนั้นคนมุงดูเยอะมาก เราเจ็บมึนงง อยู่สักพัก ไม่นาน ตำรวจมากันเยอะมาก เป็น10 คน เพราะมีคนแจ้งความเห็นคนทะเลาะกัน
เขานั่งคุยกับตำรวจ(ลืมบอกว่าเขาก็ทำงานเกี่ยวกับราชการเหมือนกัน) ไม่รู้คุยท่าไหน
ตำรวจเชิญตัวเราไปโรงพัก เราก็ไปแบบงงๆ อ่าไปก็ไป
ส่วนผช.คนนั้น ก็ไม่ได้มาด้วย ในรถ ตำรวจถามเราว่าเค้าได้ทำอะไรหนูมั้ย
เราตอบว่าไม่ได้ทำค่ะ ไปถึงโรงพัก
ตำรวจผู้ชาย 5-6 คน ที่มากับเรา สลายตัวหายวับ ปล่อยให้เรายืนแคว้งหน้าโรงพัก คุยกับใครก็ไม่ได้
งงกับเหตุการณ์นั้น จนมาเหตุการณ์นี้มาก แล้ว งง ว่าแล้วผช.คนนั้นล่ะไปไหน
แบบมีคำถามอยู่ในหัวว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่แล้วจะเอายังไงต่อไปกับชีวิต
อยู่ดีๆ ผช. คนนั้นก็โผล่มา ให้เราทะเลาะด้วย มายั่วโมโหเราเหมือนมาแกล้งเราแล้วจากไป นอกจากไม่ช่วยเหลืออะไรเราแล้วยังทำให้เราเสียเวลา
ตอนนั้นรู้สึกย้อนกลับไปตัวเองไม่มีศักศรีเลย
แย่มาก โทษตัวเองว่าผิดที่ไม่ดูแลตัวเองให้ดี ไปหวังพึ่งคนอื่นมากไป แต่เพราะตอนนั้นเราไม่มีใครเลย โดดเดี่ยวมากๆ
ถามตำรวจที่อยู่ในโรงพัก สวัสดี คุณตำรวจคะคะ.... พี่คะ ...เอ่อ สวัสดีค่ะ ไม่มีใครสนใจ เราเลยสักคน ไม่มีใครมาถามว่าเรามาทำอะไรที่นี่คะเกิดอะไรขึ้น เหมือนเป็นโรงพักเพื่อประชานชนจริงๆ ไม่มีใครสงสัยเลยเรามาทำอะไร
นั่ง งง และหลับ ในโรงพักยันเช้า ตำรวจผ่านไปมาก็มองแต่ไม่ถาม ตื่นขึ้นมา เราเห็น ตำรวจผญ. มองหน้าเรา นิดหน่อย
เค้ายืนกัน4 คน พูดว่า เออ นี่ ไปซื้อข้าวผัดหมูนะ มา5ฝากซื้อด้วยซิ จะกินอะไรดีนะ
แล้วเรา แอบๆฟัง แอบมอง และคิดอะไรไปเรื่อย ว่าเค้าอยู่กัน4คน ทำไมถึงซื้อมา5ห่อ คิดไรไปเรื่อยเปื่อย
ผ่านไปสักพัก คุณตำรวจผญ. ยื่นข้าวผัดแล้วยิ้มให้เรา
เราก็ขอบคุณค่ะ จากนั้นเราไม่เจอผช.คนนี้อีกเลย ในวันนั้น (แต่ผช.คนนี้มาเฉลยที่หลังว่าเค้าให้เงินเรามาแล้วนะฝากไว้ กับตำรวจให้มาให้เราไม่ได้รับหรอ)
เราคิดว่าเราจนมุมแล้วจริงๆ เราไม่สามารถมีชีวิตของตัวเองได้แล้วจริงๆ หมดหนทางแล้วจริงๆไม่มีใครช่วยอะไรเราได้เลย เรามองไปที่สะพานลอย แล้วคิดว่า หรือเราจะตายไปดี เราเหนื่อยจังเลย แต่กลัวเจ็บอ่ะ ทำไมเราต้องทำร้ายตัวเองเพราะคนอื่น (พิมพ์แล้วร้องให้ในตอนนี้)
เราคิดวนอยู่นานมาก ว่าตอนนี้เราไม่มีเงินสักบาท และคนแปลกหน้าไม่มีใครรู้จักเรา ไม่มีใครช่วยอะไรเราได้ ขนาดอยู่โรงพัก ยังไม่มีใครช่วยเหลืออะไรเราได้ มีแต่พี่ผญ.ตำรวจใจดีให้ข้าวผัดมาเวลาเหลือน้อยลงทุกทีแบตก็จะหมด มันชี้เป็นชี้ตายเรา
เลยตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่อยากทำเลยคือทักไปหาพี่สาวให้มารับ
ทุกอย่างมันจะจบและง่ายมาก แค่ไหนในตอนแรก แต่เรื่องวุ่นวาย จะตามมาทีหลังแน่นอน เลยตัดสินใจเลือกทางนี้เอาว่ะ อะไรจะเจอก็ต้องเจอ
ทักไปหาพี่สาวเค้าก็มากับแฟนมารับเราเร็วมาก
เราไปอยู่กับพี่สาว ยึดของเราไปหมด โดยเฉพาะโทรศัพท์ และให้เราใช้แบบ ซัมซุงฮีโร่
พี่สาวเห็นแชทเราทุกอย่างและพิมพ์ไปบอกผช. คนนั้นว่าอย่ามายุ่งกับเราใส่ร้าย ว่าเราว่าเราเป็นผู้ป่วยทางจิตเวช เคยรับการรักษามาก่อน ตอนนั้นเราก็เสียใจมากทำไมไปบอกเค้าแบบนั้น และเขาก็เชื่อ แต่พอตอนนี้นึกย้อนไปก็ไม่ค่อยถือสาแล้วอาจจะเป็นเพราะเค้าอยากปกป้องเรามั้ง ไม่ให้เขามายุ่งกับเรา
แต่ความตลกมันก็อยู่ตรงนี้ ทั้งเราและเขาพยายามพิมพ์คุยติดต่อกันทาง sms โทรศัพท์ แต่คราวนี้ไม่ได้ทะเลาะกัน พิมพ์กันด้วยดี
เวลาผ่านไปนาน หลายเดือน จนเกิดเป็นความรู้สึก ดีสำหรับเรารู้สึกเค้าอยู่เป็นเพื่อน กลายเป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้างเราแม้ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่แค่ข้อความก็ดีใจแล้ว ตอนนั้นลำบากมาก แต่ต้องหาเงินมาเติมเพื่อพิมพ์sms คุยกับเขา
เวลาผ่านไป ตอนที่มาอยู่กทม. อีกครั้ง ชีวิตวุ่นวายมาก ยุ่งแต่กับเรื่องงาน สับสนกับชีวิต เรื่องคน เรื่องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ตัวคนเดียว
และ มีคนมาจีบเยอะ เจอทั้งคนดีและไม่ดี ในตอนนั้น แต่ยังไม่ได้เลือกคบใครจริงจัง
แต่เค้าเป็นคนที่ คอยทักมาคุยกับเราตลอด เป็นแชทในfb. เชิงเป็นห่วงเป็นใย คุยทั่วๆไป
จนได้รู้จักเค้ามากขึ้นคราวนี้ เค้ายอมรับเราทุกอย่าง ชื่นชมว่าเรา ดี เราเก่ง เราสวยเราแบบนั้นแบบนี้ อยากตีสนิทกับเรา อยากเจอเราเป็นครั้งที่2 ด้วยความบังเอิญ เราอยู่ย่านใกล้กัน และวันนั้นเราว่างพอดี เค้ามาทำกิจกรรมอะไรสักอย่างพอดีเลยเจอกัน
แต่การเจอกันในครั้งนี้ ความรู้สึกของเค้าที่เคยมีใครให้เราเปลี่ยนไปมาก ประมาณ1ปี ที่ไม่ได้เจอกัน
เค้า fever เรามาก ส่วนเราจากเมื่อก่อนที่เคยรู้สึกดีกับเค้า และรู้สึกชอบเค้าตั้งแต่ครั้งแรก ที่เจอหน้า ชอบเพราะเค้าแปลกดี ท้าทายดี
มาตอนนี้อาจเพราะเราเจอ คนเยอะ ได้เรียนรู้อะไรเยอะ เจอคนนิสัยหลากหลายด้วยมั้ง
เค้าเลยกลายเป็นแค่คนที่ลึกลับคนนึง ที่เราต้องค่อยๆ ค้นหา ต่างคนต่างมีมีดอยู่ข้างหลัง เพื่อไว้ปกป้องตัวเอง
พอเราได้มาเจอกันบ่อยๆ หลายปีที่เราเจอกัน จนเรารู้สึกว่า เบื่อกับนิสัยบางอย่างของเค้า
ก่อนหน้านี้เค้าเคยโพสประจานเรายาวเหยียด ใส่ร้ายเราว่าเราเป็นคนสติไม่ดี มาทำร้ายเขา ทั้งที่ไม่เป็นความจริง หลายปีต่อมา เค้าโพสยาวแบบเดิม
สรุปใจความได้ว่า โพสชื่นชมเรา ว่ามองเราผิดไปที่จริงแล้วเราเป็นคนปกติและดีด้วยซ้ำ
เราดีกับเขา ไม่เคยเอาเปรียบเขา ไม่เคยขออะไรจากเขา และเขาก็ดีกับเราเท่าที่เขาทำได้ ที่พูดมานี้ไม่มีสถานะเลยกับผู้ชายคนนี้
จุดที่เราเริ่มจะเปลี่ยน คือ เราเริ่มตีตัวออกห่าง เพราะไม่ชอบ ความเห็นแก่ตัวอะไรบางอย่างของเค้า
แล้วสิ่งที่เค้าทำคือ คุกคามเรา ใช้อำนาจที่ตัวเองมี ค้นอาพาสเม้นท์ทั้งชั้นเพื่อหาเรา เพราะติดต่อเราไม่ได้
แม่บ้านมาเคาะประตูทุกห้อง เรื่องนี้เราโกรธมาก แต่เราไม่ยอมออกไป
จากนั้น ไม่นาน ส่งจดหมายมาหาเรา แต่เราก็ไม่ได้ไปโต้ตอบอะไรเขาแล้วค่ะ ก็นิ่งนิ่งไป
รู้ว่าเค้าเป็นคนแปลกแปลกอย่างนี้ตั้งนานแล้ว
ตอนที่เราได้เจอกันอีก มันมีพฤติกรรมบางอย่างของเราที่เรารู้สึกว่า ควรจะจบแค่นี้จริงๆ ความเห็นแก่ตัวของเขามันชัดเจน และชัดเจนมาตั้งนานแล้วเพียงแต่เรามองไม่เห็น (ลง detail ไม่ได้ค่ะ )เราเลยคิดว่าเรากับผู้ชายคนนี้คงจะไม่มีทางได้มาเจอกันอีก แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันในโซเชียล
แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แชทเค้าหนักขวา และเราก็มีตอบกลับบ้าง เพื่อให้เขารู้สึกว่าเรายังอยู่ และเราก็ไม่อยากบล็อคหรือทำอะไรไปมากกว่านี้ อย่างน้อยเราก็เคยรู้จักกัน อยากขอบคุณเขาที่เคยอยู่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราเป็นมุมมอง ที่ดีมากๆ เราไม่สามารถไปตั้งความหวังให้ใครจะมาได้ดังใจเราไปทุกอย่าง
อยากเล่าเฉยๆไม่มีอะไร 😊
แชร์ประสบการณ์ความพันธ์ที่ขมเย็นชา หลงใหล เกลียดชัง หลายอารมณ์มาก
เริ่มแรกที่รู้จักเขาเลย รู้จักกันทางFB. เราอายุประมาณ19 รูปโปรไฟล์ของเขาไม่เห็นหน้าแต่รู้แค่ว่าเค้าเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม/วงการ...นี้ค่อนข้างกว้าง
ต้องการดิ้นรนอยากหาทางแยกออกมาจากที่บ้านในตอนนั้น เค้าแทนตัวเองว่า อากับเรา จากนั้นเราก็เรียกเขาว่าอามาตลอด
ใจความที่คุยกันเกือบเดือน ประมาณว่า เค้าอยากช่วยเหลือเรา อยากหางานให้ทำชักชวนเรา
เค้ารับปากว่าจะช่วย แล้วขอเลขบัญชีเราเป็นค่าเดินทางหรือค่าอะไรสักอย่าง แต่เราไม่มีเลขบัญชี เลยส่งเป็นเลขที่บ้านไป จากนั้น เขาส่งจดหมายมาจริง เราใจนึง ก็ดีใจว่าเค้าตอบรับอะไรบางอย่าง แต่ใจนึงใจหายใจคว่ำ เพราะคนที่ได้รับจดหมายนั้น คือแม่ และแม่ ฉีกเปิดดูทันที ในนั้นเขาเขียนจดหมาย เป็นข้อความไม่ยาวมาก
และมีเงินสดแบงค์แดง400บาท แม่ทำตาเขียวใส่ พร้อมถาม รัวๆ ว่าอะไรยังไง เราหูดับไปเลย
ข้อความในจดหมาย ประมาณห้าบรรทัดเค้าใช้ลายมือเขียน เราไม่ทันจะได้อ่านดีๆ เหมือนแม่เก็บไว้ แต่ไม่น่าจะมีอะไร ถ้ามีอะไรแปลกไปกว่านี้เค้าด่าเราแล้ว
จากนั้น เราก็คุยกับเค้าต่อ แต่การคุยครั้งนี้มันไม่ปกติ หลังจากที่เค้าส่งจดหมายส่งเงินมา
เราเหมือนมีปัญหากันนิดหน่อย เค้ากล่าวหาว่าเราเป็นมิจฉาชีพชีพ ด้วยความที่ไร้เดียงสาของเรา
เลยแอบหนีออกจากบ้าน ด้วยเงินที่เขาให้มา400 ไป หาเค้า ที่จ.นึง ภาคกลางตามที่อยู่จดหมายที่ส่งมา ไปอธิบายว่าเราไม่ใช่มิจฉาชีพ
อย่ามากล่าวหา แต่เรา2 คน เหมือนคนแปลกที่มีปัญหา(ทางด้านจิตใจที่ผ่านเรื่องเลวร้ายมา) เดี๋ยวมีเฉลย มาเจอกัน เลยไม่ได้คุยกันด้วยดี
เราขอยกมือรับในความผิดที่ไปกดดัน เขาเรื่องที่เค้าเคยรับปากว่าจะหางานให้ และที่เค้ากล่าวหาว่าเราเป็นมิจฉาชีพ ให้ความหวัง โกหกเรา คุยกันไม่เข้าใจ
เลยทำให้เค้าก็ทำร้ายเราเหมือนกัน
เขาถอยรถ ตอนที่เรากำลังลง(รถที่ขับมาใช้ในราชการ)จนประตูรถกระแทกเรากระเด็น(หัวโนเป็นมะนาว3เดือน)
ตรงนั้นคนมุงดูเยอะมาก เราเจ็บมึนงง อยู่สักพัก ไม่นาน ตำรวจมากันเยอะมาก เป็น10 คน เพราะมีคนแจ้งความเห็นคนทะเลาะกัน
เขานั่งคุยกับตำรวจ(ลืมบอกว่าเขาก็ทำงานเกี่ยวกับราชการเหมือนกัน) ไม่รู้คุยท่าไหน
ตำรวจเชิญตัวเราไปโรงพัก เราก็ไปแบบงงๆ อ่าไปก็ไป
ส่วนผช.คนนั้น ก็ไม่ได้มาด้วย ในรถ ตำรวจถามเราว่าเค้าได้ทำอะไรหนูมั้ย
เราตอบว่าไม่ได้ทำค่ะ ไปถึงโรงพัก
ตำรวจผู้ชาย 5-6 คน ที่มากับเรา สลายตัวหายวับ ปล่อยให้เรายืนแคว้งหน้าโรงพัก คุยกับใครก็ไม่ได้
งงกับเหตุการณ์นั้น จนมาเหตุการณ์นี้มาก แล้ว งง ว่าแล้วผช.คนนั้นล่ะไปไหน
แบบมีคำถามอยู่ในหัวว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่แล้วจะเอายังไงต่อไปกับชีวิต
อยู่ดีๆ ผช. คนนั้นก็โผล่มา ให้เราทะเลาะด้วย มายั่วโมโหเราเหมือนมาแกล้งเราแล้วจากไป นอกจากไม่ช่วยเหลืออะไรเราแล้วยังทำให้เราเสียเวลา
ตอนนั้นรู้สึกย้อนกลับไปตัวเองไม่มีศักศรีเลย
แย่มาก โทษตัวเองว่าผิดที่ไม่ดูแลตัวเองให้ดี ไปหวังพึ่งคนอื่นมากไป แต่เพราะตอนนั้นเราไม่มีใครเลย โดดเดี่ยวมากๆ
ถามตำรวจที่อยู่ในโรงพัก สวัสดี คุณตำรวจคะคะ.... พี่คะ ...เอ่อ สวัสดีค่ะ ไม่มีใครสนใจ เราเลยสักคน ไม่มีใครมาถามว่าเรามาทำอะไรที่นี่คะเกิดอะไรขึ้น เหมือนเป็นโรงพักเพื่อประชานชนจริงๆ ไม่มีใครสงสัยเลยเรามาทำอะไร
นั่ง งง และหลับ ในโรงพักยันเช้า ตำรวจผ่านไปมาก็มองแต่ไม่ถาม ตื่นขึ้นมา เราเห็น ตำรวจผญ. มองหน้าเรา นิดหน่อย
เค้ายืนกัน4 คน พูดว่า เออ นี่ ไปซื้อข้าวผัดหมูนะ มา5ฝากซื้อด้วยซิ จะกินอะไรดีนะ
แล้วเรา แอบๆฟัง แอบมอง และคิดอะไรไปเรื่อย ว่าเค้าอยู่กัน4คน ทำไมถึงซื้อมา5ห่อ คิดไรไปเรื่อยเปื่อย
ผ่านไปสักพัก คุณตำรวจผญ. ยื่นข้าวผัดแล้วยิ้มให้เรา
เราก็ขอบคุณค่ะ จากนั้นเราไม่เจอผช.คนนี้อีกเลย ในวันนั้น (แต่ผช.คนนี้มาเฉลยที่หลังว่าเค้าให้เงินเรามาแล้วนะฝากไว้ กับตำรวจให้มาให้เราไม่ได้รับหรอ)
เราคิดว่าเราจนมุมแล้วจริงๆ เราไม่สามารถมีชีวิตของตัวเองได้แล้วจริงๆ หมดหนทางแล้วจริงๆไม่มีใครช่วยอะไรเราได้เลย เรามองไปที่สะพานลอย แล้วคิดว่า หรือเราจะตายไปดี เราเหนื่อยจังเลย แต่กลัวเจ็บอ่ะ ทำไมเราต้องทำร้ายตัวเองเพราะคนอื่น (พิมพ์แล้วร้องให้ในตอนนี้)
เราคิดวนอยู่นานมาก ว่าตอนนี้เราไม่มีเงินสักบาท และคนแปลกหน้าไม่มีใครรู้จักเรา ไม่มีใครช่วยอะไรเราได้ ขนาดอยู่โรงพัก ยังไม่มีใครช่วยเหลืออะไรเราได้ มีแต่พี่ผญ.ตำรวจใจดีให้ข้าวผัดมาเวลาเหลือน้อยลงทุกทีแบตก็จะหมด มันชี้เป็นชี้ตายเรา
เลยตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่อยากทำเลยคือทักไปหาพี่สาวให้มารับ
ทุกอย่างมันจะจบและง่ายมาก แค่ไหนในตอนแรก แต่เรื่องวุ่นวาย จะตามมาทีหลังแน่นอน เลยตัดสินใจเลือกทางนี้เอาว่ะ อะไรจะเจอก็ต้องเจอ
ทักไปหาพี่สาวเค้าก็มากับแฟนมารับเราเร็วมาก
เราไปอยู่กับพี่สาว ยึดของเราไปหมด โดยเฉพาะโทรศัพท์ และให้เราใช้แบบ ซัมซุงฮีโร่
พี่สาวเห็นแชทเราทุกอย่างและพิมพ์ไปบอกผช. คนนั้นว่าอย่ามายุ่งกับเราใส่ร้าย ว่าเราว่าเราเป็นผู้ป่วยทางจิตเวช เคยรับการรักษามาก่อน ตอนนั้นเราก็เสียใจมากทำไมไปบอกเค้าแบบนั้น และเขาก็เชื่อ แต่พอตอนนี้นึกย้อนไปก็ไม่ค่อยถือสาแล้วอาจจะเป็นเพราะเค้าอยากปกป้องเรามั้ง ไม่ให้เขามายุ่งกับเรา
แต่ความตลกมันก็อยู่ตรงนี้ ทั้งเราและเขาพยายามพิมพ์คุยติดต่อกันทาง sms โทรศัพท์ แต่คราวนี้ไม่ได้ทะเลาะกัน พิมพ์กันด้วยดี
เวลาผ่านไปนาน หลายเดือน จนเกิดเป็นความรู้สึก ดีสำหรับเรารู้สึกเค้าอยู่เป็นเพื่อน กลายเป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้างเราแม้ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่แค่ข้อความก็ดีใจแล้ว ตอนนั้นลำบากมาก แต่ต้องหาเงินมาเติมเพื่อพิมพ์sms คุยกับเขา
เวลาผ่านไป ตอนที่มาอยู่กทม. อีกครั้ง ชีวิตวุ่นวายมาก ยุ่งแต่กับเรื่องงาน สับสนกับชีวิต เรื่องคน เรื่องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ตัวคนเดียว
และ มีคนมาจีบเยอะ เจอทั้งคนดีและไม่ดี ในตอนนั้น แต่ยังไม่ได้เลือกคบใครจริงจัง
แต่เค้าเป็นคนที่ คอยทักมาคุยกับเราตลอด เป็นแชทในfb. เชิงเป็นห่วงเป็นใย คุยทั่วๆไป
จนได้รู้จักเค้ามากขึ้นคราวนี้ เค้ายอมรับเราทุกอย่าง ชื่นชมว่าเรา ดี เราเก่ง เราสวยเราแบบนั้นแบบนี้ อยากตีสนิทกับเรา อยากเจอเราเป็นครั้งที่2 ด้วยความบังเอิญ เราอยู่ย่านใกล้กัน และวันนั้นเราว่างพอดี เค้ามาทำกิจกรรมอะไรสักอย่างพอดีเลยเจอกัน
แต่การเจอกันในครั้งนี้ ความรู้สึกของเค้าที่เคยมีใครให้เราเปลี่ยนไปมาก ประมาณ1ปี ที่ไม่ได้เจอกัน
เค้า fever เรามาก ส่วนเราจากเมื่อก่อนที่เคยรู้สึกดีกับเค้า และรู้สึกชอบเค้าตั้งแต่ครั้งแรก ที่เจอหน้า ชอบเพราะเค้าแปลกดี ท้าทายดี
มาตอนนี้อาจเพราะเราเจอ คนเยอะ ได้เรียนรู้อะไรเยอะ เจอคนนิสัยหลากหลายด้วยมั้ง
เค้าเลยกลายเป็นแค่คนที่ลึกลับคนนึง ที่เราต้องค่อยๆ ค้นหา ต่างคนต่างมีมีดอยู่ข้างหลัง เพื่อไว้ปกป้องตัวเอง
พอเราได้มาเจอกันบ่อยๆ หลายปีที่เราเจอกัน จนเรารู้สึกว่า เบื่อกับนิสัยบางอย่างของเค้า
ก่อนหน้านี้เค้าเคยโพสประจานเรายาวเหยียด ใส่ร้ายเราว่าเราเป็นคนสติไม่ดี มาทำร้ายเขา ทั้งที่ไม่เป็นความจริง หลายปีต่อมา เค้าโพสยาวแบบเดิม
สรุปใจความได้ว่า โพสชื่นชมเรา ว่ามองเราผิดไปที่จริงแล้วเราเป็นคนปกติและดีด้วยซ้ำ
เราดีกับเขา ไม่เคยเอาเปรียบเขา ไม่เคยขออะไรจากเขา และเขาก็ดีกับเราเท่าที่เขาทำได้ ที่พูดมานี้ไม่มีสถานะเลยกับผู้ชายคนนี้
จุดที่เราเริ่มจะเปลี่ยน คือ เราเริ่มตีตัวออกห่าง เพราะไม่ชอบ ความเห็นแก่ตัวอะไรบางอย่างของเค้า
แล้วสิ่งที่เค้าทำคือ คุกคามเรา ใช้อำนาจที่ตัวเองมี ค้นอาพาสเม้นท์ทั้งชั้นเพื่อหาเรา เพราะติดต่อเราไม่ได้
แม่บ้านมาเคาะประตูทุกห้อง เรื่องนี้เราโกรธมาก แต่เราไม่ยอมออกไป
จากนั้น ไม่นาน ส่งจดหมายมาหาเรา แต่เราก็ไม่ได้ไปโต้ตอบอะไรเขาแล้วค่ะ ก็นิ่งนิ่งไป
รู้ว่าเค้าเป็นคนแปลกแปลกอย่างนี้ตั้งนานแล้ว
ตอนที่เราได้เจอกันอีก มันมีพฤติกรรมบางอย่างของเราที่เรารู้สึกว่า ควรจะจบแค่นี้จริงๆ ความเห็นแก่ตัวของเขามันชัดเจน และชัดเจนมาตั้งนานแล้วเพียงแต่เรามองไม่เห็น (ลง detail ไม่ได้ค่ะ )เราเลยคิดว่าเรากับผู้ชายคนนี้คงจะไม่มีทางได้มาเจอกันอีก แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันในโซเชียล
แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แชทเค้าหนักขวา และเราก็มีตอบกลับบ้าง เพื่อให้เขารู้สึกว่าเรายังอยู่ และเราก็ไม่อยากบล็อคหรือทำอะไรไปมากกว่านี้ อย่างน้อยเราก็เคยรู้จักกัน อยากขอบคุณเขาที่เคยอยู่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราเป็นมุมมอง ที่ดีมากๆ เราไม่สามารถไปตั้งความหวังให้ใครจะมาได้ดังใจเราไปทุกอย่าง
อยากเล่าเฉยๆไม่มีอะไร 😊