โคลอสเซียม มีอะไรอย่างนี้ด้วยเหรอ?

ถ้าคุณหลับตาลง แล้วมีคนพูดว่า “Rome” (ซึ่งหมายถึง กรุงโรมนะ ไม่ใช่ชื่อคน) คุณจะเห็นภาพอะไร 
หากถามคนสัก 10 คน อย่างน้อยต้องมีสักคนบอกว่า “โคลอสเซียม” ละเนอะ

คาดว่าคนอ่านหลายคนคงจะเคยได้รับรู้เรื่องราวความยิ่งใหญ่ของโคลอสเซียมมาแล้ว ซึ่งคนเขียนเองก็เป็นแบบนี้เหมือนกันแหละ แต่ตอนที่จะไปอิตาลีได้ไปค้นคว้าหาเรื่องราวต่างๆ และก็พบว่าหลังจากที่มันถูกใช้เป็นสนามกีฬาไปแล้ว มันก็ถูกนำไปใช้ทำอะไรบ้าๆบอๆอีกเยอะ รู้แล้วควรจะตลกหรือร้องไห้ดีหนอ แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น มาฟังผมเล่าเรื่องราวของมันตั้งแต่ต้นก่อนนะ


เมื่อผมได้เดินออกมาจากสถานีรถไฟใต้ดินที่มีชื่อว่าสถานีโคลอสเซียม โผล่ขึ้นมาพบแสงสว่างและลมหนาว พร้อมกับมหาสนามกีฬาใหญ่ยักษ์มาปะทะอยู่ตรงหน้าเราพอดี เรียกได้ว่ามาแบบชวนตะลึงแบบไม่ต้องรอ ไม่มีการเกริ่นนำใด โผล่มาปุ๊บก็เจอปั๊บ

เข้าไปใกล้ๆแล้วค่อยๆเดินวนชมโฉมยักษ์ใหญ่คร่ำคร่า คิดถึงตอนเด็กที่เคยไปสนามกีฬาแห่งชาติศุภชลาศัยครั้งแรกแล้วรู้สึกว่ามันช่างใหญ่โตเสียจริง และแล้วความรู้สึกนี้ก็เกิดขึ้นมาอีกในวันนี้ (แต่ว่าตอนนี้ฉันโตแล้วนะ) นี่ก็คือสนามกีฬาโบราณที่สร้างมากว่าสองพันปี จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไง

ความอยากมาโคลอสเซียมทำให้ข้าพเจ้าจองตั๋วเข้าชมตั้งแต่อยู่เมืองไทยแล้ว เพราะได้ข่าวว่าคนต่อคิวกันยาวมาก จนต้องมาก่อนเวลาเปิดตั้งนานโพ้น จินตนาการไปว่ามีเจอคนมาเข้าคิวรออยู่ยาวๆ แต่วันนี้กลับพบว่าเดินไปอยู่หน้าประตูทางเข้าเป็นคนแรกได้อย่างสบาย นั่งกินอาหารเช้าที่จิ๊กมา (จากไหนหนอ คริคริ) แก้หนาวไปพลางได้อีก

หญิงชาวเกาหลีหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเดินถือใบจองตั๋วแบบเดียวกับเราเข้ามาถามว่าใช้ตั๋วนี้ใช่ไหม จะเข้าไปได้เมื่อไร ก็เลยได้เพื่อนคุย เธอมาที่โรมตัวคนเดียวเหมือนกัน ท่าทางดูซื่อๆใสๆไม่ค่อยจะลุยเหมือนเราเลย (แต่ใครจะไปรู้ เธออาจตะลุยร้อยล้านย่านน้ำมานับไม่ถ้วนแล้วก็ได้) บอกว่าจะมาอยู่โรมแล้วก็ไปเวนิสต่อ

พอประตูเปิดปุ๊บข้าพเจ้าก็กลายเป็นแขกคนแรกที่เข้าสู่สนามกีฬาลือชื่อ จินตนาการไปว่าพอเดินเข้าไปแล้วจะเข้าไปในสนามแล้วจะมีผู้ชมบนอัฒจันทร์ล้อมรอบคอยแห่แหนเรา ซึ่งกำลังโบกมือให้ผู้ชมทั้งหลาย แต่อุ๊ย นั่นมันความฝันแหละ เพราะทางเข้าจริงๆนั้นเป็นด้านล่างของอัฒจันทร์ เป็นทางเดินมืดๆ เข้าแถวนั้นเอาตั๋วเข้าไปรับ Audio Guide แล้วค่อยขึ้นไปด้านบน

และเมื่อขึ้นมาด้านบน โคลอสเซียมจึงปรากฎแก่สายตาอย่างที่เราอยากจะเห็น

แต่ว่ามันก็ไม่ได้สวยอย่างที่เราเคยคิด เพราะตรงพื้นสนามนั้นหายไปเปิดให้เห็นด้านล่างซึ่งพรุนไปด้วยห้องใต้ดินต่างๆ ทั้งนี้ในสมัยก่อนจะมีการนำไม้กระดานมาปูทับเหนือห้องใต้ดินนั้นแล้วโรยทรายทับเมื่อเวลาที่มีกีฬาแข่งขัน บางครั้งพื้นก็จะถูกเปิดออกให้นักกีฬาได้ขึ้นจากใต้ดินมาแข่งขันให้เราได้ดูชม แล้วแต่ว่าโปรแกรมของวันนั้นจะเป็นอะไร


พื้นสนามตอนไม่มีไม้มาปูทับ ก็จะเห็นห้องหับต่างๆซอยย่อยแบบนี้แหละ


ดูใกล้ๆเป็นหลุมขุดค้น : ภาพโดย Karin Karintasut

เขียนมาถึงตรงนี้ ก็คิดอยู่ว่าจะเล่าอะไรมากน้อยแค่ไหนดีนะ เพราะใครๆก็คงบรรยายถึงแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตนี้ไว้เยอะแล้ว แต่กว่าจะคิดได้อีกทีปากกาก็พาไปซะละ และอีกอย่างนึง ถ้าไม่กล่าวถึงเรื่องราวของโคลอสเซียมบทความชมกรุงโรมของเราก็จะไม่ครบ สรุปแล้วก็พาท่านมาชมโคลอสเซียมกันต่อดีกว่า

โคลอสเซียมนี้ถูกสร้างในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซี่ยน (Vespasianus) แต่ก็ไปเสร็จเอาในสมัยจักรพรรดิไททัส (Titus) (ซึ่งบางคนก็เรียกว่าติตุส ฟังดูแล้วคนละฟีลกันเลย) ใครที่คิดว่าสนามกีฬามหึมาขนาดนี้ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานตั้ง 2 ชั่วคนละก้อ ขอแจ้งว่ามันไม่ใช่เลย

โคลอสเซียมนั้นใช้เวลาก่อสร้างเพียงแค่ 10 ปีเท่านั้น นับได้ว่ามันมหัศจรรย์มากสำหรับสนามกีฬาที่จุคนได้ถึง 5 หมื่นคน แสดงถึงการเตรียมงานมาอย่างดีและมีการออกแบบได้อย่างล้ำเลิศจนได้กลายเป็นต้นแบบให้สนามกีฬาต่างๆทั่วโลกในยุคปัจจุบันต้องเดินรอยตาม ถือได้ว่าถ้าไม่มีโคลอสเซียมมาเป็นต้นแบบก็อย่าหวังว่าจะได้เห็นสนามกีฬาต่างๆแบบที่เราเห็นได้ในปัจจุบันนะแหละ

โคลอสเซียมได้ถูกใช้ครั้งแรกในปี ค.ศ.80 มีการแข่งขันกีฬาต่างๆ แต่ไม่ใช่การแข่งแบบโอลิมปิกที่มีนักกรีฑา นักวิ่ง นักฟุตบอล นักกีฬาชาติต่างๆมาลงสนามแบบที่เราคิดกันหรอกนะ ว่าไปแล้วไม่อยากจะเรียกว่ากีฬาเลย แต่มันเป็นสนามของการทรมาน การฆ่า ที่มีคนดูคอยเชียร์อย่างสนุกสนาน ทำไปได้ไงหนอ

กีฬาโรมันที่เล่นกันในโคลอสเซียมยุคแรก มีทั้งการนำสัตว์มาสู้กับสัตว์ อย่างเช่น เสือกับสิงโต กระทิงสู้กับหมี และการสู้ระหว่างสัตว์กับคน ซึ่งมักจะเป็นพวกเชลยสงคราม จนถึงการสู้ระหว่างคนกับคนกันเอง กีฬาโรมันที่เล่นกันในโคลอสเซียมยุคแรก มีทั้งการนำสัตว์มาสู้กับสัตว์ อย่างเช่น เสือกับสิงโต กระทิงสู้กับหมี และการสู้ระหว่างสัตว์กับคน ซึ่งมักจะเป็นพวกเชลยสงคราม จนถึงการสู้ระหว่างคนกับคนกันเอง

หลายท่านคงเคยดูหนังเรื่อง The Gladiator จะเห็นว่าโคลอสเซียมนั้นออกแบบมารองรับกีฬาโหดเหี้ยมนี้ไว้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้านล่างของสนามนั้นมีการสร้างห้องหับ กรงขังสัตว์ ห้องเก็บอุปกรณ์ ห้องเก็บตัวแกลดิเอเตอร์ก่อนที่กำลังจะขึ้นไปสู้รบ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีในการสร้างลิฟท์ เพื่อยกกรงสัตว์ให้ผลุดขึ้นมาบนสนามอย่างทันใจผู้ดูอีกด้วย


ภาพวาดโบราณ แสดงการต่อสู้กับสัตว์

อัฒจันทร์รอบๆจะมีระดับชั้นต่างๆให้กับผู้ชมกลุ่มต่างกัน โดยในการเข้าชมเขาจะแจกตั๋วที่ทำจากดินเผาให้ผู้ชมเข้าไปดูตามที่นั่งที่เหมาะสมของตน ขอบอกไว้ก่อนว่าชาวโรมันเขามีการแบ่งชนชั้นกันอย่างชัดเจน นั่นหมายความว่าไม่ใช่ใครจะเดินเข้าไปนั่งตรงไหนก็ได้ เพราะโดยชนชั้นล่างก็จะได้นั่งในที่สูง ส่วนชนชั้นสูงก็จะได้นั่งแถวล่าง กลับกันแบบนี้แหละ


ตอนที่ผมไป สภาพที่นั่งก็เป็นแบบนี้แหละ : ภาพโดย Karin Karintasut

กลุ่มที่นั่งแบบริงไซด์ก็คือพวกกษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ และนักบวชหญิง จะคอยดูเกมกีฬาอย่างใกล้ๆเห็นเนื้อหนังแบบชัดเจน แถมยังมีชื่อผู้นั่งสลักไว้เพื่อแสดงเจ้าของเฉพาะตัวเสียด้วย ส่วนที่นั่งสูงขึ้นไปจะเป็นของอัศวิน แม่ทัพ ชนชั้นสูงอื่นๆ และที่สูงไปจากนั้นก็คือชาวโรมันทั่วไป และชั้นสูงสุดนั้นอยู่ไกลสุดแต่ไม่มีที่นั่ง ทำให้ต้องยืนดู เป็นพื้นที่สำหรับชาวต่างชาติ ทาส และผู้หญิง


กษัตริย์จะอยู่ชั้นล่างสุด คือใกล้ชิดกับสนามและผู้ต่อสู้มากที่สุด


ภาพตัดขวาง (section) แสดงที่นั่งของชนชั้นต่างๆ

เห็นรึยังว่ามันแบ่งแยกชนชั้นกันอย่างชัดเจน ไม่ใช่ว่าคนมีเงินซื้อตั๋วแพงๆจะมานั่งที่ดีๆได้นะ ถึงจะเป็นผู้หญิงรวยๆถ้าอยากจะดูใกล้ๆก็ต้องไปเป็นแม่ชี เอ้ย นักบวชหญิงซะก่อนจึงจะได้ชม (นักบวชหญิงโรมันนี่ใจร้ายจัง มองดูการฆ่าได้เลือดเย็นมาก) และถ้าเป็นชาวต่างชาติ แม้ว่ารวยแค่ไหนก็ต้องมายืนชมในระดับเดียวกับพวกทาสน่ะ ไม่บังอาจจองตั๋วแบบพรีเมี่ยมได้


อย่างไรก็ตาม ถ้าจะถามว่าแล้วมีใครที่แย่ไปกว่าพวกทาสและชาวต่างชาติเหล่านั้นไหม ก็ขอบอกว่ามีแน่นอน ซึ่งได้แก่บุคคลที่ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปชมความสนุกสนานในสนามนี้ได้เลย ได้แก่สัปเหร่อ นักแสดง และแกลดิเอเตอร์ ดังนั้นถ้ามีใครจะมาอ้างว่าฉันเป็นดาราดังแล้วอยากมาชมเสือกินคนเพลินๆซะหน่อย ก็ขอเสียใจด้วย

การแสดงที่โหดเหี้ยมล้างผลาญแต่สะใจท่านจักรพรรดิยิ่งนัก ได้รับการบันทึกไว้เป็นประวัติการณ์ได้แก่ พิธีเปิดที่ยิ่งใหญ่อลังการ มีการต่อสู้ทั้งคนและสัตว์ติดต่อกัน 1,100 วัน ว่ากันว่าสรรพสัตว์ที่น่าสมเพชตายกันเป็นเบือถึง 90,000 ตัว (ตัวเลขนี้มีศูนย์ 4 ตัว ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ)

ลองคิดดูว่าหลังจากนี้ไป เกมสุดโหดก็ยังคงเกิดขึ้นอีกตลอดระยะเวลาที่ถูกใช้งานไปอีก 400 ปีมันจะสร้างหายนะให้กับประชากรสัตว์ป่าแค่ไหน กล่าวกันว่า เพราะกีฬาโหดที่โคลอสเซียมนี่แหละที่เป็นเหตุให้เกิดการสูญพันธุ์ของสัตว์หลายชนิดในบริเวณนี้ อย่างเช่นฮิปโปโปเตมัสก็สูญไปจากอียิปต์ ช้างก็สูญพันธุ์ไปจากภาคเหนือของอัฟริกา และสิงโตก็หายไปจากภูมิภาคตะวันออกไกล ซึ่งบริเวณเหล่านี้อยู่ในรัศมีของจักรวรรดิโรมันทั้งสิ้น


ภาพโมเสคโบราณ แสดงการต่อสู้กับสัตว์ผู้น่าสงสาร

ยังไม่จบนะ ยังมีต่อ แต่พักผ่อนก่อน เหนื่อย แล้วจะมาโพสต์ต่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่