จากวิกฤตซัพไพร์ม ถึงวิกฤตที่ยังไม่มีชื่อ EP1

วันนี้บังเอิญเห็นเรื่องที่เคยเขียนลงในเพจตัวเอง ช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด เดือนเมษายนปี 2563
คิดว่าบรรยากาศในตลาดหุ้นบ้านเราตอนนี้มันใช่เลย

ขออนุญาตเอาเนื้อหาที่เขียนตอนนั้น มาดัดแปลงให้เข้ากับสถานการณ์
และเล่าเพิ่มเติมถึงการลงทุนในช่วงวิกฤตโควิด และผลลัพธ์ที่ได้ มาแบ่งกันอ่านอีกรอบ

เหตุผลคือ ให้กำลังใจตัวเองในตอนนี้แหละ 55555
---------------------------------------------------------
คำเตือน ในทุกๆวิกฤตมีโอกาส
แต่ทว่า สำหรับใครก็ตาม ที่คิดอยากมาหาโอกาสในตลาดหุ้น (ไม่ว่าจะตลาดประเทศไหน)
ต้องท่องไว้ในใจเสมอว่า....

1. ในตลาดหุ้น ไม่มีเงินให้เราง่ายๆ
2. เราจำเป็นต้องมี “วิธีการ” ที่ใช้ในการซื้อหุ้น ถ้าไม่มี “วิธีการ” โอกาสขาดทุนจะสูงมาก

วิธีการ มันจะทำให้คุณรู้ได้ด้วยตัวเองว่า จะซื้อหุ้นตัวไหน เมื่อไหร่ เท่าไหร่ และควรขายเมื่อไหร่
วิธีการ มันจะมายังไง เดี๋ยวอ่านจนจบแล้วจะรู้เอง
---------------------------------------------------------
ม่ะ เริ่มๆ

คิดว่าหลายๆคนที่อยู่นอกตลาดน่าจะเคยคิดแบบนี้นะ คือเมื่อก่อนผมคิดแบบนี้ประจำเวลาได้ข่าวหุ้นตก

ทำไมไม่ซื้อหุ้นตอนหุ้นตก แล้วไปขายตอนหุ้นขึ้นฟร่ะ มันยากตรงไหน

ครับพี่ แล้วพอเข้าตลาดแล้วทำได้มั๊ย
(ตอบ) แหม่ อย่าให้พูด 5555

และด้วยแนวความคิดแบบนี้แหละ ตอนวิกฤตซับไพร์ม(แฮมเบอเกอร์) ช่วงปี พศ. 2550-2551 ผมเลยเริ่มอยากจะเล่นหุ้น
เพราะคิดว่าหุ้นตกแบบนี้ มันเป็นโอกาสที่จะทำกำไรได้แน่ๆ

พอจะเริ่มก็เจอปัญหาคือ ตอนนั้นในเน็ตยังไม่ค่อยมีใครทำเนื้อหาสอนการลงทุนออกมาเท่าไหร่
ลอง Google ดูก็เจอแต่บทความที่อ่านแล้วมึนๆ
จำได้ว่าเจอบล็อกของคุณโยโย่ สันติ สิงห์วังชา (ผู้ล่วงลับ) แต่อ่านแล้วไม่เข้าใจเลย

ผมฟังสัมภาษณ์พี่มี่ ทิวา ชินทาดาพงษ์ ที่แกบอกว่าคุณโยโย่ ดึงแกเข้ากลุ่ม MSN (ใครทันใช้บ้าง)
แล้วแกฟังเขาพูดกันไม่เข้าใจเลย ตอนนั้นผมเข้าใจความรู้สึกพี่มีเลยฮะ

ตัดกลับไปที่ตัวผมตอนนั้น
เอาง่ายสุด ลองถามพี่ในแผนกที่เขาเล่นหุ้นอยู่ดีกว่า

(ผมถาม) พี่ครับ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์คืออะไร
(พี่ตอบ) ไม่รู้หวะ

(ผมถาม) อ่าว แล้วทุกวันนี้พี่เล่นหุ้นยังไง
(พี่ตอบ) ซื้อแล้วก็รอขายตอนมันแพง

(ผมถาม) แล้วจะรู้ได้ไงว่าอันไหนถูกอันไหนแพง
(พี่ตอบ) แล้วแต่ดวงสิวะ

นึกย้อนกลับไปแล้วมันโคตรฮา ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ท่านนี้จะเป็นไงเนาะ ไม่ได้ติดต่อกันนานมากแล้ว
ผมเลยลองมาไล่อ่านข่าวหุ้นและข่าวเศรษฐกิจด้วยตัวเอง
เข้าใจมั่ง ไม่เข้าใจมั่ง ส่วนใหญ่หนักไปทางไม่เข้าใจ

แต่ที่แน่ๆข่าวตอนช่วงวิกฤต อ่านข่าวแล้วมันน่ากลัวมากๆ
ขนาดตอนนั้นผมยังไม่ได้ลงเงินซักแอะ ยังมีความคิดจะไปถอนเงินออกจากธนาคารออกมาเก็บไว้ที่บ้าน

คือวิกฤตซับไพร์ม(แฮมเบอเกอร์)เนี่ย มันเกิดที่อเมริกา ประเทศที่ถือเป็นต้นแบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม
แล้วตอนนั้นมีบริษัทการเงินดังๆ 2 เจ้ามั้งถ้าจำไม่ผิดนะ อยู่ที่อเมริกา คือล้มไปเลย ที่จำได้คือ Lehman Brother

ตอนนั้นได้อ่านบทความนึง เขาบอกว่าถ้าอเมริกาล้มเนี่ย ประเทศอื่นๆที่ใช้ระบบนี้ (บ้านเราด้วย) ก็จะล้มไปด้วย
การเงิน การธนาคารจะล่มสลาย เงินในธนาคารอาจจะถอนออกมาไม่ได้ หรือ ถอนออกมาได้ก็จะไม่มีราคาเป็นกระดาษที่ไม่มีราคา บลาๆๆ

คืออ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจหรอก รู้แต่มันน่ากลัวว้อยยย
สรุปคือตอนนั้น เลยยังไม่ได้เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น

อย่าว่าแต่หุ้นเลย เท่าที่อ่านข่าวมา แค่ฝากธนาคารก็น่ากลัวแล้ว

คุ้นๆมั๊ยครับ ช่วงเดือนก่อน (เดือนมีนาคม พศ 2563) ที่ตลาดหุ้นบ้านเราตกวันละ 100 จุด ก็มีข่าวร้ายออกมาเยอะมาก
เหมือนช่วงโน้นเด๊ะๆเลย ยังกะเดจาวู

ทางที่ดีคือ ไม่ต้องไปอ่านครับ คนเขียนข่าวเขาก็ไม่รู้อนาคตหรอกครับ 5555
ถ้าเราอยู่ในตลาดก็ใช้ ”วิธีการ” ของเราต่อไป
อยากรู้ล่ะสิว่า วิธีการคืออะไร ยังไม่บอก 5555

---------------------------------------------------------
ในระหว่างที่วิกฤตซับไพร์มกำลังงจบ พอดีผมเปลี่ยนงาน
งานน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ที่ผมไม่คาดคิดคือ ผมจะเจอคนและโอกาสที่จะพาผมเข้าวงการ
ตอนนั้นได้เงินชดเชยจากที่ทำงานเก่า (จ้างออกเนื่องจากออเดอร์หดหายจากวิกฤต)

เงินก้อนใหญ่เลยแหละ สำหรับอายุตอนนั้น
ด้วยความคิดว่า เราเอาไปหาวิธีทำให้มันงอกเงยดีกว่า วิกฤตก็ดูท่าจะผ่านไปแล้ว ลงทุนสิๆๆ

ผมเลยใช้เวลาวันเสาร์-อาทิตย์ เปรียบเทียบดอกเบี้ยเงินฝากประจำ
หาข้อมูลมาลงตาราง Excel เพื่อคำนวณดอกเบี้ย

คือการผากประจำแต่ละที่มันจะต่างกันหน่อยๆ เช่น มีแบบได้ดอกเบี้ย เท่านั้น เท่านี้ % 2 เดือนสุดท้าย หรือ เพิ่มทีละ 0.5% ทุกๆ 2 เดือน
เปรียบเทียบยากมาก ใช้เวลาทำนานมาก คำนวณแบบละเอียดยิบๆ

สุดท้ายเลือกได้ธนาคารแห่งนึง ก็เอาเงินไปฝากวันอาทิตย์
เดินออกจากธนาคารด้วยความภาคภูมิใจ ที่เราสามารถเลือกได้ธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยฝากประจำที่ดีที่สุดในประเทศ
เรานี่ช่างอัจฉริยะจริมๆ 55555

---------------------------------------------------------
วันจันทร์ ณ ที่สูบบุหรี่ของบริษัท
คือที่สูบบุหรี่ตามโรงงานเนี่ย ถ้าใครเล่นเกมส์ RPG มันจะเหมือนโรงเตี๊ยม ร้านเหล้า
เราสามารถมาหาข่าวสารลับๆได้ เช่น ปีนี้เงินเดือนขึ้นเท่าไหร่ โบนัสกี่เท่า แก๊งค์คนสูบบุหรี่จะรู้ก่อนเพื่อน
นอกจากนี้ยังมี คนนั้นแอบกิ๊กคนนี้ พี่คนนั้นโดนเมียตามมาวีนที่โรงงาน อะไรทำนองเนี้ย 55555

วันนั้นผมเจอพี่ท่านนึง จากลักษณะ โหวงเฮ้ง ท่าทางดูแกไม่ธรรมดา
บังเอิญจังหวะที่ผมเพิ่งเข้าไป พี่คนนี้เพิ่งเดินเข้ามา ส่วนคนอื่นๆกำลังเดินออกมา

สรุป ในที่สูบบุหรี่ (เป็นลานโล่งๆใต้ต้นไม้ กว้างประมาณบาร์เหล้าเล็กๆ)
เหลือผมกับพี่ท่านนี้ 2 คน ต่อไปนี้จะเรียกว่าพี่ วช. นามสมมติ 55555555

ปัจจุบัน (ปี พศ. 2568) พี่ท่านนี้เป็นใหญ่เป็นโต ถ้าเจอใครที่ทำงานอยู่ที่ บ นี้
ผมสามารถคุยโม้ได้ว่าผมเป็นลูกศิษย์พี่ วช นะคร้าบบบ

พี่ วช : เพิ่งย้ายมาหรือว่ามาซ่อมเครื่อง ไม่เคยเห็นหน้า
ผม : เพิ่งย้ายมาครับ

แกก็ถามเรื่องสัพเพเหระ อายุเท่าไหร่ เคยทำงานที่ไหน อยู่แผนกไหน บลาๆ
จนถึงคำถามที่เปลี่ยนชีวิตผมไปเลย ยังนึกขอบคุณแกจนถึงทุกวันนี้

พี่ วช : ทุกวันนี้คุณเก็บเงินไว้ที่ไหน
ผม : (ตอบด้วยความภาคภูมิใจในการเลือกธนาคารฝากประจำ) ฝากประจำที่ธนาคาร (ตรู๊ดๆ - เซ็นเซอร์) ครับ
พี่ วช : (ทำหน้าแปลกใจมากๆ และหันมามองหน้าผมเหมือนเห็นผมมี 4 แขน ก่อนจะพูดว่า) นี่คุณโง่หรือบ้าวะ

ผม : !!!!!!!!!!!!!
อึ้งไป 3.487 วินาที

นี่มันคำพูดของคนที่เพิ่งรู้จักกันเหรอวะ(ครับ)

นาทีนั้นมีช้อยส์โผล่ขึ้นมา

ก. ปากดีแบบนี้ สวนไปสักดอกดีมั๊ย เราก็พอตัวนะเว่ย
ข. กวนตีนกลับแม่มเลย
ค. ใจเย็นๆ เพิ่งย้ายงานใหม่ อย่าทะลึ่งทำเก๋า

ติ๊กต่อกๆๆๆ เลือกข้อไหนดี 55555
ออกไปข้างนอกแป้ป เดี๋ยวมาต่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่