เราอายุ 41 โสด ทำงานเป็นพนักงานเงินเดือน
มีคุณแม่ที่ติดเตียงที่ต้องดูแล คุณแม่เป็นเบาหวาน ความดัน หัวใจ พิการตัดขาเบาหวาน และเป็นสโตรค ท่านมาอยู่กับเราได้ 9 ปีแล้วค่ะ
พี่ชายเคยติดยา(ตอนนี้ไม่รู้ยังแอบใช้ไหม) งานคงทำบ้างไม่ทำบ้าง ขอเงินเราใช้ทุกเดือน พี่ชายอยู่บ้านที่ ตจว ค่ะ แม่ทำบ้านเช่าไว้หวังให้พี่ชายเก็บค่าเช่ากิน แต่ไม่มีใครมาเช่า เพราะกลัวพี่ชายค่ะ
เราเป็นลูกสาวตามตำราที่พ่อแม่ควรจะมี(ใกล้เคียงประมาณ 70% บางทีเราพูดตรงเกินไป แม่ไม่ชอบค่ะ)
ตั้งใจเรียน ประหยัด เรียนจบทำงาน และหาเงินดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่า
รายได้ต่อเดือน 168k (ถ้ารวมโบนัสและปันผลจากหุ้น/กองทุน เราจะมีรายได้ประมาณปีละ 3M)
รับจริงหลังจากหักภาษี PVF ประกันสังคม จะเหลือประมาณ 130k ค่ะ
เรามีรายจ่ายที่เป็น fix cost ประมาณเดือนละ 100k รายจ่ายเราคือ
1. ค่าผ่อนบ้านที่แม่อยู่ + น้ำไฟเน็ต เดือนละ 45,000 บาท
(แม่อยู่เป็นหลักค่ะ เรามีคอนโดในเมือง วันทำงานเราเลยจะอยู่คอนโดค่ะ คอนโดหมดภาระแล้วค่ะ)
2. ค่าส่วนต่างหาหมอ ค่าที่จอดรถ ทางด่วนเวลาพาแม่ไปหาหมอ ค่าเวชภัณฑ์อื่นๆ เดือนละ 10,000 บาท
(คุณแม่เป็นข้าราชการ เลยเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ แต่แม่ป่วยหลายโรค เลยหาหมอ เดือนละ 2-3 ครั้ง รายจ่ายส่วนนี้ไม่รวมกรณีฉุกเฉินค่ะ)
3. ค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าอาหารแม่ อาหารแม่บ้าน เดือนละ 10,000 บาท
4. ให้แม่ เดือนละ 10,000 บาท (แม่ขอค่ะ เราเข้าใจว่าแม่เอาส่วนนี้ไปให้พี่ และแม่เรายังมีบำนาญเดือนละ 30000 บาท)
5. ให้พี่ (รวมค่าน้ำไฟ) เดือนละ 7,000 บาท
6. ใช้จ่ายของเรา(ดูแลตัวเอง เช่น ครีม ยิม, เติมน้ำมันรถ, อาหาร, ค่าโทรศัพท์, น้ำไฟเน็ตที่คอนโด) + หมา 1 + แมว 1 เดือนละ 20,000 บาท
7. ค่าแม่บ้านที่ช่วยดูแลแม่ เดือนละ 15000 บาท (ส่วนนี้เราให้แม่เอาเงินบำนาญแม่มาจ่ายค่ะ)
เราจะควบคุมทุกรายการตั้งแต่ 1-6 ไม่ให้เกินเดือนละ 100k
(รายได้ที่เหลือ เราเอาไปลงทุนลดหย่อนภาษี ซื้อประกัน ลงทุนอื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง และเอาไว้ท่องเที่ยวเยียวยาตัวเองค่ะ)
แต่ก่อน เราให้ข้อ 4,5 แบบไม่มีลิมิตเลยค่ะ อาจจะเพราะเรากลัวแม่ไม่รัก กลัวพี่ไม่แคร์เรา เราเลย support เรื่องเงินแม่กับพี่เต็มที่ค่ะ
เราเคยมาขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆในพันทิป เพราะเราเริ่มมีปัญหาดึงเงินเก็บมาใช้ เพื่อนๆหลายคนแนะนำว่า
"เราเป็นเจ้าของเงิน เราต้องมีอำนาจในเงินของเรา"
เราพยายามมาสองปี ไม่ว่าพวกเค้าจะขอเพิ่มไปทำอะไร เราก็จะแจกแจงรายจ่ายที่เรารับผิดชอบทั้งหมด แล้วแม่ก็จะรำคาญ หยุดขอเงินเราเพิ่มค่ะ
แต่สุขภาพแม่เราตอนนี้แย่ลงเรื่อยๆ ท่านเริ่มหลงลืม แล้วแม่ไม่ได้โฟกัสที่เราค่ะ ท่านเลยไม่เคยห่วงอะไร
เพราะคิดแค่ว่า เราเอาตัวรอดได้ เราสบาย เรามีเงินเดือน แต่ท่านก็ไม่รู้ว่าเราทำงานเครียดขนาดไหน โดนอะไรมาบ้าง
(เราเข้ารพ เพราะโหมงานหนักเกินไป นอนน้อย แม่ยังโทรมาแค่จะขอเงินเดือนแม่ และรับรู้ไว้ว่าเรากำลังนอน รพ คนเดียว ไม่มีใครเฝ้า
แม่บอกว่า ก็แม่เดินไม่ได้ แม่ช่วยอะไรเราไม่ได้... ก็จริงของแม่ ตอนนั้นก็โทรไปกวนเพื่อนให้ช่วยไปตอนโด หยิบของใช้ส่วนตัวมาให้เราค่ะ)
แม่ห่วงแต่พี่ กลัวพี่จะไม่มีเงินใช้ กลัวพี่จะอด และกลัวพี่ไปสร้างปัญหาติดคุกให้แม่อายคนอีก
พี่ก็ยังรักสบาย ขอเงินแม่ใช้เหมือนเดิม อ้างว่าเอาไปลงทุนทำงาน และยังใช้เงินที่เราให้ในทุกเดือนด้วย
พอแม่กับพี่เป็นแบบนี้ เราเลยเลือกที่จะทำหน้าที่ที่เราเลือกก็พอค่ะ ไม่อยากหวังอะไรแล้ว
แค่แม่กินยาให้ครบ ไม่ดื้อกับหมอ และพี่ไม่สร้างปัญหาไปทำให้ใครลำบากก็พอ
เราแค่รู้สึกว่า วันไหนที่ไม่มีใครที่บ้านโทรหาเรา แสดงว่า วันนั้นพวกเค้ายังไม่มีปัญหา และพวกเค้าสบายดี
พอสมองแม่เริ่มมีปัญหา เราว่าท่านยับยั้งอะไรไม่ค่อยได้ค่ะ
(เมื่อหลายปีก่อนก็เคยเป็นแบบนี้ค่ะ ช่วงตัดขาใหม่ๆ แม่รับไม่ได้ที่ตัวเองเดินไม่ได้ แต่ก็ค่อยๆดีขึ้นค่ะ)
ช่วง2-3เดือนที่ผ่านมา ทุกครั้งที่แม่ขอเงินเราแล้วเราอธิบายให้แม่ฟังแบบเดิม ว่ารายจ่ายมันเยอะแล้ว
อะไรที่มันไม่จำเป็นก็ไม่ต้องทำ เงินที่เราให้ไปก็ซื้อข้าวกินได้ทั้งเดือนแล้ว
แม่ก็โมโห คุมตัวเองไม่ได้ค่ะ เริ่มโยนข้าวของใส่เรา จานข้าวบ้าง แก้วบ้าง ขาเทียมบ้าง
และที่หนักสุด กระโถนฉี่ ที่มีฉี่แม่อยู่ ใส่เราค่ะ แม่บอกว่า เราใจดำ ต้องโดนของแบบนี้
(พี่แม่บ้านบอกว่า แม่ไม่เคยโมโหร้ายแบบนี้ใส่พี่เค้าเลยนะคะ)
แต่เราไม่เคยทำร้ายอะไรแม่นะคะ อาจจะมีคำพูดที่ทำให้แม่ไม่พอใจบ้าง
ทุกครั้งเราจะหลบ และหนีค่ะ พาหมาแมวของเราหลบไปด้วย
เพราะเราเคยหลบไปคนเดียว แม่เค้าทำร้ายหมาแมวแทนค่ะ
เราเหนื่อยมากเลยค่ะ เราไม่รู้ว่าเราจะทนใจเย็นอธิบายให้แม่ฟังอีกไหม
หรือพอแม่เริ่มขอเงิน เราจะจูงหมา อุ้มแมว หนีไปที่อื่นดี
บางทีเป็นวันหยุดแม่บ้าน เราก็ทิ้งแม่ออกไปไหนไม่ได้ค่ะ
ใครมีประสบการณ์ดูแลคนป่วยแบบนี้ รบกวนแนะนำเราด้วยค่ะ
ขอบคุณนะคะ
เมื่อคนป่วยในบ้านเริ่มมีปัญหาทางการควบคุมอารมณ์ เราจะจัดการยังไงดีคะ
มีคุณแม่ที่ติดเตียงที่ต้องดูแล คุณแม่เป็นเบาหวาน ความดัน หัวใจ พิการตัดขาเบาหวาน และเป็นสโตรค ท่านมาอยู่กับเราได้ 9 ปีแล้วค่ะ
พี่ชายเคยติดยา(ตอนนี้ไม่รู้ยังแอบใช้ไหม) งานคงทำบ้างไม่ทำบ้าง ขอเงินเราใช้ทุกเดือน พี่ชายอยู่บ้านที่ ตจว ค่ะ แม่ทำบ้านเช่าไว้หวังให้พี่ชายเก็บค่าเช่ากิน แต่ไม่มีใครมาเช่า เพราะกลัวพี่ชายค่ะ
เราเป็นลูกสาวตามตำราที่พ่อแม่ควรจะมี(ใกล้เคียงประมาณ 70% บางทีเราพูดตรงเกินไป แม่ไม่ชอบค่ะ)
ตั้งใจเรียน ประหยัด เรียนจบทำงาน และหาเงินดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่า
รายได้ต่อเดือน 168k (ถ้ารวมโบนัสและปันผลจากหุ้น/กองทุน เราจะมีรายได้ประมาณปีละ 3M)
รับจริงหลังจากหักภาษี PVF ประกันสังคม จะเหลือประมาณ 130k ค่ะ
เรามีรายจ่ายที่เป็น fix cost ประมาณเดือนละ 100k รายจ่ายเราคือ
1. ค่าผ่อนบ้านที่แม่อยู่ + น้ำไฟเน็ต เดือนละ 45,000 บาท
(แม่อยู่เป็นหลักค่ะ เรามีคอนโดในเมือง วันทำงานเราเลยจะอยู่คอนโดค่ะ คอนโดหมดภาระแล้วค่ะ)
2. ค่าส่วนต่างหาหมอ ค่าที่จอดรถ ทางด่วนเวลาพาแม่ไปหาหมอ ค่าเวชภัณฑ์อื่นๆ เดือนละ 10,000 บาท
(คุณแม่เป็นข้าราชการ เลยเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ แต่แม่ป่วยหลายโรค เลยหาหมอ เดือนละ 2-3 ครั้ง รายจ่ายส่วนนี้ไม่รวมกรณีฉุกเฉินค่ะ)
3. ค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าอาหารแม่ อาหารแม่บ้าน เดือนละ 10,000 บาท
4. ให้แม่ เดือนละ 10,000 บาท (แม่ขอค่ะ เราเข้าใจว่าแม่เอาส่วนนี้ไปให้พี่ และแม่เรายังมีบำนาญเดือนละ 30000 บาท)
5. ให้พี่ (รวมค่าน้ำไฟ) เดือนละ 7,000 บาท
6. ใช้จ่ายของเรา(ดูแลตัวเอง เช่น ครีม ยิม, เติมน้ำมันรถ, อาหาร, ค่าโทรศัพท์, น้ำไฟเน็ตที่คอนโด) + หมา 1 + แมว 1 เดือนละ 20,000 บาท
7. ค่าแม่บ้านที่ช่วยดูแลแม่ เดือนละ 15000 บาท (ส่วนนี้เราให้แม่เอาเงินบำนาญแม่มาจ่ายค่ะ)
เราจะควบคุมทุกรายการตั้งแต่ 1-6 ไม่ให้เกินเดือนละ 100k
(รายได้ที่เหลือ เราเอาไปลงทุนลดหย่อนภาษี ซื้อประกัน ลงทุนอื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง และเอาไว้ท่องเที่ยวเยียวยาตัวเองค่ะ)
แต่ก่อน เราให้ข้อ 4,5 แบบไม่มีลิมิตเลยค่ะ อาจจะเพราะเรากลัวแม่ไม่รัก กลัวพี่ไม่แคร์เรา เราเลย support เรื่องเงินแม่กับพี่เต็มที่ค่ะ
เราเคยมาขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆในพันทิป เพราะเราเริ่มมีปัญหาดึงเงินเก็บมาใช้ เพื่อนๆหลายคนแนะนำว่า
"เราเป็นเจ้าของเงิน เราต้องมีอำนาจในเงินของเรา"
เราพยายามมาสองปี ไม่ว่าพวกเค้าจะขอเพิ่มไปทำอะไร เราก็จะแจกแจงรายจ่ายที่เรารับผิดชอบทั้งหมด แล้วแม่ก็จะรำคาญ หยุดขอเงินเราเพิ่มค่ะ
แต่สุขภาพแม่เราตอนนี้แย่ลงเรื่อยๆ ท่านเริ่มหลงลืม แล้วแม่ไม่ได้โฟกัสที่เราค่ะ ท่านเลยไม่เคยห่วงอะไร
เพราะคิดแค่ว่า เราเอาตัวรอดได้ เราสบาย เรามีเงินเดือน แต่ท่านก็ไม่รู้ว่าเราทำงานเครียดขนาดไหน โดนอะไรมาบ้าง
(เราเข้ารพ เพราะโหมงานหนักเกินไป นอนน้อย แม่ยังโทรมาแค่จะขอเงินเดือนแม่ และรับรู้ไว้ว่าเรากำลังนอน รพ คนเดียว ไม่มีใครเฝ้า
แม่บอกว่า ก็แม่เดินไม่ได้ แม่ช่วยอะไรเราไม่ได้... ก็จริงของแม่ ตอนนั้นก็โทรไปกวนเพื่อนให้ช่วยไปตอนโด หยิบของใช้ส่วนตัวมาให้เราค่ะ)
แม่ห่วงแต่พี่ กลัวพี่จะไม่มีเงินใช้ กลัวพี่จะอด และกลัวพี่ไปสร้างปัญหาติดคุกให้แม่อายคนอีก
พี่ก็ยังรักสบาย ขอเงินแม่ใช้เหมือนเดิม อ้างว่าเอาไปลงทุนทำงาน และยังใช้เงินที่เราให้ในทุกเดือนด้วย
พอแม่กับพี่เป็นแบบนี้ เราเลยเลือกที่จะทำหน้าที่ที่เราเลือกก็พอค่ะ ไม่อยากหวังอะไรแล้ว
แค่แม่กินยาให้ครบ ไม่ดื้อกับหมอ และพี่ไม่สร้างปัญหาไปทำให้ใครลำบากก็พอ
เราแค่รู้สึกว่า วันไหนที่ไม่มีใครที่บ้านโทรหาเรา แสดงว่า วันนั้นพวกเค้ายังไม่มีปัญหา และพวกเค้าสบายดี
พอสมองแม่เริ่มมีปัญหา เราว่าท่านยับยั้งอะไรไม่ค่อยได้ค่ะ
(เมื่อหลายปีก่อนก็เคยเป็นแบบนี้ค่ะ ช่วงตัดขาใหม่ๆ แม่รับไม่ได้ที่ตัวเองเดินไม่ได้ แต่ก็ค่อยๆดีขึ้นค่ะ)
ช่วง2-3เดือนที่ผ่านมา ทุกครั้งที่แม่ขอเงินเราแล้วเราอธิบายให้แม่ฟังแบบเดิม ว่ารายจ่ายมันเยอะแล้ว
อะไรที่มันไม่จำเป็นก็ไม่ต้องทำ เงินที่เราให้ไปก็ซื้อข้าวกินได้ทั้งเดือนแล้ว
แม่ก็โมโห คุมตัวเองไม่ได้ค่ะ เริ่มโยนข้าวของใส่เรา จานข้าวบ้าง แก้วบ้าง ขาเทียมบ้าง
และที่หนักสุด กระโถนฉี่ ที่มีฉี่แม่อยู่ ใส่เราค่ะ แม่บอกว่า เราใจดำ ต้องโดนของแบบนี้
(พี่แม่บ้านบอกว่า แม่ไม่เคยโมโหร้ายแบบนี้ใส่พี่เค้าเลยนะคะ)
แต่เราไม่เคยทำร้ายอะไรแม่นะคะ อาจจะมีคำพูดที่ทำให้แม่ไม่พอใจบ้าง
ทุกครั้งเราจะหลบ และหนีค่ะ พาหมาแมวของเราหลบไปด้วย
เพราะเราเคยหลบไปคนเดียว แม่เค้าทำร้ายหมาแมวแทนค่ะ
เราเหนื่อยมากเลยค่ะ เราไม่รู้ว่าเราจะทนใจเย็นอธิบายให้แม่ฟังอีกไหม
หรือพอแม่เริ่มขอเงิน เราจะจูงหมา อุ้มแมว หนีไปที่อื่นดี
บางทีเป็นวันหยุดแม่บ้าน เราก็ทิ้งแม่ออกไปไหนไม่ได้ค่ะ
ใครมีประสบการณ์ดูแลคนป่วยแบบนี้ รบกวนแนะนำเราด้วยค่ะ
ขอบคุณนะคะ