โดยเนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมกรา แพ้มิลานในรายการซุปเปอร์โคปปาไป
และพุธก่อน กระเด็นแพ้พีเอสวีร่วงตกรอบ
เป็นเหตุให้โคปปาอิตาเลีย เป็นบอลถ้วยรายการสุดท้ายที่เหล่าเบียงโคเนรี่จะพอมีลุ้น

เป็นเหตุให้เกมนี้ม็อตต้าต้องจัดตัวจริงงัดฟอร์มออกมาพอสมควร มีโรเตชั่นพอบางตําแหน่งบ้างเช่น ดิเกรกอริโอ โลคาเตลลี่ เวก้า(เจ็บ) และปรับวลามายืนหน้าแทนโคโล จนเกมเปิดมาก็เป็นยูเว่ที่กระหนํ่าเดินเกมบุกใส่ไม่พัก แต่ฟุตบอลก็วัดที่ความคมและกลายเป็นเอ็มโปลีที่ไม่ได้มีทีท่าไรเท่า แต่มาขึ้นนําได้ก่อนและก็จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-1

เข้าสู่ช่วงครึ่งหลัง ม็อตต้าเริ่มทยอยเปลี่ยนตัวสํารองลงมาเปลี่ยนเกมมากขึ้นทั้งยิลดิซ คอนไซเซา โลคาเตลลี่ แบบไล่เลี่ยกันสามราย และไม่นานต่อจากนั้นตูรามเลี้ยงลากจากหน้ากรอบเขตโทษ วิ่งมายึกยักหลอกสเต็ปกองหลังเอ็มโปลีไป 1 จังหวะแล้วยิง! พาทีมตีเสมอได้สําเร็จ 
แบบที่เรียกได้ว่าลุ้นประตูยอดเยี่ยมประจําทัวร์นาเมนต์ได้เลย

แต่ก็เป็นไปตามวิถีฟุตบอล ฝนหลังฟ้า ต่อมาพอเริ่มตั้งเกมได้ฝั่งยูเว่ก็พยายามจะตามหาเม็ดที่สองเพื่อจบเกมภายใน 90 นาทีให้ได้แต่เคราะห์ไม่ดี ยิงไปก็ติดเซฟบ้าง โดนกองหลังเขาสกัดบ้าง และเป็นอันว่ากรรมการเป่านกหวีดสิ้นสุดเกมลงก็ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ไม่มี AET ให้เล่นต่อเวลา 

และสุดท้ายผลปรากฎว่าเกมนี้ณเดชน์ต้องกลายเป็นแพะรับบาปไปเต็มตัว นอกจากจะทํายิงนกไปในครึ่งหลังแล้วยังยิงจุดโทษเปิดพลาด แม้โลคาเตลลี่กับโคโลมูอานี่จะตามมาซํ้าได้ก็ตาม แต่ก็ต้องตกรอบเมื่อยิลดิซยิงพลาดและฝั่งเขาซัดลูกที่ 4 ตามนํ้าเข้าประตูไป 
และจบเกม แชมป์เก่าอดไปป้องกันแชมป์ หยุดเส้นทางไว้ที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย