เมื่ออายุมากขึ้น ความถดถอยของร่างกายก็มีให้เห็น จากเดิมที่เคยทำอะไรคล่องแคล่ว ก็มีอันต้องลดสปีดลง มือข้างที่เคยใช้ประจำเริ่มอ่อนล้าง่ายขึ้น อาจถึงเวลาแล้วที่มือข้างนั้นจะต้องได้รับการพักฟื้นยาวๆ และเปลี่ยนมาใช้มืออีกข้างที่ไม่ค่อยได้ใช้เลยในชีวิต
การฝึกใช้มือข้างที่ไม่ถนัดเมื่อย่างเข้าสู่วัย 50 จึงเป็นเรื่องที่สมควรทำ เพื่อเป็นการรีดทุกสรรพกำลังของร่างกายออกมาใช้อย่างเต็มที่ในครึ่งท้ายของชีวิต เช่น จากเดิมเราใช้มือขวาเป็นมือหลักในการยกของ ก็เปลี่ยนเป็นมือซ้ายมาทำแทน แม้ในช่วงแรกอาจรู้สึกไม่ถนัด แต่เมื่อฝึกฝนและใช้งานบ่อยๆ มือข้างที่ไม่ถนัดจะค่อยๆ พัฒนาและอาจกลายเป็นมือที่ใช้งานได้อย่างคล่องแคล่วในที่สุด
การฝึกใช้ขาข้างที่ไม่ถนัดก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างความสมดุลของร่างกาย เช่น ลองก้าวขึ้นบันไดโดยเริ่มจากขาข้างที่ไม่ถนัด หรือฝึกยืนทรงตัวบนขาข้างนั้น สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อทั้งสองข้างได้รับการพัฒนาอย่างสมดุล ลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นจากการพึ่งพาอวัยวะข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไป
เมื่อมือและขาทั้งสองข้างสามารถใช้งานได้อย่างสมดุล เราจะได้รับประโยชน์มากมาย เช่น
✅ พละกำลังที่เพิ่มขึ้น – เนื่องจากไม่มีข้างใดข้างหนึ่งต้องรับภาระหนักเพียงลำพัง
✅
การออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น – เช่น การวิดพื้นที่ใช้แรงจากทั้งสองข้างอย่างสมดุล ทำให้สามารถทำซ้ำได้มากขึ้น
✅
ลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บ – เพราะร่างกายได้รับการกระจายภาระงานอย่างทั่วถึง
✅ เสริมสร้างการทำงานของสมอง – เนื่องจากการใช้มือและขาข้างที่ไม่ถนัดช่วยกระตุ้นสมองให้เกิดการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทใหม่ ๆ
สรุปแล้ว การฝึกใช้มือและขาข้างที่ไม่ถนัดเป็นแนวทางที่ดีสำหรับผู้ที่ก้าวสู่วัย 50 เพราะนอกจากจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นสมองและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ แม้เมื่ออายุ 50 ก็ตาม
ผมเองได้ทดลองฝึกใช้มือซ้าย (ด้านที่ไม่ถนัด) ในการทำอะไรหลายๆ อย่างแทนมือขวา ใช้เวลาประมาณ 1 ปีก็เกิดความคุ้นเคย จนตอนนี้ด้านซ้ายกลายมาถนัดพอๆ กับด้านขวา และยังมีพละกำลังมากกว่าด้วย เพราะได้ใช้ในการยกของมาตลอด
ทำให้ตอนนี้ผมสามารถใช้งานโดยเฉลี่ยทั้งด้านซ้ายและขวาในเวลาเดียวกันได้อย่างสมดุล ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย เช่น การโหนบาร์ ก็สามารถโหนได้จำนวนครั้งที่มากขึ้น และจากเดิมที่ด้านขวามักจะอักเสบจากการรับแรงโอเวอร์โหลดมากกว่าด้านซ้าย ก็กลายเป็นว่ามีการเฉลี่ยแรงกันจนไม่เกิดการอักเสบเหมือนเมื่อก่อน
ก็เลยอยากมาแนะนำเพื่อนๆ ให้ลองใช้วิธีนี้ในวันที่เราเหลืออีกครึ่งชีวิต รีดสรรพกำลังของร่างกายในส่วนที่เหลืออยู่ออกมาใช้ เพื่อคุณภาพชีวิตจะไม่ถูกบั่นทอนลงจากร่างกายในส่วนที่ใช้งานหนักมาตลอด ในขณะที่อีกส่วนยังนั่งอยู่เก้าอี้ตัวสำรอง รอโค้ชเรียกมาลงสนาม
ถ้าทำได้เช่นนี้ ก็จะสามารถพูดได้ว่า
"ชีวิตเริ่มต้นเมื่ออายุ 50". ขอให้ทุกท่านจงมีความสุขกับร่างกายใหม่ที่ซ่อนเร้นอยู่ในร่างเก่า ดึงเค้าออกมา ยังมีอีกหลายส่วนที่ยังเฟรชอยู่รอเราเรียกใช้งานครับ
แก่แต่ไม่แก่ EP.7 : การใช้มือและขาข้างที่ไม่ถนัดให้มากขึ้นในวัย 50+
การฝึกใช้ขาข้างที่ไม่ถนัดก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างความสมดุลของร่างกาย เช่น ลองก้าวขึ้นบันไดโดยเริ่มจากขาข้างที่ไม่ถนัด หรือฝึกยืนทรงตัวบนขาข้างนั้น สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อทั้งสองข้างได้รับการพัฒนาอย่างสมดุล ลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นจากการพึ่งพาอวัยวะข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไป
เมื่อมือและขาทั้งสองข้างสามารถใช้งานได้อย่างสมดุล เราจะได้รับประโยชน์มากมาย เช่น
✅ พละกำลังที่เพิ่มขึ้น – เนื่องจากไม่มีข้างใดข้างหนึ่งต้องรับภาระหนักเพียงลำพัง
✅ การออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น – เช่น การวิดพื้นที่ใช้แรงจากทั้งสองข้างอย่างสมดุล ทำให้สามารถทำซ้ำได้มากขึ้น
✅ ลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บ – เพราะร่างกายได้รับการกระจายภาระงานอย่างทั่วถึง
✅ เสริมสร้างการทำงานของสมอง – เนื่องจากการใช้มือและขาข้างที่ไม่ถนัดช่วยกระตุ้นสมองให้เกิดการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทใหม่ ๆ
สรุปแล้ว การฝึกใช้มือและขาข้างที่ไม่ถนัดเป็นแนวทางที่ดีสำหรับผู้ที่ก้าวสู่วัย 50 เพราะนอกจากจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นสมองและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ แม้เมื่ออายุ 50 ก็ตาม
ผมเองได้ทดลองฝึกใช้มือซ้าย (ด้านที่ไม่ถนัด) ในการทำอะไรหลายๆ อย่างแทนมือขวา ใช้เวลาประมาณ 1 ปีก็เกิดความคุ้นเคย จนตอนนี้ด้านซ้ายกลายมาถนัดพอๆ กับด้านขวา และยังมีพละกำลังมากกว่าด้วย เพราะได้ใช้ในการยกของมาตลอด
ทำให้ตอนนี้ผมสามารถใช้งานโดยเฉลี่ยทั้งด้านซ้ายและขวาในเวลาเดียวกันได้อย่างสมดุล ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย เช่น การโหนบาร์ ก็สามารถโหนได้จำนวนครั้งที่มากขึ้น และจากเดิมที่ด้านขวามักจะอักเสบจากการรับแรงโอเวอร์โหลดมากกว่าด้านซ้าย ก็กลายเป็นว่ามีการเฉลี่ยแรงกันจนไม่เกิดการอักเสบเหมือนเมื่อก่อน
ก็เลยอยากมาแนะนำเพื่อนๆ ให้ลองใช้วิธีนี้ในวันที่เราเหลืออีกครึ่งชีวิต รีดสรรพกำลังของร่างกายในส่วนที่เหลืออยู่ออกมาใช้ เพื่อคุณภาพชีวิตจะไม่ถูกบั่นทอนลงจากร่างกายในส่วนที่ใช้งานหนักมาตลอด ในขณะที่อีกส่วนยังนั่งอยู่เก้าอี้ตัวสำรอง รอโค้ชเรียกมาลงสนาม
ถ้าทำได้เช่นนี้ ก็จะสามารถพูดได้ว่า "ชีวิตเริ่มต้นเมื่ออายุ 50". ขอให้ทุกท่านจงมีความสุขกับร่างกายใหม่ที่ซ่อนเร้นอยู่ในร่างเก่า ดึงเค้าออกมา ยังมีอีกหลายส่วนที่ยังเฟรชอยู่รอเราเรียกใช้งานครับ