โลหิตจาง รู้ไว้ ให้ไกลเสี่ยง!

ที่มา :- https://mgronline.com/infographic/detail/9680000018825

เนื้อหา :-


โลหิตจาง รู้ไว้ ให้ไกลเสี่ยง!

“โลหิตจาง” อาจฟังดูเหมือนโรคธรรมดาที่ไม่ร้ายแรง เพราะใครหลายคนอาจเคยได้ยินแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะมีผลกระทบอะไร แต่รู้หรือไม่ว่า หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการดูแล อาการเล็กน้อยจากภาวะโลหิตจางสามารถสะสมจนส่งผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาวได้ในอนาคต

โลหิตจาง…โรคที่มองไม่เห็น แต่อันตรายอยู่ใกล้ตัว

โลหิตจาง (Anemia) เป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับฮีโมโกลบินหรือเม็ดเลือดแดงต่ำกว่าปกติ ทำให้การลำเลียงออกซิเจนไปยังอวัยวะต่างๆ ไม่เพียงพอ ส่งผลให้คุณรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย และบางครั้งอาจส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกายได้

สัญญาณเตือนจากภาวะโลหิตจาง

อ่อนเพลียเรื้อรัง รู้สึกหมดพลังแม้จะพักผ่อนเต็มที่
หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ โดยเฉพาะเวลาลุกขึ้นเร็ว
ผิวซีด ริมฝีปากซีด สีผิวดูจางกว่าปกติ
เหนื่อยง่าย หายใจหอบ แม้ทำกิจกรรมเบา ๆ
มือเท้าเย็น รู้สึกหนาวง่ายผิดปกติ
หากคุณมีอาการเหล่านี้ร่วมกันหลายข้อ อย่านิ่งนอนใจ เพราะคุณอาจเข้าข่ายภาวะโลหิตจาง แนะนำให้รับการตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อช่วยวินิจฉัยได้อย่างเหมาะสม

สาเหตุของโลหิตจาง...มากกว่าแค่การขาดสารอาหาร

การขาดธาตุเหล็ก วิตามินบี12 และโฟเลต : สารอาหารเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง หากร่างกายขาดสารอาหารเหล่านี้จากการกินอาหารไม่ครบหมู่หรือดูดซึมได้ไม่ดี ก็จะนำไปสู่โลหิตจางได้
การเสียเลือดเรื้อรัง หรือเสียเลือดมากเกินไป :
ในผู้หญิงอาจมีการมีประจำเดือนมามากผิดปกติ อาจมีสาเหตุจากมะเร็งในอุ้งเชิงกราน
การบาดเจ็บหรือการผ่าตัดที่ทำให้เสียเลือดมาก
การมีแผลในกระเพาะอาหารหรือโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร อาจมีสาเหตุจากมะเร็งทางเดินอาหาร
โรคประจำตัวและพันธุกรรม :
โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia)
โรคไตวายเรื้อรัง
ภาวะอักเสบเรื้อรังในร่างกาย : โรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง ลำไส้อักเสบ หรือโรคภูมิคุ้มกันผิดปกติ สามารถรบกวนกระบวนการผลิตเม็ดเลือดแดงในร่างกายได้

โลหิตจางมีผลต่อสุขภาพอย่างไร?

หากปล่อยให้ภาวะโลหิตจางดำเนินต่อไปโดยไม่ได้รับการรักษา อาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น

ระบบหัวใจและหลอดเลือด : หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อชดเชยการขาดออกซิเจน อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวได้
ระบบภูมิคุ้มกัน : โลหิตจางทำให้ร่างกายอ่อนแอ เสี่ยงต่อการติดเชื้อและเจ็บป่วยบ่อยขึ้น
สมรรถภาพการทำงาน : ร่างกายเหนื่อยง่าย สมองตื้อ ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
พัฒนาการทางสมอง : ในเด็ก หากมีภาวะโลหิตจางอาจทำให้การเรียนรู้ช้าลง สมาธิสั้น

วิธีรักษาและฟื้นฟูภาวะโลหิตจาง

ตรวจวินิจฉัยต้นตอของปัญหา : การเจาะเลือดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตรวจวินิจฉัยโลหิตจาง เพราะช่วยให้รู้ถึงระดับฮีโมโกลบินและสารอาหารในร่างกาย
ปรับเปลี่ยนการกินอาหาร โดยเน้นไปที่อาหารที่ช่วยบำรุงเลือด ได้แก่ :
อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง : เนื้อสัตว์ ตับ ผักโขม
อาหารเสริมวิตามินบี12 : นม ไข่
โฟเลต : ผักใบเขียวเข้ม ถั่วเลนทิล
ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร : หากร่างกายขาดสารอาหารบางชนิดมาก การรับประทานยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมที่แพทย์แนะนำจะช่วยฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะพวกวิตามินและธาตุเหล็ก
รักษาสาเหตุที่แท้จริง : การรักษาโรคประจำตัวหรือแก้ไขปัญหาที่ทำให้ร่างกายสูญเสียเลือด เช่น การรักษาโรคประจำตัวอย่างธาลัสซีเมีย หรือควบคุมอาการของโรคเรื้อรัง

ป้องกันโลหิตจาง เริ่มต้นที่ตัวเรา

การป้องกันโลหิตจางไม่ใช่เรื่องยาก หากเราปรับพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน

กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง
ลดการดื่มชา กาแฟพร้อมมื้ออาหาร เพราะสารแทนนินลดการดูดซึมธาตุเหล็ก
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงความเครียด

กลุ่มเสี่ยงที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ

ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ โดยเฉพาะผู้ที่มีประจำเดือนมาก ควรเสริมธาตุเหล็กเป็นพิเศษ
หญิงตั้งครรภ์ ควรเสริมโฟเลตและธาตุเหล็ก เพื่อป้องกันภาวะโลหิตจางและส่งเสริมพัฒนาการของทารก
เด็กเล็กและวัยรุ่น ในวัยที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโต การได้รับสารอาหารไม่เพียงพออาจส่งผลต่อการพัฒนาสมองและร่างกาย

โลหิตจางเป็นภาวะสุขภาพที่ควรได้รับการดูแลอย่างจริงจัง แม้จะเริ่มต้นด้วยอาการเล็กน้อย แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ใส่ใจ อาจนำไปสู่ผลกระทบใหญ่หลวงต่อสุขภาพของคุณ

ดังนั้น การเริ่มต้นดูแลสุขภาพของตัวเองวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง การกระทำเหล่านี้แม้เพียงทีละนิด แต่หากเราทำเป็นประจำก็สามารถช่วยให้ห่างไกลจากภาวะโลหิตจางได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่