**27 กุมภาพันธ์ 2568 ติดต่อผู้เสียหายได้แล้วค่ะ ยังคงดำเนินเรื่องอยู่จะทำการลงรายละเอียดเรื่อยๆ เพื่อเป็นเคสให้ผู้อื่นได้อ่านต่อไปค่ะ**
ขอแจ้งก่อนนะคะ
ส่วนตัวจขกทป่วยดรอปเรียนมา 7 ปีแล้วค่ะ
จะออกจากบ้านในวันที่ไปโรงบาล 2 เดือนครั้ง หรือวันที่มีนิทรรศการศิลปะที่อยากดูเท่านั้น อ่านแล้วอาจจะงงๆหน่อยว่าทำไมถึงตามเรื่องช้าดูไม่กระตือรือร้นเลย อย่าพึ่งว่ากันนะคะ
รายละเอียดเรื่องขออนุญาตเรียงตามวันที่
3 กันยายน 2567
วันที่คาดว่าทำบัตรประชาชนหาย ที่ River City Bangkok สี่พระยา กรุงเทพ
13 กันยายน 2567
มีแจ้งเตือนจากแอพธนาคารไทยพาณิชย์ให้สแกนหน้า แต่ทางเรายังไม่ได้สแกนเพราะคิดว่าแปลกๆ
19 กันยายน 2567
บัญชีธนาคารกรุงไทยที่ใช้ประจำก็โดนอายัด จนมารู้ตัวว่าบัตรประชาชนหาย ตอนจะไปธนาคาร
ธนาคารแจ้งว่าถูกอายัดบัญชีโดยตำรวจ ให้ไปติดต่อธนาคารUOB ธนาคารต้นเรื่อง
ทางเราไม่มีธนาคารUOBมาก่อน เมื่อสอบถามเขาบอกไม่สามารถตรวจสอบละเอียดได้ เพราะบัญชีถูกเปิดออนไลน์ ได้ข้อมูลมาเป็นเบอร์โทรศัพท์อื่นที่ไม่ใช่เบอร์ที่เราใช้ของเครือข่ายดีแทค ทางพนักงานที่สาขาใจดีมากค่ะ พยายามช่วยเราเต็มที่จนได้สเตทเม้นมา แต่ยังไม่สามารถทำอะไรได้ต้องยื่นเรื่องไปยังสำนักงานใหญ่
20 กันยายน 2567
- ทำการปิดเบอร์มือถือที่โดนนำไปเปิดซิม
- ไปสถานีตำรวจเพื่อไปลงบันทึกประจำวัน และพยายามขอใบแจ้งความเพื่อไปตรวจสอบเครือข่ายมือถือที่ถูกนำไปเปิดซิม เพราะเราไม่ได้เป็นคนสแกนหน้า ถ้าสามารถขอดูหลักฐานสแกนหน้าได้ น่าจะเป็นหลักฐานชั้นดีว่าเราไม่ได้เป็นคนทำ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ
- เราพยายามติดต่อจนได้เบอร์เจ้าหน้าที่เจ้าของคดีมาโดยคดีอยู่ที่ สภ.ภูเก็ต (จขกทอยู่กรุงเทพค่ะ)
เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเราโกงเงินไปจำนวน 202,677 บาท
เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 (วันที่มีแจ้งเตือนแอพไทยพาณิชย์) เจ้าหน้าที่ให้เราโทรติดต่อกับผู้เสียหายโดยตรงเลยค่ะ เราได้ทำการพูดคุยว่าเราไม่ได้เป็นคนเอาเงินไป อย่างที่บอกค่ะเราไม่มีรายได้เลยด้วยซ้ำ เขาจะเอาเงินก้อน เราเลยบอกเขาไปตามจริงว่าเราไม่มีและเราป่วย เราเลยจะขอรอหมายศาล
25 กันยายน 2567
เราได้แอดไลน์คุยกับผู้เสียหาย โดยถามข้อมูลต่างๆ
เขาบอกว่า เขาทำการกู้เงินออนไลน์ ผ่านธนาคารกรุงศรี พร้อมแนบหลักฐานแชทการคุยที่เป็นแชทไลน์รูปธนาคารกรุงศรีมา ในสลิปที่โอนเป็นชื่อบัญชีเรามีระบุในโน้ตว่า "คืนยอดกลับสู่นะบบAi"
เขาได้ทำการโอนยอดไปแล้ว 3 ครั้งชื่อ 3 คนชื่อเราเป็นคนที่ 3 บอกเยอะสุดค่ะ เห็นว่ารวมๆเกือบ 500,000 บาท
26 กันยายน 2567
ไปสถานีตำรวจอีกครั้งเพื่อขอแจ้งความเรื่องขอดูข้อมูลการเปิดซิมมือถือ จนได้ใบแจ้งความมา
ตอนแรกเราตั้งใจจะไปยื่นที่ศูนย์ดีแทค สามย่านเองค่ะ แต่พอได้ถึงพึ่งจะรู้ว่าดีแทคได้ยุบร่วมกับทรูแล้ว เราเลยได้แต่ยื่นเรื่องไปที่สาขาสยามพารากอนแทน
11 ตุลาคม 2567
เราได้ทำการปรึกษาทนายอาสาเขาแนะนำให้ไกล่เกลี่ยอย่างเดียวเลยค่ะ โดยการให้แบ่งจ่าย หรือชดใช้เงิน ทางเราเลยทำการแชทไลน์ไปหาผู้เสียหายเพื่อที่จะเป็นหลักฐานไปในตัว
โดยแจ้งไปตามตรงว่าทางเราไม่มีเงิน และทางเราก็ผิดที่ทำบัตรหายและแจ้งว่าไม่ได้เอาเงินไปจริงและแจ้งว่ากำลังรอการตรวจสอบขอหลักฐานที่จะทำให้เห็นว่าเราบริสุทธิ์ ทางนั้นบอกว่า เขาไม่ได้อยากขึ้นศาลอะไรจ่ายไปให้เขาก็จบ เราได้เลยลองเจรจาขอผ่อนจ่าย และทำเรื่องสัญญากันที่โรงพัก โดยเราจะยอมไปภูเก็ตเพื่อทำสัญญาเอง แต่เขายืนยันจะเอาเงินก้อนเท่านั้น เราเลยยืนยันจะรอหมายศาลค่ะ เพราะไม่มีจ่าย ทางเพื่อนๆและทางครอบครัวก็บอกว่า"ไม่ผิดไม่ต้องจ่าย"
4 พฤศจิกายน 2567
ทางผู้เสียหายทักมาว่าจะเอายังไง เราเลยแจ้งว่าขอรอหมายศาล เขาเลยบอกว่า อีก 2 คนติดต่อเขามาแล้วนะ อีก 2 คนเขาจะผ่อนจ่าย แต่ทางเรายืนยันจะรอหมายศาล ทางผู้เสียหายเลยบอกว่า
" ถ้าขึ้นศาลพี่ขอรับยอดเต็มตามจำนวนคะ พร้อมดอกเบี้ยตามศาลสั่งนะค่ะ เด่วพี่จะได้แจ้งทาง 2 คนที่เหลือไปค่ะ" แต่เราไม่ได้ตอบกลับอะไร
15 พฤศจิกายน 2567
-มีหมายเรียกมาที่บ้าน ไม่มีการเซ็นรับ กระดาษเปียกฝนอักษรค่อนข้างจางๆ ในหมายระบุว่า
หมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 2 (แต่ครั้งแรกยังไม่ได้รับสักใบ) ระบุว่า กระทำผิดฐาน "เปิดเผยหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก , เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฉ้อโกงประชาชน และความผิดตามพรบ.คอม ให้เราไปที่สภ.ภูเก็ตในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567
-ทางเราได้ติดต่อสอบถามตำรวจเจ้าของคดี
ตำรวจแจ้งว่า "ไม่ต้องไปเพราะถ้าไปเท่ากับยอมรับ" ตอนนั้นเราก็เชื่อเขาค่ะเลยๆมาได้ไป บวกกับตอนนั้นได้พยายามไปปรึกษาทนายอาสาเขาบอกว่าน่าจะเป็นศาลปลอม
16 พฤศจิกายน 2567
มีพี่ผู้หญิงที่โดนคดีเดียวกับเราติดต่อมาทางไลน์
จนได้คุยกัน เขาแจ้งว่าเขาจะทำการชำระผ่อนจ่าย เขาไม่อยากไปขึ้นศาล และเขาก็ไม่ได้ไปตามนัดที่ภูเก็ตเหมือนกันเพราะทางตำรวจเจ้าของคดีก็แจ้งว่าไม่ต้องไป (พี่เขาอยู่กรุงเทพ) ของพี่เขาโดนหลอกให้สมัครงานและโดนนำบัตรไปใช้
หลังจากวันนั้นมาเราให้คุณแม่เป็นคนคุยแทนค่ะ เพราะเราต้องทานยาและมีอาการที่แย่ลงกว่าเดิม
คุณแม่พยายามโทรถามทั้งทางตำรวจเจ้าของคดีและผู้เสียหายตลอดไม่ขาดการติดต่อ แต่ทางผู้เสียหายเริ่มไม่รับสาย และทางตำรวจเจ้าของคดีก็ไม่รับสาย
22 มกราคม 2568
เราได้ทำการทักไปถามพี่ที่โดนคดีว่าได้ผ่อนจ่ายหรือยัง เพราะเราติดต่อตำรวจไม่ได้ติดต่อผู้เสียหายไม่ได้ เขาบอกว่าเขาก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน ยังไม่ได้เลขบัญชีอะไรเลย พยายามติดต่อยังไงก็ไม่ได้
26 กุมภาพันธ์ 2568
ได้รับการติดต่อจากดีแทค
ทางดีแทคแจ้งมาว่า "ไม่พบชื่อเราทำการลงทะเบียนซิมเบอร์ที่เปิดบัญชี" ตอนนี้เราควต้องตามเรื่องกับธนาคารอย่างเดียวว่าไม่ใช่เบอร์เรา ที่ลงทะเบียนแท้ๆ ทำไมถึงยอมให้เปิดบัญชีได้
ตอนนี้กำลังคุยกับพี่ที่โดนด้วยกันเพิ่มเติมอยู่ค่ะ ว่าจะแจ้งความดีไหม เหมือนตอนนี้ผู้เสียหายจะไม่ได้ทำการตอบกลับเลยและคิดว่าอาจจะโดนหลอกอีกทีหนึ่ง เพราะผู้เสียหายมีการโปรโมทแอพที่เป็นแชร์ลูกโซ่ในเฟสส่วนตัวด้วย เลยกำลังคิดกันว่าเขาจะเป็นมิจฉาชีพไหม
27 กุมภาพันธ์ 2568
ตอนนี้ผู้เสียหายติดต่อมาแล้วค่ะ หลังจากตั้งกระทู้มา 1 วัน กำลังดำเนินการพูดคุยไกล่เกลี่ยกันอยู่ค่ะ (รายละเอียดการไกล่เกลี่ยอยู่ที่ คห.ที่ 1)
ได้ทำการยื่นคำขาดเขาต้องส่งร่างสัญญามาให้เราก่อนวันที่ 10 มีนาคม 2568 ไม่งั้นจะถือว่าเป็นมิจฉาชีพและทำการดำเนินคดีต่อไปค่ะ
8 มีนาคม 2568
ทางผู้เสียหายแจ้งมาว่าจะเข้าไปคุยกับสภ.เรื่องสัญญาในวันที่ 10 (ตรงกับวันที่เรายื่นคำขาด) และได้มีการพูดคุยเพิ่มเติมกับคุณแม่เราผ่านโทรศัพท์ โดยบอกว่า ในสัญญาจะเขียน 150,000 บอกถ้าผ่อนจ่ายตรงเวลาจะลดให้ (ไม่ใช่ตามที่ตกลงกับเราไว้ในแชท 130,000) คุณแม่โทรมาบอกเราหลังจากโทรเราเลยไม่ยอม ทักไปบอกให้ทำสัญญาให้ตรงกับที่ขอไว้ทุกเงื่อนไข แต่ยังไม่มีการตอบกลับ
10 มีนาคม 2568
-ครบกำหนดวันที่เรายื่นคำขาดที่ผู้เสียหายต้องส่งร่างสัญญามาให้ แต่ไร้การตอบกลับทั้งการโทรติดต่อและในแชท
12 มีนาคม 2568
-ทางผู้เสียหายทำการติดต่อมาพูดคุย แต่ยังไม่มีการทำสัญญาส่งมา ทางเราเลยเสนอจะเป็นผู้ร่างสัญญาเองแล้วจะส่งให้เขาตรวจสอบรวมถึงช่วยกันร่วมแก้ไขให้ลงตัวก่อนจะไปนัดถอนแจ้งความทางคดีอาญาแก้สำนวนและเหลือเพียงคดีแพ่งค่ะ (เงื่อนไขสัญญาอยู่ในคห.ที่1)
13 มีนาคม 2568
-เราได้ส่งร่างสัญญาครั้งที่ 1 ไปให้เขาตรวจสอบ และให้เวลาเขาคุยปรึกษาก่อนจะนัดแก้ร่างสัญญาครั้งที่ 2 ในวันที่ 16 มีนาคม 2568
เรื่องเป็นยังไงจะมาแก้ไขอัพเดทเรื่อยๆค่ะ
บัตรประชาชนหาย ถูกนำไปเปิดบัญชีม้าและซิมใหม่
ขอแจ้งก่อนนะคะ
ส่วนตัวจขกทป่วยดรอปเรียนมา 7 ปีแล้วค่ะ
จะออกจากบ้านในวันที่ไปโรงบาล 2 เดือนครั้ง หรือวันที่มีนิทรรศการศิลปะที่อยากดูเท่านั้น อ่านแล้วอาจจะงงๆหน่อยว่าทำไมถึงตามเรื่องช้าดูไม่กระตือรือร้นเลย อย่าพึ่งว่ากันนะคะ
รายละเอียดเรื่องขออนุญาตเรียงตามวันที่
3 กันยายน 2567
วันที่คาดว่าทำบัตรประชาชนหาย ที่ River City Bangkok สี่พระยา กรุงเทพ
13 กันยายน 2567
มีแจ้งเตือนจากแอพธนาคารไทยพาณิชย์ให้สแกนหน้า แต่ทางเรายังไม่ได้สแกนเพราะคิดว่าแปลกๆ
19 กันยายน 2567
บัญชีธนาคารกรุงไทยที่ใช้ประจำก็โดนอายัด จนมารู้ตัวว่าบัตรประชาชนหาย ตอนจะไปธนาคาร
ธนาคารแจ้งว่าถูกอายัดบัญชีโดยตำรวจ ให้ไปติดต่อธนาคารUOB ธนาคารต้นเรื่อง
ทางเราไม่มีธนาคารUOBมาก่อน เมื่อสอบถามเขาบอกไม่สามารถตรวจสอบละเอียดได้ เพราะบัญชีถูกเปิดออนไลน์ ได้ข้อมูลมาเป็นเบอร์โทรศัพท์อื่นที่ไม่ใช่เบอร์ที่เราใช้ของเครือข่ายดีแทค ทางพนักงานที่สาขาใจดีมากค่ะ พยายามช่วยเราเต็มที่จนได้สเตทเม้นมา แต่ยังไม่สามารถทำอะไรได้ต้องยื่นเรื่องไปยังสำนักงานใหญ่
20 กันยายน 2567
- ทำการปิดเบอร์มือถือที่โดนนำไปเปิดซิม
- ไปสถานีตำรวจเพื่อไปลงบันทึกประจำวัน และพยายามขอใบแจ้งความเพื่อไปตรวจสอบเครือข่ายมือถือที่ถูกนำไปเปิดซิม เพราะเราไม่ได้เป็นคนสแกนหน้า ถ้าสามารถขอดูหลักฐานสแกนหน้าได้ น่าจะเป็นหลักฐานชั้นดีว่าเราไม่ได้เป็นคนทำ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ
- เราพยายามติดต่อจนได้เบอร์เจ้าหน้าที่เจ้าของคดีมาโดยคดีอยู่ที่ สภ.ภูเก็ต (จขกทอยู่กรุงเทพค่ะ)
เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเราโกงเงินไปจำนวน 202,677 บาท
เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 (วันที่มีแจ้งเตือนแอพไทยพาณิชย์) เจ้าหน้าที่ให้เราโทรติดต่อกับผู้เสียหายโดยตรงเลยค่ะ เราได้ทำการพูดคุยว่าเราไม่ได้เป็นคนเอาเงินไป อย่างที่บอกค่ะเราไม่มีรายได้เลยด้วยซ้ำ เขาจะเอาเงินก้อน เราเลยบอกเขาไปตามจริงว่าเราไม่มีและเราป่วย เราเลยจะขอรอหมายศาล
25 กันยายน 2567
เราได้แอดไลน์คุยกับผู้เสียหาย โดยถามข้อมูลต่างๆ
เขาบอกว่า เขาทำการกู้เงินออนไลน์ ผ่านธนาคารกรุงศรี พร้อมแนบหลักฐานแชทการคุยที่เป็นแชทไลน์รูปธนาคารกรุงศรีมา ในสลิปที่โอนเป็นชื่อบัญชีเรามีระบุในโน้ตว่า "คืนยอดกลับสู่นะบบAi"
เขาได้ทำการโอนยอดไปแล้ว 3 ครั้งชื่อ 3 คนชื่อเราเป็นคนที่ 3 บอกเยอะสุดค่ะ เห็นว่ารวมๆเกือบ 500,000 บาท
26 กันยายน 2567
ไปสถานีตำรวจอีกครั้งเพื่อขอแจ้งความเรื่องขอดูข้อมูลการเปิดซิมมือถือ จนได้ใบแจ้งความมา
ตอนแรกเราตั้งใจจะไปยื่นที่ศูนย์ดีแทค สามย่านเองค่ะ แต่พอได้ถึงพึ่งจะรู้ว่าดีแทคได้ยุบร่วมกับทรูแล้ว เราเลยได้แต่ยื่นเรื่องไปที่สาขาสยามพารากอนแทน
11 ตุลาคม 2567
เราได้ทำการปรึกษาทนายอาสาเขาแนะนำให้ไกล่เกลี่ยอย่างเดียวเลยค่ะ โดยการให้แบ่งจ่าย หรือชดใช้เงิน ทางเราเลยทำการแชทไลน์ไปหาผู้เสียหายเพื่อที่จะเป็นหลักฐานไปในตัว
โดยแจ้งไปตามตรงว่าทางเราไม่มีเงิน และทางเราก็ผิดที่ทำบัตรหายและแจ้งว่าไม่ได้เอาเงินไปจริงและแจ้งว่ากำลังรอการตรวจสอบขอหลักฐานที่จะทำให้เห็นว่าเราบริสุทธิ์ ทางนั้นบอกว่า เขาไม่ได้อยากขึ้นศาลอะไรจ่ายไปให้เขาก็จบ เราได้เลยลองเจรจาขอผ่อนจ่าย และทำเรื่องสัญญากันที่โรงพัก โดยเราจะยอมไปภูเก็ตเพื่อทำสัญญาเอง แต่เขายืนยันจะเอาเงินก้อนเท่านั้น เราเลยยืนยันจะรอหมายศาลค่ะ เพราะไม่มีจ่าย ทางเพื่อนๆและทางครอบครัวก็บอกว่า"ไม่ผิดไม่ต้องจ่าย"
4 พฤศจิกายน 2567
ทางผู้เสียหายทักมาว่าจะเอายังไง เราเลยแจ้งว่าขอรอหมายศาล เขาเลยบอกว่า อีก 2 คนติดต่อเขามาแล้วนะ อีก 2 คนเขาจะผ่อนจ่าย แต่ทางเรายืนยันจะรอหมายศาล ทางผู้เสียหายเลยบอกว่า
" ถ้าขึ้นศาลพี่ขอรับยอดเต็มตามจำนวนคะ พร้อมดอกเบี้ยตามศาลสั่งนะค่ะ เด่วพี่จะได้แจ้งทาง 2 คนที่เหลือไปค่ะ" แต่เราไม่ได้ตอบกลับอะไร
15 พฤศจิกายน 2567
-มีหมายเรียกมาที่บ้าน ไม่มีการเซ็นรับ กระดาษเปียกฝนอักษรค่อนข้างจางๆ ในหมายระบุว่า
หมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 2 (แต่ครั้งแรกยังไม่ได้รับสักใบ) ระบุว่า กระทำผิดฐาน "เปิดเผยหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก , เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฉ้อโกงประชาชน และความผิดตามพรบ.คอม ให้เราไปที่สภ.ภูเก็ตในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567
-ทางเราได้ติดต่อสอบถามตำรวจเจ้าของคดี
ตำรวจแจ้งว่า "ไม่ต้องไปเพราะถ้าไปเท่ากับยอมรับ" ตอนนั้นเราก็เชื่อเขาค่ะเลยๆมาได้ไป บวกกับตอนนั้นได้พยายามไปปรึกษาทนายอาสาเขาบอกว่าน่าจะเป็นศาลปลอม
16 พฤศจิกายน 2567
มีพี่ผู้หญิงที่โดนคดีเดียวกับเราติดต่อมาทางไลน์
จนได้คุยกัน เขาแจ้งว่าเขาจะทำการชำระผ่อนจ่าย เขาไม่อยากไปขึ้นศาล และเขาก็ไม่ได้ไปตามนัดที่ภูเก็ตเหมือนกันเพราะทางตำรวจเจ้าของคดีก็แจ้งว่าไม่ต้องไป (พี่เขาอยู่กรุงเทพ) ของพี่เขาโดนหลอกให้สมัครงานและโดนนำบัตรไปใช้
หลังจากวันนั้นมาเราให้คุณแม่เป็นคนคุยแทนค่ะ เพราะเราต้องทานยาและมีอาการที่แย่ลงกว่าเดิม
คุณแม่พยายามโทรถามทั้งทางตำรวจเจ้าของคดีและผู้เสียหายตลอดไม่ขาดการติดต่อ แต่ทางผู้เสียหายเริ่มไม่รับสาย และทางตำรวจเจ้าของคดีก็ไม่รับสาย
22 มกราคม 2568
เราได้ทำการทักไปถามพี่ที่โดนคดีว่าได้ผ่อนจ่ายหรือยัง เพราะเราติดต่อตำรวจไม่ได้ติดต่อผู้เสียหายไม่ได้ เขาบอกว่าเขาก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน ยังไม่ได้เลขบัญชีอะไรเลย พยายามติดต่อยังไงก็ไม่ได้
26 กุมภาพันธ์ 2568
ได้รับการติดต่อจากดีแทค
ทางดีแทคแจ้งมาว่า "ไม่พบชื่อเราทำการลงทะเบียนซิมเบอร์ที่เปิดบัญชี" ตอนนี้เราควต้องตามเรื่องกับธนาคารอย่างเดียวว่าไม่ใช่เบอร์เรา ที่ลงทะเบียนแท้ๆ ทำไมถึงยอมให้เปิดบัญชีได้
ตอนนี้กำลังคุยกับพี่ที่โดนด้วยกันเพิ่มเติมอยู่ค่ะ ว่าจะแจ้งความดีไหม เหมือนตอนนี้ผู้เสียหายจะไม่ได้ทำการตอบกลับเลยและคิดว่าอาจจะโดนหลอกอีกทีหนึ่ง เพราะผู้เสียหายมีการโปรโมทแอพที่เป็นแชร์ลูกโซ่ในเฟสส่วนตัวด้วย เลยกำลังคิดกันว่าเขาจะเป็นมิจฉาชีพไหม
27 กุมภาพันธ์ 2568
ตอนนี้ผู้เสียหายติดต่อมาแล้วค่ะ หลังจากตั้งกระทู้มา 1 วัน กำลังดำเนินการพูดคุยไกล่เกลี่ยกันอยู่ค่ะ (รายละเอียดการไกล่เกลี่ยอยู่ที่ คห.ที่ 1)
ได้ทำการยื่นคำขาดเขาต้องส่งร่างสัญญามาให้เราก่อนวันที่ 10 มีนาคม 2568 ไม่งั้นจะถือว่าเป็นมิจฉาชีพและทำการดำเนินคดีต่อไปค่ะ
8 มีนาคม 2568
ทางผู้เสียหายแจ้งมาว่าจะเข้าไปคุยกับสภ.เรื่องสัญญาในวันที่ 10 (ตรงกับวันที่เรายื่นคำขาด) และได้มีการพูดคุยเพิ่มเติมกับคุณแม่เราผ่านโทรศัพท์ โดยบอกว่า ในสัญญาจะเขียน 150,000 บอกถ้าผ่อนจ่ายตรงเวลาจะลดให้ (ไม่ใช่ตามที่ตกลงกับเราไว้ในแชท 130,000) คุณแม่โทรมาบอกเราหลังจากโทรเราเลยไม่ยอม ทักไปบอกให้ทำสัญญาให้ตรงกับที่ขอไว้ทุกเงื่อนไข แต่ยังไม่มีการตอบกลับ
10 มีนาคม 2568
-ครบกำหนดวันที่เรายื่นคำขาดที่ผู้เสียหายต้องส่งร่างสัญญามาให้ แต่ไร้การตอบกลับทั้งการโทรติดต่อและในแชท
12 มีนาคม 2568
-ทางผู้เสียหายทำการติดต่อมาพูดคุย แต่ยังไม่มีการทำสัญญาส่งมา ทางเราเลยเสนอจะเป็นผู้ร่างสัญญาเองแล้วจะส่งให้เขาตรวจสอบรวมถึงช่วยกันร่วมแก้ไขให้ลงตัวก่อนจะไปนัดถอนแจ้งความทางคดีอาญาแก้สำนวนและเหลือเพียงคดีแพ่งค่ะ (เงื่อนไขสัญญาอยู่ในคห.ที่1)
13 มีนาคม 2568
-เราได้ส่งร่างสัญญาครั้งที่ 1 ไปให้เขาตรวจสอบ และให้เวลาเขาคุยปรึกษาก่อนจะนัดแก้ร่างสัญญาครั้งที่ 2 ในวันที่ 16 มีนาคม 2568
เรื่องเป็นยังไงจะมาแก้ไขอัพเดทเรื่อยๆค่ะ