มีใครเคยป่วย ไม่สบายหนักๆ แต่แม่ไม่พาไปหาหมอบ้างมั้ยคะ??

นามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ หนูแค่สงสัยค่ะว่าทำไมแม่หนูถึงไม่ยอมพาหนูไปหาหมอเวลาป่วยหนักๆ ไม่แน่ใจว่าบ้านอื่นเป็นมั้ยนะคะ แต่บ้านหนู แม่มักจะไม่ค่อยสนใจเงลาหนูป่วย ไม่สบาย (อาจจะเป็นเพราะแม่เป็นพยาบาลด้วยมั้ง) แต่ถึงอย่างงั้นหนูก็ไม่ค่อยชอบนิสัยนี้ของแม่อยู่ดี ถ้าแค่อาการปวดหัว มึนหัว ปวดท้อง แค่นี้หนูยังรักษาตัวเองได้ค่ะ รู้ว่าต้องกินยาอะไร เพราะที่บ้านแม่มักจะซื้อยามาเก็บไว้ที่บ้านเยอะมาก แต่ถ้าเป็นพวก ปวดเข่า อาเจียนร่วมกับคลื่นไส้ อะไรอย่างงี้ หนูก็จะพยายามรักษาด้วยตัวเองก่อน แต่ถ้ามันไม่หายจริงๆก็จะบอกแม่ค่ะ แต่แม่หนูมักจะไม่ค่อยสนใจเหมือนเดิม แค่ถามประมาณว่า "เป็นไรอีกอ่ะ" "เออ เดี๋ยวก็หาย" ซึ่งคำว่า "เดี๋ยวก็หายๆๆ" เนี่ย จะหายกี่โมง?? ถ้ามันเป็นอย่างงั้นได้จริงก็คงไม่ต้องมีพยาบาล มีหมอแล้วแหละเนาะ ;-; คือก็ต้องรอให้หายใจโรยริน ให้เห็นว่าอาการมันหนักจริงๆ ถึงจะพาไป ซึ่งเหตุการณ์ที่หนูเจอมาหนักๆเลยจะมีอยู่ 2 เรื่องหลักๆเลยค่ะ

1. ปัญหาสายตา 
ด้วยความที่ตอนเด็กๆดวลาเลิกเรียนหนูมักจะทำการบ้านให้เสร็จก่อน ถึงจะออกไปเล่นได้ (อันนี้หนูเองก็จำไม่ได้แล้วนะคะว่าหนูสายตาสั้นเพราะอะไร แต่คุ้นๆ) หนูมักจะทำการบ้านเสร็จประมาณ 4-5 โมง ตอนนั้นก็เริ่มมืดๆแล้ว แต่หนูคิดว่ามันไม่มืดขนาดนั้น ด้วยความที่มันยังพอมีแดดส่องอยู่ พอทำเสร็จก็จะออกไปเล่น หนูก็ทำแบบนี้ทุกวันมั้งคะ (จำไม่ได้ อาจจะไม่เกี่ยวกับต้นตอของการเกิดสายตาสั้น แต่หนูเดาเอาค่ะ😅) จนมีอยู่วันนึงหนูรู้สึกว่าเวลามองไกลๆแล้วมันเบลอ เริ่มมองกระดานไม่ชัด เลยหันไปถามเพื่อน หนูก็เลยรู้ว่าหนูสายตาสั้นตอนประมาณ ป.4 หนูตกใจมาก เพราะเพื่อนบอกว่า มันรักษาไม่หายหรอก ตอนนั้นหนูกลับบ้านไปแล้วไปเล่าให้แม่ฟัง แม่หนูก็เหมือนจะไม่สนใจ ทำเป็นหูทวนลม พ่อหนูก็เหมือนกันค่ะ หนูก็บอกซ้ำๆๆ จนแม่หนูเริ่มรำคาญ ก็เลยดุหนูไป หนูก็เลยบอกบ้าง ไม่บอกบ้าง จนถึง ป.6 ก็ยังไม่พาหนูไปตัดแว่น ช่วงรัหว่างนั้นหนูมักจะไปเรียนพิเศษด้วย แล้วแม่หนูก็ไม่เคยให้หนูเรียนออนไลน์เลย แต่จริงๆหนูอยากเรียนออนไลน์มากกว่าเพราะหนูมองไม่เห็น บางครั้งก็ไม่ได้นั่งข้างหน้า ช่วงตอนนั้นหนูทรมานมากๆ หนูหรี่ตาจนปวดไปหมด จนหนูตัดสินใจไปเล่าให้พี่ฟัง พี่เลยบอกพ่อแม่ พ่อแม่เลยสังเกตหนู กว่าจะพาไปหาหมอก็จบ ป.6 กำลังจะสอบเข้า ม.1 เลยค่ะ แล้วก็กว่าจะได้ตัดแว่น ตอนนั้นหนูดีใจมากๆที่มองเห็นอะไรชัดขึ้นแล้ว แต่ช่วงสอบเข้า ม.1 หนูรู้สึกไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่ เพราะเรียนพิเศษไปก็เรียนไม่รู้เรื่อง(มองไม่เห็นกระดาน) ก็แอบคิดมากว่าจะสอบติดมั้ย แต่ก็ติด หนูก็ใส่แว่นมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ จนประมาณ ม.2 หนูก็เริ่มมองไม่เห็นอีกแล้วค่ะเลยบอกแค่พ่อว่ามองไม่เห็นแล้วนะ พาไปตัดแว่นใหม่หน่อยได้มั้ย พ่อเลยไปคุยกับแม่ แต่ครั้งนี้หนูแปลกใจมากเพราะแม่หนูบอกว่า "ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไป" และเมื่อวานมานี้หนูก็คุยกับแม่เรื่องการทำเลสิกส์ หนูถามแม่ว่า "แม่ ตอนอายุ 18 ปี แม่พาไปทำเลสิกส์ได้มั้ย" แม่หนูก็เลยบอกว่า "ไม่เอาๆ มันรักษาไม่หายหรอก ถ้ามันหายจริงๆ แม่ก็ไปทำตั้งนานละ" แต่ด้วยความที่หนูไปศึกษาการทำเลสิกส์มา หนูก็เคยเห็นมีบางเคสที่ทำแล้วหาย บางเคสก็ทำแล้วกลับมาเป็นอีก แต่ด้วยความที่ตอนนี้เทคโนโลยีเริ่มพัฒนาขึ้นเยอะ ทำให้หนูอยากลองทำดู เพราะหนูแค่อยากเห็นอะไรให้มันชัดขึ้น ไม่ต้องมาลำบากขนาดนี้ (หนูเองก็ไม่แน่ใจนะว่าแม่หนูพูดอ้อมๆเหมือนประม่ณว่า "แพงจะตาย ไม่เอาอ่ะ" อะไรอย่างงี้รึเปล่า แต่บ้านหนูก็ไม่ได้จนนะ แต่ก็ไม่ได้รวยขนาดนั้น) จริงๆก็แอบเสียใจนะเพราะแม่พูดอย่างงี้เหมือนเป็นการตัดความหวังหนู เพราะหนูค่อนข้างเครียดกับเรื่องนี้มาก มันส่งผลกระทบกับการเรียนของหนู ตอนนี้ค่าสายตาก็น่าจะ 400++ แล้วก็เอียงด้วย ที่ไปวัดมาล่าสุด และถ้าถามว่า "ทำไมไม่ไปวัดสายตาเองล่ะ ไม่ต้องรอให้พ่อแม่พาไปก็ได้" หนูไม่มีเวลาไปไหนหรอกค่ะ หนูเรียนพิเศษทุกวัน จันทร์ถึงอาทิตย์ ไหนจะเรื่องการบ้านอีก ที่โรงเรียนหนูการบ้านเยอะมากๆ จริงๆก็ยอมรับว่าร้องไห้กับเรื่องนี้ค่อนข้างบ่อยเลยแหละ เคยอยากเปิดใจคุยกับแม่นะ แต่หนูกลัว เพราะแม่หนูเป็นคนที่อารมณ์ร้อนมากๆ อะไรนิดอะไรหน่อยก็เหวี่ยงแล้ว ทุกวันนี้มีอะไรส่วนใหญ่ก็จะแอบไปร้องไห้ในห้องน้ำ ไม่ค่อยบอกแม่หรอกค่ะ เพราะแม่เค้าจะชอบด่าตลอด ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

2. อีกเรื่องนึงก็คือ"อาหารเป็นพิษ" ตอนนั้นจำได้ว่าหนูไปเที่ยวที่ที่หนึ่ง แล้วหนูก็รู้สึกปวดหัว แค่ยืนก็จะล้ม เลยรีบกิายาพาราแบ้วก็เข้านอน พอวันต่อมาอาการปวดหังหายไป แต่อาการปวดท้องมันหนักมากๆ แม่หนูก็สั่งให้ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว เดี๋ยวจะไปถ่ายรูป หนูก็บอกแม่ไปแล้วว่าปวดท้องมากเลย แม่ก็บอกว่ายาหมดแล้ว ไม่มีแล้ว (พ่อหนูก็ปวดท้องเหมือนกันค่ะ เมื่อวาน เลยกินยาธาตุน้ำขาวไปหมดขวดเลย) ตอนนั้นก็งงว่าทำไมไม่แวะซื้อให้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรค่ะ หนูคิดว่าเดี๋ยวคงหายแหละ ต่อมาหนูก็ไปกินอาหารเช้า หนูรู้สึกว่ามันไม่หิว เหมือนจะอ้วกตลอดเวลา แล้วก็อยากนอนเงียบๆ แล้วหนูก็ทำหน้าปวดท้อง แบบเจ็บท้องอะไรอย่างงี้ (ประมาณหน้าบึ้ง) แม่หนูก็ด่าว่า "เป็นอะไรอีกอ่ะ ทำหน้าให้มันดีๆสิ" พ่อหนูก็เดินมา "มันเป็นอะไรอีกอ่ะนั่น ดูทำหน้าเข้า" พ่อพูดแบบนี้แม่หนูก็ยิ่งได้ใจ "เออ ไม่รู้เป็นอะไรของมัน น่ารำคาญจริง" จริงๆหนูบ่นกับแม่ไปหลายรอบมากกกกก ว่าปวดท้องๆๆ แม่เค้าก็น่าจะรู้ แต่ก็ไม่เข้ามจว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นออกมา แล้วยังใช้ให้หนูไปถ่ายรูปให้อีก ทั้งๆที่ปวดท้องจนเดินไม่ไหวอยู่แล้ว จากนั้นทุกคนก็เดินไปขึ้นรถ จังหวะที่หนูกำลังเดินไปขึ้นรถ หนูรู้สึกว่า จะอ้วก มีน้ำลายพุ่งออกมาจากข้างแก้มทั้งสองข้างเยอะมาก (ไม่รู้คนอื่นเป็นมั้ยนะ แต่เวลาหนูจะอ้วกจะเป็นแบบนี้ตลอด แล้วถ้าหนูกลืนน้ำลายเข้าไปจะอ้วกเลย) หนูรู้สึกว่าหนูไม่ไหวแล้ว หนูเลยอ้วกออกมาเลย ตอนนั้นทุกคนก็ดูตกใจมาก ยกเว้นแม่ แม่เค้าดูเฉยๆ พออ้วกเสร็จขึ้นรถทุกคนก็ถามใหญ่เลยเป็นอะไรมั้ยๆ แม่หนูก็ตอบแทนให้ว่า "อ้อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อ้วกละ หายละ ละก็ขำกัน" ในใจตอนนั้นโกรธแม่มาก แต่ก็ทำได้แค่โกรธในใจ...

อาจจะดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจนะคะ แต่หนูแค่อีดอัดเฉยๆเลยอยากให้ทุกคนช่วยแนะนำหน่อยค่ะว่าถ้ามีแม่เป็นแบบนี้ควรทำยังไงดี...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่