
จุดเริ่มต้นของการผจญภัยของลิงก์
ย้อนกลับไปเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 1986 หรือเมื่อ 39 ปีที่แล้ว วันนี้ถือเป็นวันเปิดตัวภาคแรกของซีรีส์เกมที่กลายมาเป็นหนึ่งในตำนานของวงการเกมระดับโลกอย่าง "The Legend of Zelda" ซึ่งเป็นผลงานของ Nintendo โดยเกมนี้เปิดตัวครั้งแรกบน Famicom Disk System ในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นระบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และนับเป็นก้าวแรกของซีรีส์ที่ครองใจเกมเมอร์ทั่วโลก

การผจญภัยสุดคลาสสิกที่เป็นรากฐานของซีรีส์
The Legend of Zelda ภาคแรกเป็นเกมแนว แอ็กชัน-ผจญภัย (Action-Adventure RPG) ที่ให้ผู้เล่นสวมบทบาทเป็น ลิงก์ (Link) ฮีโร่ผู้กล้าหาญที่ต้องออกตามหา Triforce of Wisdom ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 8 ส่วน และซ่อนอยู่ในสถานที่ต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ Ganon จอมมารผู้ชั่วร้ายเข้าถึงมันได้
ในยุคนั้น แผนที่ของเกมมีขนาด 128 หน้าจอ (8x16) ซึ่งถือว่าใหญ่โตมากเมื่อเทียบกับเกมอื่นๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังมี BGM อันเป็นเอกลักษณ์ ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้เล่นขณะออกสำรวจโลกกว้างของ Hyrule

รูปแบบเกมที่ให้อิสระแก่ผู้เล่น
หนึ่งในจุดเด่นของเกม Zelda ภาคแรก คือความอิสระในการเล่น ผู้เล่นสามารถเลือกเส้นทางการผจญภัยของตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องเล่นตามลำดับที่กำหนดไว้ สิ่งนี้ทำให้เกมมีเสน่ห์ และยังคงเป็นแนวคิดที่ซีรีส์นี้ใช้มาจนถึงปัจจุบัน
ในแผนที่ของเกม จะมี ดันเจี้ยนลับ มากมายที่ผู้เล่นต้องออกค้นหา การใช้ไอเทมต่างๆ อย่าง บอมบ์ (Bomb) เพื่อระเบิดกำแพง หรือ เทียน (Candle) เพื่อเปิดเส้นทางลับ ถือเป็นกลไกที่น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความท้าทาย

ความประทับใจและความท้าทายของเกม
Zelda ไม่ใช่แค่เกมแอ็กชันทั่วไป แต่เต็มไปด้วยปริศนาและกลไกที่ต้องใช้ไหวพริบในการแก้ไข ดันเจี้ยนในเกมมักจะมีปริศนาที่ยากท้าทาย ทำให้ผู้เล่นต้องคิดวิเคราะห์เสมอ บางครั้งการค้นพบความลับเล็กๆ เช่น การทำลายกำแพงเพื่อเปิดทางลับ สามารถสร้างความตื่นเต้นและความรู้สึกภาคภูมิใจให้กับผู้เล่นได้
นอกจากนี้ ความน่ากลัวของเกมยังมาจากเสียงประกอบ เสียงคำรามของบอส ที่ดังออกมาก่อนที่เราจะเข้าไปสู้ในห้องสุดท้าย ทำให้หลายๆ คนในยุคนั้นรู้สึกขนลุกและกดดันก่อนการต่อสู้

“裏ゼルダ” หรือโหมดลับสุดโหด
อีกหนึ่งความพิเศษของเกมนี้คือโหมดลับที่เรียกว่า "Ura Zelda" ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่เพิ่มระดับความยากขึ้น เมื่อผู้เล่นสามารถจบเกมได้หนึ่งรอบแล้ว ระบบจะปลดล็อกโหมดนี้ ซึ่งในยุคนั้นข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ บนอินเทอร์เน็ตเหมือนในปัจจุบัน ทำให้เกิดข่าวลือและตำนานเกี่ยวกับโหมดลับที่หลายคนสงสัยว่ามีอยู่จริงหรือไม่

Zelda: จากอดีตสู่อนาคต
หลังจากความสำเร็จของภาคแรก ซีรีส์ The Legend of Zelda ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเปิดตัวเกมภาคต่อมากมาย เช่น
The Adventure of Link (1987)
A Link to the Past (1991)
Ocarina of Time (1998)
The Wind Waker (2002)
Skyward Sword (2011)
Breath of the Wild (2017)
Tears of the Kingdom (2023)
และล่าสุด Zelda: Chie no Karimono (2024) ซึ่งเป็นภาคที่ให้ เจ้าหญิงเซลด้า เป็นตัวเอกเป็นครั้งแรก โดยมีระบบใหม่ที่ให้เธอสามารถยืมพลังของสิ่งรอบตัวมาใช้ผจญภัย

The Legend of Zelda ถือเป็นเกมที่ไม่ใช่แค่ "ตำนาน" แต่เป็น "แรงบันดาลใจ" ให้กับวงการเกมทั่วโลก ด้วยรูปแบบเกมที่ให้ความอิสระ เนื้อเรื่องที่ลึกซึ้ง และกลไกเกมที่ท้าทาย ซีรีส์นี้ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และแน่นอนว่าอนาคตของ Zelda ยังคงมีอะไรให้แฟนๆ ตื่นเต้นอีกมากมายเลยครับ
Cr.
famitsu
ขอฝากเพจเล็ก ๆ ที่ลงเกี่ยวกับ Jrock , Anime ด้วยครับ :
zirodaisuki ,
Blogger
The Legend of Zelda : จุดเริ่มต้นของมหากาพย์เกมผจญภัยที่ครองใจแฟนๆ ทั่วโลก
จุดเริ่มต้นของการผจญภัยของลิงก์
ย้อนกลับไปเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 1986 หรือเมื่อ 39 ปีที่แล้ว วันนี้ถือเป็นวันเปิดตัวภาคแรกของซีรีส์เกมที่กลายมาเป็นหนึ่งในตำนานของวงการเกมระดับโลกอย่าง "The Legend of Zelda" ซึ่งเป็นผลงานของ Nintendo โดยเกมนี้เปิดตัวครั้งแรกบน Famicom Disk System ในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นระบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และนับเป็นก้าวแรกของซีรีส์ที่ครองใจเกมเมอร์ทั่วโลก
การผจญภัยสุดคลาสสิกที่เป็นรากฐานของซีรีส์
The Legend of Zelda ภาคแรกเป็นเกมแนว แอ็กชัน-ผจญภัย (Action-Adventure RPG) ที่ให้ผู้เล่นสวมบทบาทเป็น ลิงก์ (Link) ฮีโร่ผู้กล้าหาญที่ต้องออกตามหา Triforce of Wisdom ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 8 ส่วน และซ่อนอยู่ในสถานที่ต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ Ganon จอมมารผู้ชั่วร้ายเข้าถึงมันได้
ในยุคนั้น แผนที่ของเกมมีขนาด 128 หน้าจอ (8x16) ซึ่งถือว่าใหญ่โตมากเมื่อเทียบกับเกมอื่นๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังมี BGM อันเป็นเอกลักษณ์ ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้เล่นขณะออกสำรวจโลกกว้างของ Hyrule
รูปแบบเกมที่ให้อิสระแก่ผู้เล่น
หนึ่งในจุดเด่นของเกม Zelda ภาคแรก คือความอิสระในการเล่น ผู้เล่นสามารถเลือกเส้นทางการผจญภัยของตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องเล่นตามลำดับที่กำหนดไว้ สิ่งนี้ทำให้เกมมีเสน่ห์ และยังคงเป็นแนวคิดที่ซีรีส์นี้ใช้มาจนถึงปัจจุบัน
ในแผนที่ของเกม จะมี ดันเจี้ยนลับ มากมายที่ผู้เล่นต้องออกค้นหา การใช้ไอเทมต่างๆ อย่าง บอมบ์ (Bomb) เพื่อระเบิดกำแพง หรือ เทียน (Candle) เพื่อเปิดเส้นทางลับ ถือเป็นกลไกที่น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความท้าทาย
ความประทับใจและความท้าทายของเกม
Zelda ไม่ใช่แค่เกมแอ็กชันทั่วไป แต่เต็มไปด้วยปริศนาและกลไกที่ต้องใช้ไหวพริบในการแก้ไข ดันเจี้ยนในเกมมักจะมีปริศนาที่ยากท้าทาย ทำให้ผู้เล่นต้องคิดวิเคราะห์เสมอ บางครั้งการค้นพบความลับเล็กๆ เช่น การทำลายกำแพงเพื่อเปิดทางลับ สามารถสร้างความตื่นเต้นและความรู้สึกภาคภูมิใจให้กับผู้เล่นได้
นอกจากนี้ ความน่ากลัวของเกมยังมาจากเสียงประกอบ เสียงคำรามของบอส ที่ดังออกมาก่อนที่เราจะเข้าไปสู้ในห้องสุดท้าย ทำให้หลายๆ คนในยุคนั้นรู้สึกขนลุกและกดดันก่อนการต่อสู้
“裏ゼルダ” หรือโหมดลับสุดโหด
อีกหนึ่งความพิเศษของเกมนี้คือโหมดลับที่เรียกว่า "Ura Zelda" ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่เพิ่มระดับความยากขึ้น เมื่อผู้เล่นสามารถจบเกมได้หนึ่งรอบแล้ว ระบบจะปลดล็อกโหมดนี้ ซึ่งในยุคนั้นข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ บนอินเทอร์เน็ตเหมือนในปัจจุบัน ทำให้เกิดข่าวลือและตำนานเกี่ยวกับโหมดลับที่หลายคนสงสัยว่ามีอยู่จริงหรือไม่
Zelda: จากอดีตสู่อนาคต
หลังจากความสำเร็จของภาคแรก ซีรีส์ The Legend of Zelda ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเปิดตัวเกมภาคต่อมากมาย เช่น
The Adventure of Link (1987)
A Link to the Past (1991)
Ocarina of Time (1998)
The Wind Waker (2002)
Skyward Sword (2011)
Breath of the Wild (2017)
Tears of the Kingdom (2023)
และล่าสุด Zelda: Chie no Karimono (2024) ซึ่งเป็นภาคที่ให้ เจ้าหญิงเซลด้า เป็นตัวเอกเป็นครั้งแรก โดยมีระบบใหม่ที่ให้เธอสามารถยืมพลังของสิ่งรอบตัวมาใช้ผจญภัย
The Legend of Zelda ถือเป็นเกมที่ไม่ใช่แค่ "ตำนาน" แต่เป็น "แรงบันดาลใจ" ให้กับวงการเกมทั่วโลก ด้วยรูปแบบเกมที่ให้ความอิสระ เนื้อเรื่องที่ลึกซึ้ง และกลไกเกมที่ท้าทาย ซีรีส์นี้ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และแน่นอนว่าอนาคตของ Zelda ยังคงมีอะไรให้แฟนๆ ตื่นเต้นอีกมากมายเลยครับ
Cr. famitsu
ขอฝากเพจเล็ก ๆ ที่ลงเกี่ยวกับ Jrock , Anime ด้วยครับ : zirodaisuki , Blogger