ขอบคุณ​ข่าว3เกาะติด​ เปิดเอกสารลับ! "ดีเอสไอ" พบโพย "ฮั้ว สว." มีจริง ทำเป็นขบวนการ แจ้ง ปธ.กกต.จ่อรับเป็นคดีพิเศษ

3Plus NEWS ข้อมูล​เวปข่าวช่อง​3
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
Video Title เปิดเอกสารลับ! "ดีเอสไอ

" พบโพย "ฮั้ว สว." มีจริง ทำเป็นขบวนการ

แจ้ง ปธ.กกต.จ่อรับเป็นคดีพิเศษ
 
 
เปิดเอกสารลับ! "ดีเอสไอ" พบโพย "ฮั้ว สว." มีจริง ทำเป็นขบวนการ แจ้ง ปธ.กกต.จ่อรับเป็นคดีพิเศษ

โดย paweena_c
21 ก.พ. 2568
 
วันนี้ มีประเด็น ของ สว. 

หลังจากที่มีกลุ่ม สว.สำรอง ไป ร้อง DSI 

ขอให้ตรวจสอบการ ฮั้วกันในการเลือก สว. ที่ผ่านมา

 โดยกล่าวหาว่า 

มีพฤติการณ์ ผิดกฎหมายอาญา ฐานอั้งยี่ และกฎหมายการฟอกงิน

ทำให้ สว. ต้องแถลงข่าวชี้แจงด่วน ปรากฎว่าหลัง สว. แถลง มีเอกสารลับ ของทาง DSI เผยแพร่ ทางมติชน ไล่เรียงที่มาของคดีที่เกิดขึ้น

เป็นเอกสาร 3 หน้าด้วยกัน ที่ DSI ทำถึงประธาน กกต. ลงวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา 

(สอบถามไปทาง กกต. ทาง กกต. ยังไม่ได้รับ เอกสารนี้ ) 

เป็นเอกสาร แจ้งความคืบหน้าผลการสืบสวน และขอความเห็นการดำเนินคดี กรณี มี ผู้ไปร้อง ต่อ DSI 3 คน 

ขอให้ตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งวันนี้ สว. มีการร่อนเอกสารชี้แจง หลังการแถลง แล้วเปิดชื่อ เปิดนามสกุล ผู้ร้อง ทั้ง 3 คน หมดเลย

ในเอกสาร ของ DSI ระบุว่า 

ผู้ร้องคนแรก พลตำรวจตรี... ร้องเมื่อ 18 มิถุนายน 2567

 คนที่2 ร้องเมื่อ ที่ 9 กรกฎาคม 2567

 คนที่3 ร้องเมื่อ 17 กรกฎาคม2567

ต่อมา อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อกันยายน 2567 แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวน และบอกว่า 

ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสืบสวน และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน 

กล่าวคือ การบันทึกถ้อยคำพยานบุคคล

 การตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางดิจิหัล 

การตรวจสถานที่เกิดเหตุ สถานที่จัดฮั้วสมาชิกวุฒิสภา 

การตรวจสอบ โพยสมาชิกวุฒิสภา

ผลการสืบสวนปรากฏข้อเท็จจริง ดังนี้

ปรากฎข้อเท็จจริง เชื่อได้ว่า มีขบวนการในรูปแบบคณะบุคคล มีการจัดตั้งเครือข่ายขบวนการซึ่งปกปิดวิธีการ 

มีวัตถุประสงค์ ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ เพื่อได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา โดยมีการวางแผนสลับชับชับช้อน ทราบกันเฉพาะในกลุ่มขบวนการ

กล่าวคือ ขบวนการได้จัดการให้มีผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาในระดับอำเภอ โดยสมัครกลุ่มละ 5 คน รวม 100 คน

 ในระดับอำเภอ มี 928 อำเภอ (หลักเกณฑ์รอบเช้าเลือกได้ 5 คน) 

จึงทำให้บางจังหวัด มีผู้สมัครจำนวนมาก

 สำหรับค่าตอบแทนนั้น ระดัอำเภอ จำนวน 5000บาท

ระดับจังหวัด จำนวน 10000 บาท

 และระดับประเทศ จำนวน 40,000- 100,000 บาท

 และถ้าได้สมาชิกวุฒิสภามากกว่า 120 คนจะได้พิ่ม จำนวน 100,000 บาท

หลังจากวันที่ 16 มิถุนายน 2567 ภายหลังผ่านการคัดเลือกระดับจังหวัด 

ขบวนการได้นัดหมาย ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา ระดับประเทศ 

ไปจัดทำโพยฮั้วสมาชิกวุฒิสภา ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดนครนายก

ในวันที่ 24 มิถุนายน 2567 เวลา 16.00น. ซึ่งมีการจ่ายเงินสด เป็นมัดจำ จำนวน 20,000 บาท

ส่วนที่เหลือได้รับภายหลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองผลเลือกแล้ว

จากการสืบสวมพบว่า โพยฮั้วสมาชิกวุฒิสถามีหมายเลข จำนวน 12 ชุด กลุ่มละ 7 คน 140 คน

และในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ระดับประเทศ

พบว่าขบวนการจัดตั้งมีจำนวนผู้สมัครวุฒิสภาซึ่งอยู่ในขบวนการ จำนวนประมาณ 1,200คน

ต่อมาเมื่อวันที่26 มิถุนายน 2567 เวลา 05.00 น.

(รอบสุดท้ายระดับประเทศ )

ขบวนการได้แจกเสื้อสีเหลือง สมัครสมาชิกวุฒิสภา ระดับประเทศ และขบวนการได้อำนวยความสะดวกโดยจัดหา ส่งผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา ระดับประเทศ เดินทางไปเมืองทองธานี เพื่อเลือกสมาชิกวุฒิสภา ระดับประเทศ ผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภาในรอบเช้า และรอบไขว้ เป็นไปตามโพยฮั้วสมาชิกวุฒิสภาทุกประการ

สำหรับโพยฮั้วสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 2 ชุด กลุ่มละ 7 คน นั้น พบว่าเป็นผู้ได้รับเลือกเป็น สมาชิกวุฒิสภาจำนวน 138คน และอยู่ในลำดับสำรอง 2 คน

กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายการกระทำตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 77 (1) ความผิด

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 (ความผิดฐานอั้งยี่) และความผิดฐานฟอกเงินตามพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

เนื่องจากการกระทำความผิดของกลุ่มขบวนการในครั้งนี้ มุ่งหวังเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ เป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ กระทำผิดต่อกฎหมายหลายฉบับ โดยทราบว่ามีการวางแผนก่อนเริ่มกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภาต่อเนื่องมาจนถึงภายหลังจากการเลือกสมาชิกวุฒิสภาเสร็จสิ้นแล้ว

มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม มีการแบ่งแยกหน้าที่ มีฝ่ายไอทีเตรียมโปรแกรมคำนวณการลงคะแนน
ออกเป็นโพยฮั้วเพื่อให้ได้ผลลัพธ์จำนวนสมาชิกวุฒิสภาตามที่ต้องการ เตรียมบุคคลที่มาลงคะแนนที่เรียกว่ากลุ่ม "พลีชีพ"

ดังนั้น ในการดำเนินการกับขบวนการดังกล่าว จึงต้องใช้วิธีการสืบสวนสอบสวนเป็นพิเศษ ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขตามกฎหมายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะรับดำเนินการสอบสวนเป็นคดีพิเศษได้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงประสงค์ที่จะรับดำเนินการสอบสวนในส่วนที่พบการกระทำผิดทาง อาญาไว้ดำเนินการ

กกต. จึงควรให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนดำเนินการตามความผิดที่พบดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ทั้งนี้ หาก กกต. พิจารณาแล้วมีความเห็นประการใด กรมสอบสวนคดีพิเศษขอความอนุเคราะห์ให้ กกต. ได้กรุณาแจ้งยืนยันมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ว่ามีความผิดใดบ้างที่ กกต. ประสงค์จะรับไว้ดำเนินการสอบสวนเอง และความผิดทางอาญาใดบ้างที่ กกต. จะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ดำเนินการสอบสวน

ที่มาเวปข่าว​ช่อง3
https://ch3plus.com/news/category/433626
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่