สื่อเวียดนามบอกถึง ปัญหาทีมยู 22 เวียดนามที่ต้องเผชิญในการลุ้นแชมป์ซีเกมส์ที่ประเทศไทย

บน : คิม ซังซิก ล่าง : ทาคายูกิ นิชิกายะ

ขณะที่ ยู22 ไทย มีทีมผู้ฝึกสอนแยกจากทีมชาติชุดใหญ่ชัดเจน แต่ ยู22 เวียดนามกลับประสบปัญหาในการรวมตัวฝึกซ้อมมากกว่า

ขณะที่ทีมชาติเวียดนาม ยู22 กำลังเตรียมทีมชาติเพื่อไปแข่งขันกระชับมิตรที่ประเทศจีนในเดือนมีนาคมนี้ ทีมชาติไทย ยู22 ก็มีแผนงานของตัวเองสำหรับการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 เช่นกัน

ทีมเยาวชนทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 22 ปี จะเดินทางไปแข่งขันฟุตบอลถ้วยรายการโดฮา คัพ 2025 ที่ประเทศกาตาร์ ในเดือนมีนาคมนี้ โดยคู่ต่อสู้ของทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 22 ปี ประกอบไปด้วยทีมแกร่งหลายทีม อาทิ เจ้าภาพ ยู22 กาตาร์, ยู22 ออสเตรเลีย, ยู22 อียิปต์, ยู22 โครเอเชีย และ ยู22 ยูเออี

การแข่งขันในครั้งนี้ จะทำให้ทีมชาติไทย ยู22 ได้รับประสบการณ์อันมีค่าไว้สะสมก่อนการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ซึ่งเป็นรายการที่ทีมชาติไทยตั้งเป้าที่จะคว้าเหรียญทองฟุตบอลชายคืนมาให้ได้ หลังจากที่พลาดเหรียญทองในการแข่งขัน 3 ครั้งล่าสุดติดต่อกัน (เวียดนาม 2019,2022 อินโดนีเซีย 2023)

ยู22 ไทย ก็ต้องการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการแข่งขันรายการนี้ โดยโค้ชทาคายูกิ นิชิกายะ และลูกทีมจะต้องต่อสู้เพื่อเกียรติยศของเจ้าภาพ ไม่มีความหย่อนยานอีกต่อไปเหมือนในซีเกมส์ 30 หรือ 31ที่ผ่านมา "ช้างศึก" มีการฝึกซ้อมและแผนการแข่งขันกระชับมิตรอย่างเป็นระบบนับจากนี้เป็นต้นไป

การแต่งตั้งนายนิชิกายะยังแสดงถึงความทะเยอทะยานของ ยู22 ของไทยอีกด้วย เป็นที่ทราบกันดีว่าในกีฬาซีเกมส์ 3 ครั้งที่ผ่านมา สมาคมกีฬาฟุตบอลไทย ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ยู22 มากนัก ในกีฬาซีเกมส์ 30 ทีมเยาวชนทีมชาติไทย นำโดย โค้ช อากิระ นิชิโนะ ซึ่งเป็นกุนซือทีมชาติไทยในสมัยนั้น ในกีฬาซีเกมส์ 31 นายมาโน โพลกิ้ง ทำหน้าที่คุมทีมชาติไทยและชุดอายุต่ำกว่า 22 ปี ก็ดูเหมือนไม่ได้เน้นรายการนี้ซักเท่าไหร่

สูตรสำเร็จของไทยที่มีโค้ช 1 คนคุม 2 ทีม จบลงตั้งแต่ซีเกมส์ 32 (2023) แล้ว เมื่อโค้ชอิศระ ศรีหโร คุมทีมชาติยู22 (ซึ่งโพลกิ้งยังคงคุมทีมชาติชุดใหญ่อยู่) อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ของโค้ชคนนี้กลับกลายเป็นจุดอ่อน ทำให้ทีมชาติไทยชุดอายุต่ำกว่า 22 ปี ทำได้เพียงแค่เหรียญเงิน หลังจากพบกับ "การดวลกันอย่างน่าอับอาย" กับทีมชาติอินโดนีเซียชุดอายุต่ำกว่า 22 ปี ในรอบชิงชนะเลิศ (มีใบแดงและทะเลาะวิวาท)

ตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดอายุต่ำกว่า 22 ปี ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 33 อย่างเต็มที่ โดยมีนายทาคายูกิ นิชิกายะ ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน คุณนิชิงายะมีประสบการณ์ในวงการฟุตบอลญี่ปุ่นมาเป็นเวลากว่า 20 ปีในหลายตำแหน่ง (ผู้ช่วย, โค้ช) จากนั้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมชาติสิงคโปร์มาเป็นเวลา 2 ปี

ฟุตบอลไทยเดินตามแนวทางญี่ปุ่น มาหลายปีแล้ว เมื่อทีมชาติไทยมีโค้ชชาวญี่ปุ่นเป็นผู้นำ จึงไม่น่าแปลกใจที่ทีมชาติไทย ยู22 ก็ยังได้โค้ชจากแดนอาทิตย์อุทัยเช่นกัน

แล้วความยากและปัญหาของ ยู22 เวียดนามเมื่อเทียบกับไทยคืออะไร??

ในการเตรียมการสำหรับการแข่งขันซีเกมส์ 33 เป็นที่ชัดเจนว่าโค้ชนิชิกายะของทีมชาติไทยชุดยู 22 มีข้อได้เปรียบเหนือโค้ชคิม ซัง-ซิกของทีมชาติเวียดนามชุด ยู22

เพราะนายนิชิงายะมีความกังวลเพียงแต่ทีม ยู22 เท่านั้น โค้ชชาวญี่ปุ่นมีทีมที่แยกจากทีมชาติ เขาเน้นการฝึกสอนและกำกับดูแลการแข่งขันกับนักเตะไทยรุ่นเยาว์เพียงอย่างเดียว

ในขณะเดียวกันโค้ช คิม ซังซิก ตกอยู่ในสถานการณ์ “ทั้งบดข้าวและอุ้มเด็ก” (สำนวนเวียดนาม หมายถึงต้องดูแลเลี้ยงดูทั้งผู้ใหญ่และเด็กไปพร้อมกัน)
โดยต้องคุม 2 ทีมในเวลาเดียวกัน สิ่งนี้อาจทำให้เกิดความไม่สะดวกได้ ตัวอย่างเช่น ในเดือนมีนาคม นายคิมจะรับหน้าที่คุมทีมชาติเวียดนามในเกมกระชับมิตรกับกัมพูชา (วันที่ 19 มีนาคม) และลาว (วันที่ 25 มีนาคม) ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก ประจำปี 2027 ส่วนทีมชาติเวียดนามรุ่นอายุต่ำกว่า 22 ปี ที่จะไปแข่งขันกระชับมิตรที่ประเทศจีนนั้น จะมีผู้จัดการทีมคนอื่นมาคุมทีม

ทีมชาติเวียดนามชุดใหญ่จะมีเวลาเต็มที่กับฟีฟ่าเดย์ในปีนี้ โดยจะฝึกซ้อมในเดือนมีนาคม มิถุนายน กันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ในช่วงเวลาดังกล่าว ทีมชาติเวียดนามชุดอายุต่ำกว่า 22 ปี จะฝึกซ้อมเพื่อลงเล่นในรอบคัดเลือก ยู23 ชิงแชมป์เอเชีย 2026 (กันยายน) ขณะเดียวกันก็ยังเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันซีเกมส์ด้วย ด้วยเหตุนี้ โค้ช คิม ซังซิก จึงต้องเผชิญกับตารางงานที่ยุ่งมาก

ทีมผู้ช่วยของนายคิมสามารถมีสมาชิกได้มากถึง 12-15 คน แต่การฝึกสองทีมในเวลาเดียวกันนั้นอาจจะยังไม่เพียงพอ โค้ช ปาร์ค ฮัง ซอ ประสบความสำเร็จเมื่อเขาคุมทีมทั้งสองทีม แต่จำไว้ว่า นั่นเป็นช่วงที่ทีมเวียดนามและ ยู22 มีผู้เล่นที่เล่นทับซ้อนกันหลายคน

ขณะนี้ทั้งสองทีมแยกจากกัน ต้องใช้วิธีการ การฝึกฝน และกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน

ทั้งไทยและอินโดนีเซียต่างเลือกที่จะแต่งตั้งโค้ชที่แตกต่างกันสำหรับทีมชาติชุดใหญ่และ ยู22 มีเพียงเวียดนามเท่านั้นที่ปฏิบัติตามรูปแบบ "2 in 1" ซึ่งผลงานจะเป็นอย่างไรก็ต้องดูต่อไป


Cr.GaiLai Online
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่