ที่มา -
https://kaowonni.blogspot.com/2025/02/Thaksin-University-Holistic-Medical-Center-in-Phatthalung.html
เมื่อเร็วๆ นี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติสำคัญในการสนับสนุนการจัดตั้ง ศูนย์การแพทย์แบบองค์รวม และ คณะแพทยศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง
มีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพในพื้นที่ภาคใต้ตอนกลาง โดยมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสภาพัฒน์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาโครงการ เพื่อบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจำปีและขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
รองศาสตราจารย์ ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณ เปิดเผยว่า ศูนย์การแพทย์แบบองค์รวมนี้จะเป็นแหล่งเรียนรู้และฝึกปฏิบัติสำหรับนิสิตแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ โดยจะผสมผสานการแพทย์แผนปัจจุบัน การแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก เพื่อให้บริการสุขภาพที่ครอบคลุมทั้งด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษา และการฟื้นฟูสุขภาพ
ทำไมถึงสำคัญ?
โครงการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากจะช่วยให้ประชาชนในพื้นที่เข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประชากรที่เปราะบางและอยู่ในพื้นที่ชนบท นอกจากนี้ยังมุ่งหวังที่จะลดภาระของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ด้วยการกระจายบริการสุขภาพไปยังระดับชุมชน
ความร่วมมือและการพัฒนา
ศูนย์การแพทย์แบบองค์รวมจะเชื่อมโยงกับบริการ Home Health Care และ TSU Wellness Centre เพื่อให้บริการด้านการฟื้นฟูและส่งเสริมสุขภาพอย่างครอบคลุม รองศาสตราจารย์ ดร.ณฐพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มหาวิทยาลัยทักษิณจะผลิตบุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูงเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของระบบสุขภาพของประเทศ
อนาคตที่สดใส
โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่ยังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและธุรกิจบริการทางการแพทย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในพื้นที่อีกด้วย
ด้วยวิสัยทัศน์ “มหาวิทยาลัยเพื่อสังคม” มหาวิทยาลัยทักษิณกำลังเดินหน้าสู่เป้าหมายในการสร้างระบบสุขภาพที่ยั่งยืน เพื่อประชาชนทุกคนอย่างแท้จริง เป็นการมุ่งพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งของสังคมและชุมชนจากระดับพื้นที่สู่ระดับนานาชาติ จาก “รากสู่โลก” (University of Glocalization) สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล
ตลอดจนกระแสความต้องการและความคาดหวังใหม่ด้านสุขภาพ ถือได้ว่าเป็นการสร้าง “นวัตกรรมสังคมด้วยนวัตกรรมสุขภาพแบบองค์รวมเพื่อคนทั้งมวล”
ศูนย์การแพทย์องค์รวม ม.ทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ยกระดับสุขภาพลดความเหลื่อมล้ำในภาคใต้ตอนกลาง
ที่มา - https://kaowonni.blogspot.com/2025/02/Thaksin-University-Holistic-Medical-Center-in-Phatthalung.html
เมื่อเร็วๆ นี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติสำคัญในการสนับสนุนการจัดตั้ง ศูนย์การแพทย์แบบองค์รวม และ คณะแพทยศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง
มีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพในพื้นที่ภาคใต้ตอนกลาง โดยมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสภาพัฒน์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาโครงการ เพื่อบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจำปีและขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
รองศาสตราจารย์ ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณ เปิดเผยว่า ศูนย์การแพทย์แบบองค์รวมนี้จะเป็นแหล่งเรียนรู้และฝึกปฏิบัติสำหรับนิสิตแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ โดยจะผสมผสานการแพทย์แผนปัจจุบัน การแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก เพื่อให้บริการสุขภาพที่ครอบคลุมทั้งด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษา และการฟื้นฟูสุขภาพ
ทำไมถึงสำคัญ?
โครงการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากจะช่วยให้ประชาชนในพื้นที่เข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประชากรที่เปราะบางและอยู่ในพื้นที่ชนบท นอกจากนี้ยังมุ่งหวังที่จะลดภาระของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ด้วยการกระจายบริการสุขภาพไปยังระดับชุมชน
ความร่วมมือและการพัฒนา
ศูนย์การแพทย์แบบองค์รวมจะเชื่อมโยงกับบริการ Home Health Care และ TSU Wellness Centre เพื่อให้บริการด้านการฟื้นฟูและส่งเสริมสุขภาพอย่างครอบคลุม รองศาสตราจารย์ ดร.ณฐพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มหาวิทยาลัยทักษิณจะผลิตบุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูงเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของระบบสุขภาพของประเทศ
อนาคตที่สดใส
โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่ยังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและธุรกิจบริการทางการแพทย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในพื้นที่อีกด้วย
ด้วยวิสัยทัศน์ “มหาวิทยาลัยเพื่อสังคม” มหาวิทยาลัยทักษิณกำลังเดินหน้าสู่เป้าหมายในการสร้างระบบสุขภาพที่ยั่งยืน เพื่อประชาชนทุกคนอย่างแท้จริง เป็นการมุ่งพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งของสังคมและชุมชนจากระดับพื้นที่สู่ระดับนานาชาติ จาก “รากสู่โลก” (University of Glocalization) สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล
ตลอดจนกระแสความต้องการและความคาดหวังใหม่ด้านสุขภาพ ถือได้ว่าเป็นการสร้าง “นวัตกรรมสังคมด้วยนวัตกรรมสุขภาพแบบองค์รวมเพื่อคนทั้งมวล”