ลองถอดล้างเลนส์ Nikon 80-200mm f/2.8 ED II
รอดตัวมาได้ ประกอบครบ โฟกัสได้ กลับมาใส เหมือนเดิม
หลังจากฝึกล้าง ถอด จากเลนส์อื่นๆ มาหลายเดือน
ตัวนี้แกะยากสุด(เพราะได้เจ้าน๊อตที่เล็กกว่าขี้ตาของเรา 1 จุดปับ ชิ้นในที่ไม่ออก) แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป
ข้อต้องระวังคือ ต้องรีบล้างเพราะโค้ดโดนรากัดง่ายมาก
เลนส์ชิ้นใหญ่ ไม่ได้เล็กๆ จนชิดเกินไป

มีชิ้นเลนส์ที่อยู่กับชุดรูรับแสงด้านบน ต้องถอดออกมาล้าง และเรียงใบใหม่ด้วยครับ ตกใจตอนแะแล้วหลุดออกมาหมด 555


ตัวนี้เก่าเก็บ ยางไม่บวมเลยครับ

ชุดเฟืองโฟกัสที่จะส่งไปยังท้ายเลนส์ เพราะเจ้าตัวนี้ ยังต้องใช้มอเตอร์จากตัวกล้องอยู่ครับ

อันนี้กว่าจะถอดได้เละเหมือนกันครับ

โครงสร้างกระบอกดีมากครับ


สายแพแข็งแรงไม่ขาดไม่หัก ดีมาก ชิปรุ่นยังไม่มีโลโก้ Nikon ต้องเป็นรุ่นที่ 3 ครับ

จุดสัมผัสสายแพของออโต้โฟกัส
Nikon ออกแบบได้ดีมาก ทุกอย่างทำงานได้โดยไม่ฝืด
ถึงแม้ว่าจะใช้จารบีน้อยมากๆ
กลไก M/A ออกแบบได้ง่ายแต่ใช้ได้แบบ " เฮ้ย คิดได้ไง"
สายแพ ยังไม่กรอบทั้งๆ ผ่านมามากว่า 30 ปี
ตัวนี้เป็นตัวเทพในสมัยนั้น
ไม่ต่างจากเลนส์ เทพ L สีขาวของ canon EF
ที่ตอนนี้ก็ยังเป็นเลนส์หากินที่ช่างภาพอาชีพยังใช้กันอยู่
- โฟกัสมือเร็วมาก น่าจะเร็วกว่า Tamron Zoom (ที่ว่าเร็วแล้ว)
- หนัก ไม่มี ที่ใใส่ขาตั้ง (มารุ่นที่ 3)
- รอบม่วง น้อย แต่พอเจอของวาวๆ ก็จะมาอยู่แต่น้อยกว่า Pentax 200mm f/4
- ขอบไม่วิ่งหนีศูนย์กลาง
- ความเบลอฉากหลังไม่ลายน่าเกลียดแบบ "เลนส์ถูกๆ สมัยใหม่"
สรุปว่าคุ้มที่จะเก็บล้าง เอามาใช้ แต่หลายคนคงจะบ่นเรื่องความหนักและไม่สมดุลแน่ๆ
ภาพทุกภาพจากล้อง Canon M50 + Nikon 80-200mm 2.8 ED Jpeg ไม่ได้แต่ครับ รูรับแสงสลับไปมา






ลองถอดล้างเลนส์ Nikon 80-200mm f/2.8 ED II
รอดตัวมาได้ ประกอบครบ โฟกัสได้ กลับมาใส เหมือนเดิม
หลังจากฝึกล้าง ถอด จากเลนส์อื่นๆ มาหลายเดือน
ตัวนี้แกะยากสุด(เพราะได้เจ้าน๊อตที่เล็กกว่าขี้ตาของเรา 1 จุดปับ ชิ้นในที่ไม่ออก) แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป
ข้อต้องระวังคือ ต้องรีบล้างเพราะโค้ดโดนรากัดง่ายมาก
เลนส์ชิ้นใหญ่ ไม่ได้เล็กๆ จนชิดเกินไป
มีชิ้นเลนส์ที่อยู่กับชุดรูรับแสงด้านบน ต้องถอดออกมาล้าง และเรียงใบใหม่ด้วยครับ ตกใจตอนแะแล้วหลุดออกมาหมด 555
ตัวนี้เก่าเก็บ ยางไม่บวมเลยครับ
ชุดเฟืองโฟกัสที่จะส่งไปยังท้ายเลนส์ เพราะเจ้าตัวนี้ ยังต้องใช้มอเตอร์จากตัวกล้องอยู่ครับ
อันนี้กว่าจะถอดได้เละเหมือนกันครับ
โครงสร้างกระบอกดีมากครับ
สายแพแข็งแรงไม่ขาดไม่หัก ดีมาก ชิปรุ่นยังไม่มีโลโก้ Nikon ต้องเป็นรุ่นที่ 3 ครับ
จุดสัมผัสสายแพของออโต้โฟกัส
Nikon ออกแบบได้ดีมาก ทุกอย่างทำงานได้โดยไม่ฝืด
ถึงแม้ว่าจะใช้จารบีน้อยมากๆ
กลไก M/A ออกแบบได้ง่ายแต่ใช้ได้แบบ " เฮ้ย คิดได้ไง"
สายแพ ยังไม่กรอบทั้งๆ ผ่านมามากว่า 30 ปี
ตัวนี้เป็นตัวเทพในสมัยนั้น
ไม่ต่างจากเลนส์ เทพ L สีขาวของ canon EF
ที่ตอนนี้ก็ยังเป็นเลนส์หากินที่ช่างภาพอาชีพยังใช้กันอยู่
- โฟกัสมือเร็วมาก น่าจะเร็วกว่า Tamron Zoom (ที่ว่าเร็วแล้ว)
- หนัก ไม่มี ที่ใใส่ขาตั้ง (มารุ่นที่ 3)
- รอบม่วง น้อย แต่พอเจอของวาวๆ ก็จะมาอยู่แต่น้อยกว่า Pentax 200mm f/4
- ขอบไม่วิ่งหนีศูนย์กลาง
- ความเบลอฉากหลังไม่ลายน่าเกลียดแบบ "เลนส์ถูกๆ สมัยใหม่"
สรุปว่าคุ้มที่จะเก็บล้าง เอามาใช้ แต่หลายคนคงจะบ่นเรื่องความหนักและไม่สมดุลแน่ๆ
ภาพทุกภาพจากล้อง Canon M50 + Nikon 80-200mm 2.8 ED Jpeg ไม่ได้แต่ครับ รูรับแสงสลับไปมา