ในคุกไม่มี “หนมน้า” ไม่มีการรับน้อง [ความแตกต่างระหว่างคุกจริงกับในหนัง]

นำข้อมูลจากราชทัณฑ์มาฝากกันต่อ



. . .

ในหนังไม่ว่าจะไทย ฝรั่ง เกาหลี มันจะมีเซ็ตฉาก มีชุดความเข้าใจที่เป็นรูปแบบเฉพาะซึ่งไม่ตรงกับเรือนจำจริง ๆ ในแต่ละประเทศ

บ้านเรามีหลายสื่อชอบให้ภาพลักษณ์เรือนจำในข่าวว่า ถ้าเข้าคุกจะมีการโดนรับน้อง หรือใครมีโจทก์เยอะเตรียมโดนเก็บ โดยอาจเป็นการขู่ให้คนกลัวคุกหรืออาจเรียกกระแสให้คนเสพข่าวสะใจ แต่ที่จริงแล้วเรือนจำไทยมีขื่อมีแป มีระเบียบเข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเข้มงวดที่สุดคือเรื่อง ‘การทำร้ายกันของผู้ต้องขัง’

เพราะเรือนจำคือสถานที่ที่ต้องเน้นเรื่องความมั่นคง ป้องกันนักโทษหลบหนีหรือก่อจลาจล และการที่เจ้าหน้าที่ละเลยเหมือนสมัยโบราณมันแสดงถึงความไม่มั่นคง โดยจากเหตุการณ์ในอดีตที่มีนักโทษจับเจ้าหน้าเป็นตัวประกันและหลบหนีจนต้องยิงกันนั้น ทำให้ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ถูกยกระดับให้นักโทษเกรงกลัวมากขึ้น ในอดีตคือ “โหดแต่หละหลวม” ขณะที่ปัจจุบัน “ดูแลดีแต่ต้องเคารพกัน”



. . .

ผู้ต้องขังเข้าเรือนจำยุคนี้ จะไม่ถูกเจ้าหน้าข่มเหงทำร้าย มีสิทธิของผู้ต้องขังคุ้มครองเต็มที่ เจ้าหน้าที่จะใช้กำลังกับนักโทษไม่ได้เลย แม้แต่เจ็บป่วยก็ละเลยการรักษาไม่ได้ แต่มีเงื่อนไขเดียวที่เจ้าหน้าที่สามารถเข้าใช้กำลังได้ก็คือ “การทะเลาะวิวาท” เพราะจะมีช่องให้เจ้าหน้าที่ใช้ระเบียบการระงับเหตุก่อความวุ่นวาย โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่มีความผิด ฉะนั้นเรือนจำปัจจุบันคือนักโทษทุกคนต่างอยู่อย่างสงบ ได้สิทธิ์คุ้มครอง และต่างคนต่างกลัวที่จะมีเรื่อง ไม่กล้าหือกับเจ้าหน้าที่ (ถ้าไปชกใครก็จะไม่ค่อยมีแนวร่วม เพราะทุกคนต่างกลัวโดนฟาดโดนกระทืบ และต้องการอยู่คุกอย่างสงบสบายไร้ปัญหา)

คำว่าปัจจุบันที่ใช้ในที่นี้คือ นานมาแล้ว โดยถ้าจะนับเป็นยุค นับง่าย ๆ ก็ตั้งแต่ช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธก็แล้วกัน นึกภาพง่ายดี มันเป็นยุคสมัยที่ราชทัณฑ์ไทยต้องพัฒนาให้ตามมาตรฐานสากล และการเป็นที่ยอมรับเป็นหน้าเป็นตาอย่างน้อยในระดับอาเซียน (โดยเฉพาะสมัยสมศักดิ์ เทพสุทิน นั่งกระทรวงยุติธรรมก็มีการปรับปรุงออกระเบียบยกระดับพัฒนาราชทัณฑ์อย่างมาก ซึ่งอาจจะถูกมองว่าเพื่อรองรับการมาชั้น 14 ก็ตาม)

. . .

- การอยู่ในเรือนจำนาน ๆ หลายปีอาจมีนักโทษบางคนเปลี่ยนนิสัยเป็นชายรักชายเกิดขึ้นได้ปกติ แต่ถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์ ข้อนี้ถือเป็นกระทำผิดทางวินัย และการขืนใจซึ่งผิดกฎหมายโดนตั้งข้อหาบวกคดีเพิ่มจำต่อได้ ในสมัยโบราณเกิดขึ้นจริง แต่ปัจจุบันวิถีชีวิตและพฤติกรรมผู้ต้องขังเปลี่ยนไปแล้ว ทุกส่วนของเรือนจำมีกล้องวงจรปิดแม้กระทั่งห้องนอนหรือห้องขัง  

ถามว่าทุกวันนี้มีนักโทษทำผิดวินัย ชกต่อยหรือยกบ้านตีกันมั้ย? ก็คือมีบ้าง และโดนจัดการลงโทษอย่างหนัก ถ้าซ้ำซากจะถูกย้ายไปซูเปอร์แม็กซ์

ส่วนการลอบมีเพศสัมพันธ์แทบจะไม่มี ถือว่าน้อยมาก ซึ่งในที่นี้ก็ถูกดำเนินการทางวินัย


ต้องเข้าใจว่า ปัจจุบันเรือนจำมีความมั่นคงค่อนข้างสูง ถ้ามีการลักลอบกระทำผิด มีการลักลอบนำยาเสพติดเข้าหรืออื่น ๆ สุดท้ายจะไม่พ้นสายตาและถูกดำเนินการทางวินัย



. . .

เวลามีคำแปลก ๆ ติดหูอย่าง “หนมน้า” มันเลยดังเป็นไวรัลใน tiktok แต่สื่อก็ไม่ควรเอาไวรัลมาเป็นสาระ เอาไว้เป็นมุกคำสแลงใช้กันเล่น ๆ พอ อย่าเข้าใจว่าศัพท์สมัย 30 ปีที่แล้วจะเป็นคำที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

เอาจริง ๆ คนในคุกปัจจุบันก็ได้ยินคำนี้จากข้างนอก ก็คือเราต้องเอารายการทีวี เอาคลิปตลกจากข้างนอกไปเปิดให้ดู เขาจะได้รับรู้ความบันเทิงตามยุคสมัย ก็คือถ้าใครรู้จักมุก “หนมน้า” ก็คือคนในคุกพูดตามคนข้างนอก กลายเป็นแบบนั้นไป



. . .

แก๊งในคุกสมัยโบราณที่ออกมาไลฟ์ทางโซเชียล หรือทำคลิปทาง YouTube ว่าเขาเก๋าแบบนั้นแบบนี้ เคยอยู่กลุ่มนั้นเป็นพวกคนนี้ อดีตผู้ต้องขังเหล่านี้หมดยุคไปนานแล้ว ปัจจุบันที่ถ้าคนพวกนี้เข้าในคุกจะไม่มีใครให้ราคา คอยเดินไหว้ผู้ช่วยงานที่เป็นนักโทษด้วยกัน เพื่อติดตามข่าวสารเรือนจำ ว่ามีข่าวดีมีสิทธิประโยชน์อะไรหรือไม่ จะทำยังไงให้ตัวอยู่ในกองงานฝึกวิชาชีพดี ๆ จะได้มีรายได้จากเรือนจำ มีของกินดี ๆ เพราะสิ่งสำคัญสุดของชีวิตในนั้นคือ อาหารการกิน คนที่เหนือสุดมีบารมีสุดในเรือนจำ คือคนคือมีของกิน ไม่ใช่คนเก๋า

เพราะฉะนั้นพวกเกเรตีกัน สักลายเต็มตัว ในคุกโบราณคือเก๋า แต่ในยุคปัจจุบันคนพวกนี้อยู่ในคุกคือคอยรับจ้างล้างจานซักผ้า คอยรับใช้ดูแลคนมีของกิน เนี่ยแหละพวกที่ไลฟ์คุยโม้กันอยู่ตามโซเชียล ถ้าเข้าคุกยุคนี้คือเข้าไปเป็นเบ๊ เพราะยุคนี้คนที่จะเหนือกว่าคนอื่นข้างในคือ คนมีพฤติกรรมดี มีความรู้ความสามารถ ช่วยงานเจ้าพนักงานได้ ทำประโยชน์ให้เรือนจำได้ และไม่ใช่กลุ่มที่เข้าคุกซ้ำซากหลายรอบ คนมีพฤติกรรมดีมีความสาารถเหล่านี้ก็จะทำงานดี ๆ ฝึกวิชาชีพดี ๆ มีรายได้ในเรือนจำ บางคนกลายเป็นว่าอยู่ข้างในแต่มีรายได้เลี้ยงดูคนข้างนอกได้



. . .

- เรือนจำปัจจุบัน ไม่มีการให้นักโทษมาทำขนม ทำของขายกันเอง ไม่มีการนำของจากภายนอกเข้าไปในเรือนจำ ทุกอย่างจะเป็นการซื้อขายสินค้าเรือนจำ หรือผลงานจากกองงานฝึกวิชาชีพทำอาหารทำขนม

- ในหนังไทยมักจะทำภาพคุกออกมาเหมือนค่ายทหาร แล้วก็มีนักโทษบางคนกวาดพื้นกวาดใบไม้ (ไม่รู้กวาดอะไรนักหนา) แต่ความจริงในเรือนจำไม่ได้ว่างแบบนั้น นักโทษทุกคนมีอาชีพ ต้องมีกองงานมีหน้าที่ บางคนอาจเรียกว่าเป็นโรงงานนรกก็แล้วแต่ แต่ราชทัณฑ์ไทยวางระเบียบมาแบบนี้เพื่อให้นักโทษทุกคนไม่ว่าง  

เช้าตื่นนอน ออกจากห้องขัง อาบน้ำกินข้าว เข้ากองงาน พักเที่ยงกินข้าว เข้ากองงาน ช่วงบ่ายเลิกกองงาน พักผ่อน กินข้าว อาบน้ำ ขึ้นห้องขัง ดูรายการทีวี นอน
+ ผลัดกันเข้าเวรยาม  *แต่ข้อนี้ถือเป็นสิ่งที่แต่ต้องแก้ไข เพราะหน้าที่การตรวจตราเรือนนอน ตรวจตราการนอน เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่นักโทษ ซึ่งการนอนไม่เต็มที่ส่งผลให้นักโทษป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ได้ง่าย

อันนี้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ยังล้าหลังและต้องแก้ไข เนื่องจากราชทัณฑ์ไทยยังใช้ระบบทหารปกครองนักโทษ (สืบเนื่องมาจากยุคสงครามโลก, ยุครัฐชาตินิยม, เกณฑ์ทหารไปรบ, นักโทษคือส่วนหนึ่งของกองทัพ) เพราะฉะนั้นระเบียบการกิน การออกกำลังกาย การนอน หรือการปกครองโดยรวม ยังเหมือนว่านักโทษคือกองทัพ ๆ หนึ่ง แม้กระทั่ง “การเดินสวนสนาม” แบบทหารยังคงเป็นกิจกรรมหนึ่งในการฝึกนักโทษ และยังมีการประกวด ได้รับเกียรติได้เลื่อนชั้น (ซึ่งตรงนี้ว่ากันตามตรงไม่ได้เหยียด นักโทษไม่ใช่ทหาร ไม่ควรจะฝึกความสง่าหรือมีเกียรติในลักษณะนี้) ซึ่งประเทศอื่นเขาไม่ทำกัน ส่วนการฝึกทักษะอื่น ๆ เช่น การแสดง ศิลปะ ดนตรีร้องเพลง ถือว่าเหมาะสม

. . .


(ฉากจากในหนัง ซึ่งในเรือนจำจริงไม่อนุญาตให้สวมสร้อยหรือเครื่องประทับที่จมูกและหู)


ใครเข้าคุกยุคปัจจุบันต้องเรียนรู้ว่ามันไม่เหมือนในหนัง ไม่ใช่เตรียมตัวเข้าไปเก๋า  ยุคนี้ “ซาเวีย” “ซามู” ถูกเรียกฉายานี้มองเป็นตัวตลก คนที่เข้าไปควรเตรียมตัวให้ตัวเองมีกินดีกว่า ถ้ารู้ว่าญาติไม่ส่งเงินให้ เตรียมตัวไปเสาะหาสมเด็จคอยซักผ้าล้างจานให้เขาได้เลย จะได้กินอิ่มนอนหลับ

หนังไทยเกี่ยวกับเรือนจำแต่ละเรื่องที่ทำออกมาในการอิงว่าสะท้อนสังคมนั้น ก็ไม่ได้สะท้อนจากความจริง และให้ภาพลักษณ์ผิด ๆ ว่าเป็นสถานที่ที่พวกกลุ่มแก๊งเกเรเป็นใหญ่ข้างใน เหมือนเป็นการสร้างตัวอย่างที่ไม่ดีเป็นแรงจูงใจให้กลุ่มแก๊งข้างนอกรู้สึกว่าสามารถเป็นใหญ่ทั้งข้างนอกข้างในได้ แต่ในความจริงคิดจะเข้าไปเกเรข้างในก็เสี่ยงจะโดนคอมแบทกับกระบองเจ้าหน้าที่แล้ว

อยากมีบารมี อยากอยู่ในคุกไม่ลำบาก ในอดีตต้องเก๋าซาเวียซามู แต่ปัจจุบันยิ่งเก๋ายิ่งเกเรยิ่งลำบาก
ยุคปัจจุบันอยากอยู่ดีกินดีในคุกต้อง:
1. ญาติไม่ทิ้ง ส่งเงินให้ (เป็นสิทธิ์ของเขา)
2. ใช้ความรู้ความสามารถช่วยงานภายในเรือนจำ มีพฤติกรรมดีให้เจ้าหน้าที่ไว้วางใจ จะได้อยู่ทำงานดี ๆ
  
นี่คือเรื่องจริงของคุก ที่ไม่ใช่การสร้างภาพ ทุกวันนี้พวกซาเวียซามูข้างนอก อยู่ในคุกก็ต้องเข้าไปประจบประแจงนักโทษเหล่านี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่