สวัสดี อันนี้จะเป็นการเล่าประสบการ์ณของ ชีวิตเราเมื่อสัก 7-8 ปีก่อน เราหวังว่าสิ่งเราเล่าแบ่งปันประสบการ์ณนี้ในอดีตของเรา หนุ่มน้อยจากต่างจังหวัดที่ตั่งใจมาสู้ชีวิตในเมืองหลวงแล้วเจอกับเรื่องราว จะมีประโยชน์ให้ข้อคิด และแนวทาง กับน้องๆ ที่กำลังเผชิญ หน้ากับ หน้าทึความฝัน ความกดดัน เป็นแนวว่าชีวิต สุดท้ายชีวิตแม้งก็อย่างงี้และเจ็บปวด คิดได้ สู้ต่อ
เริ่มล่าประวัติก่อน เราเติบโตมาในครอบครัวที่จนไม่เหรอ? ไม่มีรู้สึกนะ แต่พ่อแม่เราไม่มีอะไรมาเลย บ้านของตัวเองก็ไม่มี อาศัยญาติ แม่อาชีพตอนนั่นรับจ้างทั่วไป ขายไก่ย่าง ทำน้ำเต้าหู รับจ้างกรีดยาง พ่อเป็นศิลปินนักร้อง เคยดังเมื่อช่วง 2524 นู่น พอมีเงินเก็บให้ปู่ยาา พ่อเป็นอินดี้ ไม่ชอบอยู่กับที่ ชอบไปเรื่อยๆ ถามว่าพ่อแม่แยกกันไหม ไม่เชิงพ่อก็ไปๆมา ส่งเงินเลี้ยงดู ซึ่งประสานักร้องก็มีนู้นมีนี้555 ธรรมดา เราได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจาก ฝั่งพ่อ (ปูย่า อาๆ ) ขอเงินเท่าไรก็ได้ อยากเรียนอะไรให้หมด ส่วนฝั่ง แม้จะไม่มีกำลังเท่าไร แต่โอ้กอด ด้วยความเอ็นดู ให้ความรู้ ประสบการ์ณ เท่าทีมึ
การเลี้ยงดู เรามีน้องชาย 1 คน เนื่องจากอยู่กับแม่ แม่จะดุมากๆๆ แม่จะไม่มีความเป็นอาร์ดทิต เลยยย แก่จะอยู่กับปัจจุบัน เท่านั่น กินเวลา นอนเป็นเวลา 2 ทุ่มปิดไฟ ร้องไห ต่อรอง เรียกร้อง โดนตี แล้วเราเป็นคนที่ขี้ลืมแล้วตั่งแต่เด็ก นิสัยอยากรู้อยากลอง หลายทีของหาย หรือเก็บไม่เป็นทีโดนฟาด แม่เราจะมีกฎ 10 วิ ถ้าแม่หาของแล้วไม่เจอ ภายใน 10 วิโดนตี ซึงเราโดนบ่อยมากๆ ส่วนพ่อจะมาอาทิตย์ละครั่งสองครั่ง นิสัยแบบศิลปิน มีจิตนาการ ชอบทำเพลง เขียนเพลง และ ฝันว่าจะกลับมาดังอีกครั่งเพื่อที่จะได้นำเงินมาเก็บเป็นจริงในวัน 40-50 ซึงเราเห็นพ่อเราสู้นะ สู้ในความฝันแก่มาตลอด คือ เกิดมาเป็นศิลปิน อะ จะให้ไปทำอะไร คนเกิดมาทรงนี้ เราก็เลยเป็นครึ่งร่างของพ่อและแม่ ด้านแม่คือ อยุ่กับความเป็นจริง ส่วนพ่อคือจิตนการแบบศิลปินที่สูงล้ำ
นิสัย เป็นคนอ่อนน้อมถอมตน ยืดมั่นในการเป็นเด็กดีกตัญญตลอดเวลา ไม่ต่อรอง ไม่เหลียม ไม่เถียง เช่นตอนเด็กเราอะแพ้กุ้ง แต่ป้าเราไม่เชื่อเลยทำสาคูยันใส้กุ้งเรากินก็รู้แต่ด้วยเป็นเด็กขี้เกร่งใจ กินไปเลยแล้วเก็บอาการคือเราแพ้ไม่หนักด้วย เราเป็นคนไม่ละเอียดเลยยยยย มีจินตนการสูง ชอบอ่านหนังสือ
ความชอบ ชอบศิลปะไม่รู้ว่าเพราะ พ่อเป็นศิลปิน เกิดเดือนเดียวกันห่างกันแค่9 วันหรือไม่ เราสามารถงาน art ได้ทุกอย่าง วาดภาพ ปติมากรรม เขียนบทกรอง เขียนเพลง ทำได้หมด สั่งมานิดเดียว เราจัดการให้ได้ แต่ตอนเด็กๆเป็นตัวแทนไปแข่งนู่นแข่ฃนี้ พ่อเราเห็นมาเรื่อยๆ ที่นี้ด้วยความอยู่กับแม่ ฝั่งแม่เค้าจะเป็นแนว พนักงานบริษัท ราชการ ตำรวจ ครู เน้นสายคณิต สายศิลป์ไม่มีเลย และแม่ก็บอก วาดรูปเอาไว้วาดตอนเครียด ไม่เห็นจะมีใครได้ดีสักคน ดูอย่างพี่….(ญาติฝั่งแม่) รับราชการพ่อแม่สบายจะตาย จะเป็นแบบพ่อเหรอ? งานไม่มี คน( อย่าเห็นแก่ตัว) ตั้งแต่เด็กเราโดนคำนี้ฝั่งในหัวเสมอ ( อย่าเห็นแก่ตัว) เชื่อผู้ใหญ่ อย่าเชื่อพ่อ เชื่อผู้ใหญ่อย่าเชื่อพ่อ ทำงานห้องแอร์สบายสิ้นเดือนรับตังค์ เราเลยต้องแอบซ้อน ว่าเราชอบศิลปะ เราใส่mindset ถนัดเรียน คณิต คนเก่งอนาคตสบาย คนทำงานศิลปะโง่ไม่มั่นคง น่าอาย (ความคิดตอนเด็ก) แต่คณิคได้ เกรด1 และ 1.5 ไม่สูงไปกว่านี้ แต่ศิลปะ 4 จนครูชอบ
การเรียนและการศึกษาถ้าดูจากที่เล่าคงไม่ต้องพูดว่าเราถนัดอะไร 5555 คณิตได้เกรด 1 อยากเรียนวิทย์คณิต เพราะดูเท่ ดูฉลาด ศิลปะมันโง่ น่าอาย แต่เกรดไม่ถึงสุดท้ายได้แค่ศิลคำนวณ พยามเท่าไร หัวคณิตก็ไม่ไปสักที สุดท้ายพอจะเข้ามหาลัย จำได้วันจบตะโกนคณิตพอกันทีชีวิตกับกูเลิกกันนนนน แน่นอนพอสอบ เอนทรานน ใจไปสถาปัตย์ละ ไปมันทณศิล ไปนิเทศ แต่พอมาบอกแม่ เหมือนเดิม ‘‘( อย่าเห็นแก่ตัว) เชื่อผู้ใหญ่ อย่าเชื่อพ่อ เชื่อผู้ใหญ่อย่าเชื่อพ่อ ทำงานห้องแอร์สบายสิ้นเดือนรับตังค์’ฝีกระจอก ใครๆก็วาดได้ เรานิน้ำตาตกในเลยย🥹🥹🥹 เราฝีมือวาดรูปเรากระจอกใช่ไหมแต่ครูส่งไปแข่งงานศิลนะในใจพูด เป็นตัวแทนโรงเรียนนะแม่ ไม่กล้าเอ้ยย กลัวแม่ด่า สุดท้าย ดูทีวี ปรึกษาคนนุ่นทีคนนี้ทีตามตัวเลือกที่แม่ให้ ตอนนั้นเราสรุปคิดไปเองว่า เราไม่ควรเห็นแก่ตัว ไม่ควรเรียนในสิ่งที่ชอบ สรุปเรียน สาขาการประกันภัยและจัดการความเสี่ยง ( คณิตล้วนๆๆๆ) แล้วเรียนใกล้บ้านด้วย เสาร์อาทิตย์กลับไปช่วยแม่เก็บยาง เราเป็นห่วงแม่แก่แล้ว เข็นจนจบ 4 ปี เพราะตั้งใจเรียน
เริ่มชีวิตการทำงาน เราจบมาได้เลย เราจบ 31 พค. 61 พอ18 มิย. 61 เริ่มงานโดยทำในตำแหน่ง underwrirt ของบริษัท เบอร์1 ฝั่งรถยนต์ ซึ่งเราทำตำแหน่งนี้ได้ไง เป็นเพราะเราเคยฝึกงานมาก่อนแต่ฝึกใน ประกับเบ็ตเตล็ด ที่นี้ตอนสมัคร สมัครผ่านเว็บไปสัก 1 week เงียบ เลยwalk in ไปเล่นๆ ที่ตึก เราไปกรอกเห็นคนที่กรอกก่อนหน้าเค้าไล่กลับเราคิดว่า เดียวคงกลับ แต่ปรากฎ HR บอกอยู่ก่อน เดียวมีสัมภาษณ์ ซึ่งแน่นอนเค้าจำหน้าเราได้ แต่เราก็นั่งเล่นเเถวนั่นซึ่งเราพกหนังสือประกันไปอยู่แล้ว ไปอ่าน แล้วทาง HR ชอบเรามาก เค้าบอกหายากคนแบบนี้ พอตอนสัมภาษณ์ กับMG HR เชียร์เราไปแล้วครึ่ง อีกครึ่งก็คุยซึ่งแน่นอนเราขายตัวเองได้ จากประวัติ เราทราบผลในวันเลย จากข้างนอกที่เค้านัด เป็นเด็กจาก จุฬา บลาๆ ซึ่งเค้ารับ 4 คน
เอะใจตั้งแต่เริ่ม 2 ด้วยเป็นเด็กต่างจังหวัด ไม่เคยนั่งรถเมล ไม่เคยรู้จักเผื่อเวลา วันรายงานตัวสายจ้าาส แล้วเค้าก็ให้ทดสอบทำExcell โดยเค้าสอน 1 รอบ แล้วทำReport ตามที่เค้าสั่ง เพือนไป 3 ทำผ่านหมดยกเว้นเรา ในใจชิปหายย มันใช่เหรอ
ลงสนามจริงชีวิตเริ่มต้น 3 นารก 4 เดือบรรยากาศ แม้วมีแต่เสียงคีย์บอด ดังไปหมด ไม่ชอบเลย บอกพ่อ ‘‘ก็กูบอกไปแล้ว กูเห็นมาตั่งแต่เล็ก บอกให้เรียน ศิลปะไม่เชื่อกู สู้ๆ ลูก’’🥹🥹🥹 เค้าสอนงานเราเท่าไรเราทำไม่ได้เลย มันไม่ใช่เราเลย เลขเยอะไปหมด เราพยามแล้ว ไม่ได้ อ่านหนังสือ คีย์ข้อมูลก็ผิด โดนดุ โดนด่า 17:00 กลับก่อนก็ไม่ได้ต้องรอให้เค้าบอกว่า น้องๆ กลับได้ จะบอกแม่แม่ม่บอกก็ด่า ใครอื่นทำได้ทำไมทำไม่ได้แล้วอนาคตจะเป็นไง ถามเค้าสิ ถามๆๆๆ บอกเราจน ’’🥹🥹🥹 ใจจริงอยากลาออกตั่งแต่วันแรก แต่เราอาศัยบ้านลุงอยู่ซึ่ง ลุงทำงานที่แรกยาวว ไม่เปลียนงาน ช่วงนั่นไม่อยากมีชีวิตเลย ทุกวันที่ถึงวันจันทร์ มันคือ นารก เค้าไม่ปล่อยงานเลย ให้เปิดคอมแล้วรอพักเที่ยง รอเลิกงาน โดนดุ โดนด่า พี่ี่ไม่ไหวแล้ว ถ้าน้องไม่หนักอีกทีมไม่ส่ง แล้วจองหน้าเราแบบจะกินหัว โดนว่าอย่างเดียวว เหมือนไปให้พี่ๆเค้ากินหัว งานสุดท้าย คีย์ ข้อมูล รถ จำนวน 250 คัน แล้วเราก็กลับไปรับปริญญา ก่อนไปเราคีย์ผิด ยิ่งตรวจยิ่งเจอ พี่ที่ดูแล บอกพี่จะให้โอกาสนะ จะไม่บอกหัวหน้า เรื่องที่เราทำงานพลาดสัญญาแต่เราต้อง ละเอียดกว่านี้ รอบขอบกว่านี้นะค่ะ เรากลับ 2 วัน รับสายจากหัวหน้า‘‘น้องๆขึ้นมาพี่ขอคุยหน่อย’เราารู้เลย พอขึ้นมาก็นั่นประโยคเจ็บไม่ลืม จากอดีตหัวหน้า‘‘ น้องๆถ้าน้องอยากไปทำงานที่ไหนไปได้นะพี่ไม่รั่งเราใว้’’
สรุป4 เดือนนารก โดนกดดันจากทางบ้าน ที่ทำงาน โดนด่า โดนว่าทั่งที่เราก็พยามเป็นคนดีแบบที่ผู้ใหญ่ต้องการ แต่เราทำไม่ได้จริงๆ 😭 จึงอยากบอกน้องๆว่า การเรียนมีผลต่ออนาคตจริงๆนะ ปิดหูแม้งข่าวที่บอกคนวงการนี้จะตกงาน เรียนนี้จะรุ่ง ปัญญาอ่อน คนเราจะประสบความสำเร็จมากจากนิสัยต้องเข้ากับงาน ไม่มีใครสน จงเห็นความรู้สึกตัวเอง อย่าทน
ทำงานทีแรก ตกนารก พิสุทธิ์สิ่งที่ เชื่อ และ โดนสอนมาผิดๆ ในชีวิตการทำงานตามหาฝันของหนุ่มบ้านนอก
เริ่มล่าประวัติก่อน เราเติบโตมาในครอบครัวที่จนไม่เหรอ? ไม่มีรู้สึกนะ แต่พ่อแม่เราไม่มีอะไรมาเลย บ้านของตัวเองก็ไม่มี อาศัยญาติ แม่อาชีพตอนนั่นรับจ้างทั่วไป ขายไก่ย่าง ทำน้ำเต้าหู รับจ้างกรีดยาง พ่อเป็นศิลปินนักร้อง เคยดังเมื่อช่วง 2524 นู่น พอมีเงินเก็บให้ปู่ยาา พ่อเป็นอินดี้ ไม่ชอบอยู่กับที่ ชอบไปเรื่อยๆ ถามว่าพ่อแม่แยกกันไหม ไม่เชิงพ่อก็ไปๆมา ส่งเงินเลี้ยงดู ซึ่งประสานักร้องก็มีนู้นมีนี้555 ธรรมดา เราได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจาก ฝั่งพ่อ (ปูย่า อาๆ ) ขอเงินเท่าไรก็ได้ อยากเรียนอะไรให้หมด ส่วนฝั่ง แม้จะไม่มีกำลังเท่าไร แต่โอ้กอด ด้วยความเอ็นดู ให้ความรู้ ประสบการ์ณ เท่าทีมึ
การเลี้ยงดู เรามีน้องชาย 1 คน เนื่องจากอยู่กับแม่ แม่จะดุมากๆๆ แม่จะไม่มีความเป็นอาร์ดทิต เลยยย แก่จะอยู่กับปัจจุบัน เท่านั่น กินเวลา นอนเป็นเวลา 2 ทุ่มปิดไฟ ร้องไห ต่อรอง เรียกร้อง โดนตี แล้วเราเป็นคนที่ขี้ลืมแล้วตั่งแต่เด็ก นิสัยอยากรู้อยากลอง หลายทีของหาย หรือเก็บไม่เป็นทีโดนฟาด แม่เราจะมีกฎ 10 วิ ถ้าแม่หาของแล้วไม่เจอ ภายใน 10 วิโดนตี ซึงเราโดนบ่อยมากๆ ส่วนพ่อจะมาอาทิตย์ละครั่งสองครั่ง นิสัยแบบศิลปิน มีจิตนาการ ชอบทำเพลง เขียนเพลง และ ฝันว่าจะกลับมาดังอีกครั่งเพื่อที่จะได้นำเงินมาเก็บเป็นจริงในวัน 40-50 ซึงเราเห็นพ่อเราสู้นะ สู้ในความฝันแก่มาตลอด คือ เกิดมาเป็นศิลปิน อะ จะให้ไปทำอะไร คนเกิดมาทรงนี้ เราก็เลยเป็นครึ่งร่างของพ่อและแม่ ด้านแม่คือ อยุ่กับความเป็นจริง ส่วนพ่อคือจิตนการแบบศิลปินที่สูงล้ำ
นิสัย เป็นคนอ่อนน้อมถอมตน ยืดมั่นในการเป็นเด็กดีกตัญญตลอดเวลา ไม่ต่อรอง ไม่เหลียม ไม่เถียง เช่นตอนเด็กเราอะแพ้กุ้ง แต่ป้าเราไม่เชื่อเลยทำสาคูยันใส้กุ้งเรากินก็รู้แต่ด้วยเป็นเด็กขี้เกร่งใจ กินไปเลยแล้วเก็บอาการคือเราแพ้ไม่หนักด้วย เราเป็นคนไม่ละเอียดเลยยยยย มีจินตนการสูง ชอบอ่านหนังสือ
ความชอบ ชอบศิลปะไม่รู้ว่าเพราะ พ่อเป็นศิลปิน เกิดเดือนเดียวกันห่างกันแค่9 วันหรือไม่ เราสามารถงาน art ได้ทุกอย่าง วาดภาพ ปติมากรรม เขียนบทกรอง เขียนเพลง ทำได้หมด สั่งมานิดเดียว เราจัดการให้ได้ แต่ตอนเด็กๆเป็นตัวแทนไปแข่งนู่นแข่ฃนี้ พ่อเราเห็นมาเรื่อยๆ ที่นี้ด้วยความอยู่กับแม่ ฝั่งแม่เค้าจะเป็นแนว พนักงานบริษัท ราชการ ตำรวจ ครู เน้นสายคณิต สายศิลป์ไม่มีเลย และแม่ก็บอก วาดรูปเอาไว้วาดตอนเครียด ไม่เห็นจะมีใครได้ดีสักคน ดูอย่างพี่….(ญาติฝั่งแม่) รับราชการพ่อแม่สบายจะตาย จะเป็นแบบพ่อเหรอ? งานไม่มี คน( อย่าเห็นแก่ตัว) ตั้งแต่เด็กเราโดนคำนี้ฝั่งในหัวเสมอ ( อย่าเห็นแก่ตัว) เชื่อผู้ใหญ่ อย่าเชื่อพ่อ เชื่อผู้ใหญ่อย่าเชื่อพ่อ ทำงานห้องแอร์สบายสิ้นเดือนรับตังค์ เราเลยต้องแอบซ้อน ว่าเราชอบศิลปะ เราใส่mindset ถนัดเรียน คณิต คนเก่งอนาคตสบาย คนทำงานศิลปะโง่ไม่มั่นคง น่าอาย (ความคิดตอนเด็ก) แต่คณิคได้ เกรด1 และ 1.5 ไม่สูงไปกว่านี้ แต่ศิลปะ 4 จนครูชอบ
การเรียนและการศึกษาถ้าดูจากที่เล่าคงไม่ต้องพูดว่าเราถนัดอะไร 5555 คณิตได้เกรด 1 อยากเรียนวิทย์คณิต เพราะดูเท่ ดูฉลาด ศิลปะมันโง่ น่าอาย แต่เกรดไม่ถึงสุดท้ายได้แค่ศิลคำนวณ พยามเท่าไร หัวคณิตก็ไม่ไปสักที สุดท้ายพอจะเข้ามหาลัย จำได้วันจบตะโกนคณิตพอกันทีชีวิตกับกูเลิกกันนนนน แน่นอนพอสอบ เอนทรานน ใจไปสถาปัตย์ละ ไปมันทณศิล ไปนิเทศ แต่พอมาบอกแม่ เหมือนเดิม ‘‘( อย่าเห็นแก่ตัว) เชื่อผู้ใหญ่ อย่าเชื่อพ่อ เชื่อผู้ใหญ่อย่าเชื่อพ่อ ทำงานห้องแอร์สบายสิ้นเดือนรับตังค์’ฝีกระจอก ใครๆก็วาดได้ เรานิน้ำตาตกในเลยย🥹🥹🥹 เราฝีมือวาดรูปเรากระจอกใช่ไหมแต่ครูส่งไปแข่งงานศิลนะในใจพูด เป็นตัวแทนโรงเรียนนะแม่ ไม่กล้าเอ้ยย กลัวแม่ด่า สุดท้าย ดูทีวี ปรึกษาคนนุ่นทีคนนี้ทีตามตัวเลือกที่แม่ให้ ตอนนั้นเราสรุปคิดไปเองว่า เราไม่ควรเห็นแก่ตัว ไม่ควรเรียนในสิ่งที่ชอบ สรุปเรียน สาขาการประกันภัยและจัดการความเสี่ยง ( คณิตล้วนๆๆๆ) แล้วเรียนใกล้บ้านด้วย เสาร์อาทิตย์กลับไปช่วยแม่เก็บยาง เราเป็นห่วงแม่แก่แล้ว เข็นจนจบ 4 ปี เพราะตั้งใจเรียน
เริ่มชีวิตการทำงาน เราจบมาได้เลย เราจบ 31 พค. 61 พอ18 มิย. 61 เริ่มงานโดยทำในตำแหน่ง underwrirt ของบริษัท เบอร์1 ฝั่งรถยนต์ ซึ่งเราทำตำแหน่งนี้ได้ไง เป็นเพราะเราเคยฝึกงานมาก่อนแต่ฝึกใน ประกับเบ็ตเตล็ด ที่นี้ตอนสมัคร สมัครผ่านเว็บไปสัก 1 week เงียบ เลยwalk in ไปเล่นๆ ที่ตึก เราไปกรอกเห็นคนที่กรอกก่อนหน้าเค้าไล่กลับเราคิดว่า เดียวคงกลับ แต่ปรากฎ HR บอกอยู่ก่อน เดียวมีสัมภาษณ์ ซึ่งแน่นอนเค้าจำหน้าเราได้ แต่เราก็นั่งเล่นเเถวนั่นซึ่งเราพกหนังสือประกันไปอยู่แล้ว ไปอ่าน แล้วทาง HR ชอบเรามาก เค้าบอกหายากคนแบบนี้ พอตอนสัมภาษณ์ กับMG HR เชียร์เราไปแล้วครึ่ง อีกครึ่งก็คุยซึ่งแน่นอนเราขายตัวเองได้ จากประวัติ เราทราบผลในวันเลย จากข้างนอกที่เค้านัด เป็นเด็กจาก จุฬา บลาๆ ซึ่งเค้ารับ 4 คน
เอะใจตั้งแต่เริ่ม 2 ด้วยเป็นเด็กต่างจังหวัด ไม่เคยนั่งรถเมล ไม่เคยรู้จักเผื่อเวลา วันรายงานตัวสายจ้าาส แล้วเค้าก็ให้ทดสอบทำExcell โดยเค้าสอน 1 รอบ แล้วทำReport ตามที่เค้าสั่ง เพือนไป 3 ทำผ่านหมดยกเว้นเรา ในใจชิปหายย มันใช่เหรอ
ลงสนามจริงชีวิตเริ่มต้น 3 นารก 4 เดือบรรยากาศ แม้วมีแต่เสียงคีย์บอด ดังไปหมด ไม่ชอบเลย บอกพ่อ ‘‘ก็กูบอกไปแล้ว กูเห็นมาตั่งแต่เล็ก บอกให้เรียน ศิลปะไม่เชื่อกู สู้ๆ ลูก’’🥹🥹🥹 เค้าสอนงานเราเท่าไรเราทำไม่ได้เลย มันไม่ใช่เราเลย เลขเยอะไปหมด เราพยามแล้ว ไม่ได้ อ่านหนังสือ คีย์ข้อมูลก็ผิด โดนดุ โดนด่า 17:00 กลับก่อนก็ไม่ได้ต้องรอให้เค้าบอกว่า น้องๆ กลับได้ จะบอกแม่แม่ม่บอกก็ด่า ใครอื่นทำได้ทำไมทำไม่ได้แล้วอนาคตจะเป็นไง ถามเค้าสิ ถามๆๆๆ บอกเราจน ’’🥹🥹🥹 ใจจริงอยากลาออกตั่งแต่วันแรก แต่เราอาศัยบ้านลุงอยู่ซึ่ง ลุงทำงานที่แรกยาวว ไม่เปลียนงาน ช่วงนั่นไม่อยากมีชีวิตเลย ทุกวันที่ถึงวันจันทร์ มันคือ นารก เค้าไม่ปล่อยงานเลย ให้เปิดคอมแล้วรอพักเที่ยง รอเลิกงาน โดนดุ โดนด่า พี่ี่ไม่ไหวแล้ว ถ้าน้องไม่หนักอีกทีมไม่ส่ง แล้วจองหน้าเราแบบจะกินหัว โดนว่าอย่างเดียวว เหมือนไปให้พี่ๆเค้ากินหัว งานสุดท้าย คีย์ ข้อมูล รถ จำนวน 250 คัน แล้วเราก็กลับไปรับปริญญา ก่อนไปเราคีย์ผิด ยิ่งตรวจยิ่งเจอ พี่ที่ดูแล บอกพี่จะให้โอกาสนะ จะไม่บอกหัวหน้า เรื่องที่เราทำงานพลาดสัญญาแต่เราต้อง ละเอียดกว่านี้ รอบขอบกว่านี้นะค่ะ เรากลับ 2 วัน รับสายจากหัวหน้า‘‘น้องๆขึ้นมาพี่ขอคุยหน่อย’เราารู้เลย พอขึ้นมาก็นั่นประโยคเจ็บไม่ลืม จากอดีตหัวหน้า‘‘ น้องๆถ้าน้องอยากไปทำงานที่ไหนไปได้นะพี่ไม่รั่งเราใว้’’
สรุป4 เดือนนารก โดนกดดันจากทางบ้าน ที่ทำงาน โดนด่า โดนว่าทั่งที่เราก็พยามเป็นคนดีแบบที่ผู้ใหญ่ต้องการ แต่เราทำไม่ได้จริงๆ 😭 จึงอยากบอกน้องๆว่า การเรียนมีผลต่ออนาคตจริงๆนะ ปิดหูแม้งข่าวที่บอกคนวงการนี้จะตกงาน เรียนนี้จะรุ่ง ปัญญาอ่อน คนเราจะประสบความสำเร็จมากจากนิสัยต้องเข้ากับงาน ไม่มีใครสน จงเห็นความรู้สึกตัวเอง อย่าทน