หากคุณซื้อหุ้นของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) จำนวน 1,000 หุ้น ในวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2518 ที่ราคาเสนอขาย 133 บาทต่อหุ้น (มูลค่าที่ตราไว้หรือพาร์ 100 บาท) คุณจะใช้เงินลงทุนทั้งหมด 133,000 บาท
ต่อมา ในปี
วันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2534 บริษัทฯ ได้ดำเนินการแตกพาร์จากมูลค่าที่ตราไว้ 100 บาท เหลือ 10 บาท
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2546 ได้แตกพาร์อีกครั้งจาก 10 บาท เหลือ 1 บาท
การแตกพาร์ส่งผลให้จำนวนหุ้นที่คุณถือเพิ่มขึ้นตามสัดส่วน ดังนี้:
การแตกพาร์ปี พ.ศ. 2534: จากพาร์ 100 บาท เป็น 10 บาท
จำนวนหุ้นใหม่: 1,000 หุ้น × (100 ÷ 10) = 1,000 × 10 = 10,000 หุ้น
การแตกพาร์ปี พ.ศ. 2546: จากพาร์ 10 บาท เป็น 1 บาท
จำนวนหุ้นใหม่: 10,000 หุ้น × (10 ÷ 1) = 10,000 × 10 = 100,000 หุ้น
ดังนั้น หลังจากการแตกพาร์ทั้งสองครั้ง คุณจะถือหุ้น SCC จำนวน 100,000 หุ้น
(14,417,000 บาท ÷ 133,000 บาท) × 100 ≈ 10,839.85%
หรือคิดเป็นกำไร (บาท) 14,550,000 บาท - 133,000 บาท = 14,417,000 บาท ยังไม่นับปันผล
หมายความว่าการลงทุนของคุณมีมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 10,839.85%
จากเงินทุนเริ่มต้น 133,000 บาท
โดยการคำนวณนี้ไม่รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น เงินปันผล ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย
เฉลย : เผยเคล็ดลับการลงทุนหุ้น SCC: ทำอย่างไรถึงได้กำไร 10,839.85%! อีกตัวอย่าง ถ้าคุณถือยาวตั้งแต่ IPO
เผยเคล็ดลับการลงทุนหุ้น SCC: ทำอย่างไรถึงได้กำไร 10,839.85%! ถ้าคุณ ...
ต่อมา ในปี
วันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2534 บริษัทฯ ได้ดำเนินการแตกพาร์จากมูลค่าที่ตราไว้ 100 บาท เหลือ 10 บาท
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2546 ได้แตกพาร์อีกครั้งจาก 10 บาท เหลือ 1 บาท
การแตกพาร์ส่งผลให้จำนวนหุ้นที่คุณถือเพิ่มขึ้นตามสัดส่วน ดังนี้:
การแตกพาร์ปี พ.ศ. 2534: จากพาร์ 100 บาท เป็น 10 บาท
จำนวนหุ้นใหม่: 1,000 หุ้น × (100 ÷ 10) = 1,000 × 10 = 10,000 หุ้น
การแตกพาร์ปี พ.ศ. 2546: จากพาร์ 10 บาท เป็น 1 บาท
จำนวนหุ้นใหม่: 10,000 หุ้น × (10 ÷ 1) = 10,000 × 10 = 100,000 หุ้น
ดังนั้น หลังจากการแตกพาร์ทั้งสองครั้ง คุณจะถือหุ้น SCC จำนวน 100,000 หุ้น