ขอคำแนะนำวิธีจัดการความรู้สึก เมื่อแม่ไม่ยอมรับที่คบเพศเดียวกัน

อยากได้กำลังใจและขอคำแนะนำวิธีจัดการความรู้สึกค่ะ 🙏 (ยาวหน่อยนะคะ)

เรามีแฟนเป็นผู้หญิง ตอนนี้คบกันมา5ปีแล้วค่ะ 
เมื่อปี64 แฟนพาเราไปเปิดตัวกับที่บ้าน พ่อแม่แฟนให้การต้อนรับเราดีมากๆ
เราก็พาแฟนเราไปแนะนำให้ที่บ้านเรารู้จักบ้าง
วันที่ไปที่บ้านเรา แฟนเราก็สวัสดีทีละคน ทุกคนรับไหว้ทักทายหมด มีแต่แม่ที่ทำเหมือนมองไม่เห็นแฟนเรา ไม่รับไหว้ ไม่พูด ไม่จา 
บรรยากาศเริ่มไม่ดี ก็เลยอยู่ไม่นาน ขอตัวออกมาก่อน
ตอนนั้นก็คุยๆกันว่าแม่คงยุ่งๆเรื่องที่สวนด้วย ไว้ค่อยมาใหม่

เดือนถัดมาเราพาแฟนไปที่บ้านอีกรอบ 
แม่ไม่อยู่บ้าน ก็นั่งเล่นที่บ้านรอสักพัก แม่ก็ยังไม่มา พ่อบอกว่าแม่น่าจะอยู่ท้ายสวน เราก็เลยพาแฟนเข้าสวน ก็เดินไปคุยไปเรื่อยๆตามทาง
พอใกล้ถึงจุดที่แม่อยู่ เราแอบเห็นหมวกไวๆ(เวลาเข้าสวนแม่จะใส่หมวก) เห็นว่าแม่รีบเดินออกไปไกลขึ้นและอ้อมไปอีกทาง ก็เลยไม่ได้เจอ แล้วพอเราเดินกลับจากสวน ก็เห็นแม่รีบขับรถออกไปข้างนอกแล้ว สรุปก็เจอทุกคนยกเว้นแม่ 

พอตอนค่ำวันนั้น แม่ส่งไลน์มาบอกเราว่า
"หัวใจแม่แหลกสลาย กับการเลือกคบผู้หญิงด้วยกันของลูก ถ้ายังแคร์ความรู้สึกของแม่ อย่าพามันมาให้แม่เห็นหน้า อย่าทำร้ายจิตใจแม่เลยแม่ทุกข์ใจที่สุดในชีวิตกับเรื่องนี้ แม่สะอื้นในอกมาตลอด เสียใจที่สุดในชีวิต" 

จังหวะตอนนั้นคือจุกมาก เราเสียใจที่แม่มองและตัดสินแฟนเราที่เพศ 
เราอยากให้แม่มีความสุขจากการที่เห็นลูกมีความสุขกับคนที่ลูกเลือกนะ ไม่ใช่จะมีความสุขต่อเมื่อลูกเลือกคนตามเพศที่แม่คาดหวังเท่านั้น
และเรื่องที่แม่ทุกข์ใจที่สุดในชีวิต ควรจะเป็นเรื่องลูกตายไหมอ่ะ อันนั้นคือทุกข์ใจสุดของจริง ไม่ใช่มาใจแหลกสลายกับเรื่องแค่นี้ 
แต่อันนี้คือไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าลูกคบคนนี้แล้วมีความสุขแค่ไหน ไม่ได้สนใจจะถามสักคำว่าเขานิสัยยังไง เป็นใคร บลาๆ

เรารักแม่นะ แต่เราเกลียดคนที่ชอบตัดสินคนอื่นจากเพศภายนอกไม่ใช่การกระทำ เราเกลียดคนที่เลือกปฏิบัติมากๆ

แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจว่า จะไม่เถียงอะไร จะไม่พยายามอธิบายอะไรดีกว่า เลยพิมพ์ตอบแม่ไปสั้นๆว่า 
"ขอโทษที่ทำให้เสียใจ จะไม่พาไปเจออีก" 

ช่วงนั้นเราแอบร้องไห้ทุกวันติดต่อกันเป็นเดือน เสียใจมากที่คนที่เรารักมากๆๆที่สุดในชีวิต เขาเป็นแบบนี้ คนที่เราทำทุกอย่างเพื่อเขา เขากลับทำกับเราแบบนี้
ตอนแรกเราไม่บอกแฟนเลย เพราะกลัวแฟนจะกังวลว่าตัวเองเป็นสาเหตุให้เรามีปัญหากับแม่ 
(ปี65) เราก็พยายามทำตัวตามปกติอยู่เป็นปีแต่มันเก็บกดมากๆ เพราะต่อให้คนทั้งโลกไม่ยอมรับเรากับแฟน ยังไม่เจ็บปวดเท่ากับคนที่เรารักมากๆที่สุดในชีวิตคนนึงไม่ยอมรับเราเลย เราเริ่มมีความคิดตีกันในหัว ระหว่างรักและเกลียด จนเริ่มส่งผลต่อสภาพจิตใจและอารมณ์ จากเป็นคนร่าเริงยิ้มเก่งกลายเป็นเศร้าซึม เก็บตัว ไม่อยากพบเจอใคร
จนเราต้องแอบไปปรึกษาจิตแพทย์ค่ะ
ท้ายที่สุดก็ได้คำตอบว่าเราต้องจัดการที่ตัวเองให้ได้ เราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ 

หลังจากนั้นเราก็ตัดสินใจบอกแฟน คุยกันอยู่นาน แฟนเราก็เข้าใจ ถ้าแม่เราไม่ชอบแฟนเรา ก็ต่างคนต่างอยู่ แล้วก็คิดว่าจะตั้งใจช่วยกันสร้างเนื้อสร้างตัว ทำธุรกิจ เผื่อวันนึงที่สำเร็จ แม่จะเปิดใจยอมรับแฟนเราบ้าง ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ 

(ปี66) เราก็พยายามจัดการตัวเอง ถ้าว่างแล้วมันคิดเยอะ พอคิดเยอะแล้วเป็นทุกข์ ก็เลือกทำให้ตัวเองไม่ว่าง ก็เลยทำงานหนักมากกก เพื่อให้ไม่มีเวลาคิดเรื่องที่เจ็บปวด เพราะต้องเอาเวลาไปคิดเรื่องงานแทน
(อาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีนะคะ แต่มันทำให้เราผ่านช่วงเวลานั้นมาได้)
เราก็พยายามใช้ชีวิตปกติ ไม่พูดถึงเรื่องแฟนให้แม่ฟัง และแม่ก็ไม่เคยถามไถ่ใดๆเช่นกัน วันไหนขับกลับมาจากกทม อยากแวะเอาของฝากไปฝากพ่อแม่ก่อนกลับตัวเมือง (บ้านเราเป็นทางผ่าน อยู่ก่อนถึงตัวเมือง30กิโล) เราก็ต้องแวะส่งให้แฟนนั่งรอที่ปั๊มหน้าปากซอย
เพราะแม่สั่งไว้ว่าอย่าพามาให้เจอหน้าอีก
เราก็ทำตาม ใช้ชีวิตลำบาก เราก็อดทนแล้ว แฟนก็อดทนกว่า
เราพยายามทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด ช่วยกันพิสูจน์ตัวเอง จนคิดว่าสภาพจิตใจเราน่าจะดีขึ้นและปล่อยวางได้แล้ว ธุรกิจก็เติบโตเรื่อยๆ 
แต่พอกลางปีที่แล้ว(ปี67) น้องชายเราพาแฟน(ผญ) มาบ้าน แม่ให้การต้อนรับดีมากๆ พูดคุยดี ทำอาหารให้กิน และยินดีเดินทางไปเจอพ่อแม่ของแฟนน้องชายเราด้วย ซึ่งเราก็ยินดีมากๆเพราะแฟนน้องก็นิสัยดีและน่ารักกับทุกคน
แต่พอเรากลับมาอยู่กับตัวเอง มันเกิดความรู้สึกน้อยใจมาก ๆ ที่แม่เลือกปฏิบัติกับแฟนของลูกทั้ง2คนของแม่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว 
จริงๆเหตุการณ์ที่แม่ทำกับเราและแฟนมันก็ผ่านไป3-4ปีแล้ว พอเจอการเลือกปฏิบัติแบบนี้ สุดท้ายที่คิดว่าเวลาที่ผ่านมาจะเยียวยาให้ตัวเองดีขึ้นแล้ว มันไม่ใช่เลย 
เราเจ็บปวดมาก ๆ 
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ นอกจากพยายามปล่อยวางกับอดีต แล้วกลับมามีสติอยู่กับปัจจุบันให้ได้เร็วที่สุด ก็ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้างค่ะ 
เพราะตอนเวลางานยุ่ง มันบังคับให้เราอยู่กับปัจจุบันเองโดยไม่ต้องพยายามอะไรมาก
แต่พอช่วงที่ไม่ได้ทำงาน ก็ต้องพยายามหนักอยู่เหมือนกันที่จะดึงอารมณ์ไม่ให้ดิ่งลงไปอีก 

จนตอนนี้(ปี68)เรากับแฟนพยายามกันมาจนธุรกิจประสบความสำเร็จระดับนึง ซึ่งเราก็คอยอัพเดทโพสต์ลงเฟสบุคธุรกิจเป็นระยะให้แม่ได้เห็น ว่าทุกๆก้าวของความสำเร็จ มีแฟนเราคอยซัพพอร์ตเสมอ
(เพจธุรกิจของเรา แม่กดไลค์แทบทุกโพสต์ที่อัพเดทกิจกรรมต่างๆ ยกเว้นโพสต์ที่มีรูปแฟนเรา แม่จะไม่กด)
และล่าสุดมีสมรสเท่าเทียมผ่านแล้ว แล้วเราก็อายุ32แล้ว (แฟนเรา34) ก็อยากจะแต่งงานกัน 

วันนึงตอนกินข้าวเย็นที่บ้านเรา แม่พูดเปรยๆว่าอยากให้น้องชายกับแฟนแต่งงานกันปีหน้าเลย 
คุยเรื่องงานแต่งน้องชายจบ
นี่เป็นบทสนทนาของเรากับแม่เกิดขึ้นค่ะ
เรา : แล้วถ้าหนูแต่งงานบ้างแม่จะว่าไง
แม่ : แต่งกับใคร
เรา : (พูดชื่อแฟนเรา)
แม่ : ...เงียบนาน...
เรา : ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมรับอีกเหรอ
แม่ : ยัง
เรา : แล้วเมื่อไหร่แม่จะยอมรับ 
แม่ : ...เงียบ...
เรา : ให้หนูตายก่อนเหรอแล้วค่อยยอมรับ
(อันนี้ยอมรับว่าพูดค่อนข้างแรง แต่ตอนนั้นมันเจ็บปวดในใจมาก)
แม่ : มันไม่เกี่ยวกับความตาย แค่แม่ยอมรับไม่ได้
เรา : คือชาตินี้ทั้งชาติก็จะไม่ยอมรับเลยใช่ไหม
แม่ : ใช่
เรา : กลัวคนอื่นมองเข้ามาแล้วดูไม่ดีเหรอ (ที่ลูกแต่งงานกับผู้หญิงด้วยกัน)
แม่ : ป่าว ไม่เกี่ยวกับคนอื่น แค่แม่ยอมรับไม่ได้
เราเงียบไปแปปนึง น้ำตาเริ่มไหล
แต่พยายามฮึบไว้แล้วพูดต่อ
เรา : หนูขอโทษนะที่ทำให้แม่ผิดหวัง
แม่ : ก็ไม่ได้ผิดหวังอะไร น้องก็เป็นลูกที่ดี ทำหน้าที่ลูกได้ดี แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว
ส่วนเรื่องอื่น ถ้ามีความสุขแบบไหนก็ทำไป แม่ก็ไม่ได้ห้าม สมัยนี้โลกเขาก็เปิดกว้างกันหมดแล้ว แค่แม่ยอมรับไม่ได้
เรา : ทำไมรับไม่ได้อ่ะ ทิฐิสูงเหรอ
แม่ : ไม่ได้เกี่ยวกับทิฐิ แค่แม่รับไม่ได้
เรา : สรุปคือถ้าหนูแต่งงาน แม่ก็จะไม่ไปใช่มั้ย
แม่ : ใช่ 
เรา : มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอ
แม่ : ...เงียบ... 

จบบทสนทนา น้ำตาเราก็ไหลพรากเลย
เราก็เลยรีบขอตัวออกมาก่อน 

เจ็บปวดมาก ๆ ค่ะ เรารักแม่มาก ๆ 
เราแค่อยากให้แม่ยอมรับแฟนเรา
เหมือนที่ยอมรับแฟนน้องชาย แค่นั้นเอง 
ไม่ได้ขออะไรพิเศษมากมายเลย ขอแค่ทำเหมือนที่ทำกับคนอื่น หรือที่เคยทำกับคู่อื่นๆ
หลายปีก่อนก็เคยมีหลานแม่ที่เขาเป็นทอมและมีแฟนเป็นผู้หญิง มาขอให้แม่ผูกข้อไม้ข้อมือ แม่ก็ผูกและอวยพรให้
คำอวยพรแค่ประโยคเดียวว่า "ขอให้ครองคู่ รักและดูแลกันและกันไปจนแก่เฒ่า"
แม่อวยพรให้ทุกคู่ที่แม่ไปร่วมงานแต่งได้
แต่แม่อวยพรให้ลูกสาวตัวเองไม่ได้

การคบกันที่เพศสภาพให้ตรงตามแบบที่แม่ต้องการเท่านั้น คงสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดสำหรับแม่
และคงสำคัญกว่าความรู้สึกและสภาพจิตใจของลูกคนนี้ด้วยซ้ำ  

แต่เรารู้ว่าแม่ก็คงพยายามแล้วเหมือนกัน 
5ปีแล้วถ้ารับไม่ได้ก็คือรับไม่ได้ คำตอบในครั้งนี้ชัดเจนมากโดยไม่ต้องมีความหวังใด ๆ อีกแล้ว  

ตั้งแต่เหตุการณ์นั้น สภาพจิตใจเราเริ่มย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ เศร้า น้อยใจ เสียใจ เจ็บปวด ไม่มีความสุข เหมือนแม่ไม่ได้สนใจความรู้สึกเราเลย นี่คือความรักที่แม่มีต่อลูกจริงๆเหรอ 

รบกวนขอกำลังใจด้วยนะคะ ตอนนี้ดิ่งมากๆ
หรือถ้าท่านใดมีประสบการณ์ด้านนี้ รบกวนขอแนวทางการจัดการกับความรู้สึกหน่อยนะคะ 
ถ้าไม่ดีขึ้นคงต้องไปปรึกษาจิตแพทย์อีกรอบ
ขอบคุณทุก ๆ คนล่วงหน้าค่ะ 🙏
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่