แจก 10,000 เฟส 3 ได้เงิน พ.ค. 68 แบ่งจ่ายอายุ 16-20 ปีรับกลุ่มแรก

ชง “แพทองธาร” ประธานบอร์ด แจกเงิน 10,000 บาท เฟส 3 อีก 15 ล้านคน เผยกลุ่มคนอายุ 16-20 ได้เป็นกลุ่มแรก คาดเริ่มใช้จ่าย พ.ค. 68 รมว.คลัง-รมว.ดีอี ประสานเสียง ทดสอบระบบเพย์เมนต์เชื่อมธนาคารพาณิชย์ มี.ค.เป็นต้นไป เปิดช่องใช้เงินง่ายขึ้น ร้านค้าไม่ต้องอยู่ในระบบภาษีก็ถอนเงินสดได้ จูงใจรายย่อยเข้าระบบกระตุ้นเศรษฐกิจ เผยฐานะบริษัทบลูบิคเบื้องหลังแอปทางรัฐ ผู้ชนะประมูลระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท หรือโครงการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเลต เฟส 3 ซึ่งเป็นการแจกเงินให้กลุ่มที่มีอายุ 16-59 ปี ที่ไม่ติดเงื่อนไขการครอบครองทรัพย์สิน และมีรายได้ตามเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนด ประมาณ 15 ล้านคน คาดว่าจะใช้เม็ดเงินงบประมาณ 1.5 แสนล้านบาท รัฐบาลจะเริ่มแจกในช่วงปลายไตรมาส 2/2568 หรืออย่างเร็วที่สุดคือเดือนพฤษภาคม เป็นต้นไป ในระหว่างนี้กระทรวงการคลัง และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA เตรียมทดสอบระบบเพย์เมนต์ (ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์) เชื่อมกับระบบของธนาคารพาณิชย์ คาดว่าจะเริ่มทดสอบทั้งระบบในเดือนมีนาคม

แจกกลุ่มแรก 16-20 ปี อมยิ้ม04
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การแจกเงินดิจิทัลวอลเลต เฟส 3 สำหรับกลุ่มอายุ 16-59 ปี ขณะนี้คณะอนุกรรมการอยู่ระหว่างการพิจารณาผ่อนปรนเงื่อนไขรายละเอียดบางอย่างเพื่อให้การใช้จ่ายสะดวก รวมทั้งในส่วนของการให้นำวงเงินจากดิจิทัลวอลเลตออกมาใช้ได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่กำหนดให้ร้านค้าถอนเงินสดได้ ต้องอยู่ในระบบภาษีเท่านั้น ก็หารือที่จะปลดล็อกให้ร้านค้าที่ไม่อยู่ในระบบภาษีสามารถถอนเงินออกได้ ก็เป็นการจูงใจร้านค้ารายย่อยให้ได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบนี้ด้วย

สำหรับไทม์ไลน์การแจกเงิน คาดว่าจะเป็นช่วงเดือนพฤษภาคม 2568 เนื่องจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินต่าง ๆ จะต้องเชื่อมต่อระบบ Open Loop กับระบบเพย์เมนต์ที่ทาง DGA เป็นผู้รับผิดชอบ และต้องมีการทดสอบเพื่อให้มั่นใจระบบเติมเงินและชำระเงินทำให้อย่างมีเสถียรภาพพร้อมใช้งานต่อเนื่อง และมีมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อปิดความเสี่ยงเพราะเป็นระบบที่เชื่อมต่อด้านการเงิน

อย่างไรก็ดี เนื่องจากระบบเพย์เมนต์ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นระบบใหม่ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและไม่ให้เกิดปัญหาระบบล่ม ในกรณีมีคนจำนวนมากเข้าไปใช้ง่าย คณะอนุกรรมการจึงมีการหารือกันว่าการแจกเงินดิจิทัลวอลเลตเฟส 3 กลุ่มอายุ 16-59 ปี ซึ่งมีอยู่กว่า 15 ล้านคน ใช้งบประมาณ 1.5 แสนล้านบาท การแจกจะมีการแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ โดยกลุ่มแรกที่จะได้รับเงินเป็นกลุ่มอายุ 16-20 ปี

เปิดไทม์ไลน์จ่าย 10,000 เฟส 3
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วงปลายเดือน ก.พ. 68 หรือช่วงต้นเดือน มี.ค. 68 คาดว่าจะนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต เฟส 3 สำหรับบุคคลทั่วไปที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ”

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ระบุว่าการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 เฟส 3 จะเหลืออีกประมาณ 15 ล้านคน กลุ่มอายุ 16-59 ปี ที่ไม่ติดเงื่อนไขทรัพย์สิน และรายได้ตามเกณฑ์ รัฐบาลยืนยันว่าเตรียมการไว้แล้ว โดยยืนยันคำเดิมคือแจกในไตรมาส 2 ปี 2568 คือในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย.นี้ได้เงินแน่นอน

ส่วนในเรื่องการทำระบบ Open Loop กับสถาบันการเงิน ตอนนี้ระบบเสร็จสิ้นหมด ซึ่งอยู่ในช่วงทดลองระบบ คาดว่าจะใช้เวลาทดลอง 1 เดือน เพื่อให้ระบบรัดกุม ขณะที่กลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนยังเดินหน้าต่อเปิดลงทะเบียนแน่นอน และกำลังหาวิธีอยู่ ยืนยันว่ากลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนจะได้รับเงิน 10,000 บาทอย่างแน่นอน

สอดคล้องกับความเห็นของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ระบุว่าระบบเพย์เมนต์ไม่มีปัญหา น่าจะจบแล้ว มีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยได้ผู้ชนะในการเสนอราคาพัฒนาระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าบริษัทที่ชนะจะส่งมอบงานในปลายเดือน ก.พ. จะมีการทดลองระบบในเดือน มี.ค.

ปรับเงื่อนไขใช้จ่ายง่ายขึ้น
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ระหว่างพิจารณาผ่อนปรนให้ร้านค้าและประชาชนสามารถใช้ดิจิทัลวอลเลตได้ง่ายขึ้น เช่น ในมิติของร้านค้าจะผ่อนปรนให้นำวงเงินจากดิจิทัลวอลเลตออกมาใช้ได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่กำหนดให้ร้านค้าถอนเงินสดได้ เมื่อมีการใช้จ่ายตั้งแต่ในรอบที่ 2 เป็นต้นไป และร้านค้าที่ถอนเงินสดได้ต้องอยู่ในระบบภาษีเท่านั้น

ขณะที่ในด้านประชาชนนั้น จะปรับเงื่อนไขให้ใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการปรับเงื่อนไขให้ประชาชนใช้จ่ายเป็นเงินสดได้ ยืนยันว่ารูปแบบการใช้จ่ายยังเป็นการใช้ในระบบดิจิทัลวอลเลต ขณะที่เรื่องเงื่อนไขการจำกัดใช้จ่ายเฉพาะพื้นที่อำเภอตามทะเบียนบ้านนั้น รอข้อสรุปจากคณะกรรมการ แต่มีแนวโน้มที่จะใช้เป็นพื้นที่เหมือนเดิม

“บลูบิค” ชนะระบบเพย์เมนต์ 
สำหรับบริษัทที่ชนะการเสนอราคา ระบบแพลตฟอร์มการชำระเงิน หรือ Payment Platform คือ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยผ่านการคัดเลือกจากสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้พัฒนาแพลตฟอร์มแอปทางรัฐ ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการลงทะเบียนในโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเลต

สำหรับบริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ได้คะแนนด้านคุณภาพมากที่สุด โดยเสนอราคาวงเงิน 90 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่น ค่าขนส่ง ค่าจดทะเบียน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทั้งหมด

ตัวแทนของบริษัท บลูบิค ยืนยันว่า การพัฒนาระบบ Payment Platform จะเร่งดำเนินการได้ตามเวลาที่รัฐบาลกำหนด
ก่อนหน้านี้ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้รับงานเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม “ทางรัฐ” ซึ่งเป็นซูเปอร์แอปของภาครัฐ เพื่อรองรับการให้บริการประชาชน และการ “ลงทะเบียน” ข้อมูลประชาชนและร้านค้า ซึ่งการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลกลาง เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชน โดย DGA เป็นผู้จัดจ้าง ส่วนการพัฒนาระบบลงทะเบียนร้านค้าผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลกลาง เป็นบริษัท เด็พธเฟิร์สท จำกัด (Depth First) เป็นผู้พัฒนา

สำหรับบริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ประกอบธุรกิจที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ และการจัดการนวัตกรรมและเทคโนโลยี และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งด้านธุรกิจและด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในการสร้างสรรค์และนำเสนอบริการ เพื่อให้คำแนะนำและความช่วยเหลือแก่ลูกค้าในการเตรียมความพร้อมทางธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล

ปัจจุบันแบ่งประเภทการให้บริการตามลักษณะการประกอบธุรกิจ ได้เป็น 5 ประเภท ได้แก่ การให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการ การบริหารโครงการเชิงยุทธศาสตร์ การพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลชั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ และการจัดหาและบริหารบุคลากรชั่วคราว ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
ผลประกอบการ 9 เดือนของปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2567 รายได้อยู่ที่ 1,097.53 ล้านบาท กําไรสุทธิ 205.49 ล้าน... 

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1755242


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่