ตามหัวข้อครับ มันอาจจะเป็นทฤษฎีสมคบคิดนิดๆ
แต่เหตุผลที่ผู้จัดการทีมบางคนเลือกที่จะไม่ปั้นผู้เล่นบางคน
ทั้งที่ฝีเท้าทั้งสื่อไทย สื่อนอก อวยกันเต็มไปหมดว่า นักฟุตบอลคนนี้เขาเป็น Wonder Kids
มีโอกาสพัฒนาไประดับ Super Star ฝีเท้า World Class ในอนาคต
ผมยกตัวอย่างง่ายๆ กรณีที่เห็นได้ชัดเจน คือ มาติน โอเดการ์ด
ตอนที่มาดริดแย่งซื้อผู้เล่นคนนี้ได้สำเร็จ ทุกสำนักที่เคยเห็นฝีเท้าเด็กคนนี้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อนาคตเก่งแน่นอน
แต่ซีดานเลือกที่จะไม่ผลักดันเด็กคนนี้ขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีม
นั่นก็เพราะว่า ซีดานเองก็เป็นอดีตนักฟุตบอลเรอัลมาดริดชุดกาลาติกอส
ถึงจะอยู่ค้าแข้งไม่นานมาก 6 ฤดูกาล แต่ถ้าพูดถึงชุดรวมดาราโลกยังไงซีดานก็ต้องอยู่หนึ่งในนั้น
ซีดาน เองก็คงเห็นแววว่า โอเดการ์ด โตขึ้นก็น่าจะเป็นกองกลางตัวรุกฝีเท้าระดับโลกแน่นอน
และถ้าผลักดันให้ขึ้นสู่ชุดใหญ่ประสบความสำเร็จและฝีเท้าเก่งกว่าตัวเองเป็นตำนานจริง
แสงจะไปหาโอเดการ์ด คนก็จะลืมตัวเอง
เลยเลือกที่จะไม่ปั้นดีกว่าให้เด็กมันหมดอนาคต เพื่อที่ว่าตัวเองจะได้ชื่อว่าตำนานสโมสรเรอัล มาดริด
และเป็นกองกลางตัวรุก บทบาท Playmaker ที่เก่งที่สุดในโลกยังคงอยู่ต่อไป
.
หรืออีกตัวอย่างเร็วๆ นี้ เจ้าหนู ไมล์ ลูอิส สเคลลี่ ที่เพิ่งทำผลงานโดดเด่นในนัดชนะแมนซิตี้ 5-1
เด็กปั้นในอคาเดมี่ของอาร์เซน่อล ที่เด่นในตำแหน่งกองกลาง
แต่ แจ็ค วิลเชียร์ ที่เป็นโค้ชทีมเยาวชนอาร์เซน่อลในเวลานั้นกลับผลักดันให้ไปเป็นแบ็คซ้าย
เพราะ กลัวว่าเด็กมันจะได้ดีกว่าตัวเองสมัยเป็นนักเตะก็เจ็บออดๆ แอดๆ
เกิดได้ดีในตำแหน่งกองกลาง แฟนบอลจะลืมว่าเคยมีกองกลางเด็กปั้นสโมสรฝีเท้าดีชื่อ แจ็ค วิลเชียร์
เลยทำการดัดแปลงตำแหน่งที่เล่นให้ไปอยู่เป็นแบ็คซ้ายแทน
อันนี้คือสองตัวอย่าง ทฤษฎีสมคบคิด
ผู้จัดการทีมหรือโค้ช กลัวนักเตะได้ดีกว่าตัวเองสมัยเป็นนักเตะเลยไม่ปั้นต่อหรือให้ไปเล่นตำแหน่งอื่นเพื่อให้คนยังจดจำตัวเองได้ต่อไป
คิดว่าเป็นไปได้มั้ย ผจก ทีมบางคนกลัวนักเตะได้ดีกว่าตัวเองสมัยเป็นนักเตะเลยเลือกจะไม่ปั้น
แต่เหตุผลที่ผู้จัดการทีมบางคนเลือกที่จะไม่ปั้นผู้เล่นบางคน
ทั้งที่ฝีเท้าทั้งสื่อไทย สื่อนอก อวยกันเต็มไปหมดว่า นักฟุตบอลคนนี้เขาเป็น Wonder Kids
มีโอกาสพัฒนาไประดับ Super Star ฝีเท้า World Class ในอนาคต
ผมยกตัวอย่างง่ายๆ กรณีที่เห็นได้ชัดเจน คือ มาติน โอเดการ์ด
ตอนที่มาดริดแย่งซื้อผู้เล่นคนนี้ได้สำเร็จ ทุกสำนักที่เคยเห็นฝีเท้าเด็กคนนี้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อนาคตเก่งแน่นอน
แต่ซีดานเลือกที่จะไม่ผลักดันเด็กคนนี้ขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีม
นั่นก็เพราะว่า ซีดานเองก็เป็นอดีตนักฟุตบอลเรอัลมาดริดชุดกาลาติกอส
ถึงจะอยู่ค้าแข้งไม่นานมาก 6 ฤดูกาล แต่ถ้าพูดถึงชุดรวมดาราโลกยังไงซีดานก็ต้องอยู่หนึ่งในนั้น
ซีดาน เองก็คงเห็นแววว่า โอเดการ์ด โตขึ้นก็น่าจะเป็นกองกลางตัวรุกฝีเท้าระดับโลกแน่นอน
และถ้าผลักดันให้ขึ้นสู่ชุดใหญ่ประสบความสำเร็จและฝีเท้าเก่งกว่าตัวเองเป็นตำนานจริง
แสงจะไปหาโอเดการ์ด คนก็จะลืมตัวเอง
เลยเลือกที่จะไม่ปั้นดีกว่าให้เด็กมันหมดอนาคต เพื่อที่ว่าตัวเองจะได้ชื่อว่าตำนานสโมสรเรอัล มาดริด
และเป็นกองกลางตัวรุก บทบาท Playmaker ที่เก่งที่สุดในโลกยังคงอยู่ต่อไป
.
หรืออีกตัวอย่างเร็วๆ นี้ เจ้าหนู ไมล์ ลูอิส สเคลลี่ ที่เพิ่งทำผลงานโดดเด่นในนัดชนะแมนซิตี้ 5-1
เด็กปั้นในอคาเดมี่ของอาร์เซน่อล ที่เด่นในตำแหน่งกองกลาง
แต่ แจ็ค วิลเชียร์ ที่เป็นโค้ชทีมเยาวชนอาร์เซน่อลในเวลานั้นกลับผลักดันให้ไปเป็นแบ็คซ้าย
เพราะ กลัวว่าเด็กมันจะได้ดีกว่าตัวเองสมัยเป็นนักเตะก็เจ็บออดๆ แอดๆ
เกิดได้ดีในตำแหน่งกองกลาง แฟนบอลจะลืมว่าเคยมีกองกลางเด็กปั้นสโมสรฝีเท้าดีชื่อ แจ็ค วิลเชียร์
เลยทำการดัดแปลงตำแหน่งที่เล่นให้ไปอยู่เป็นแบ็คซ้ายแทน
อันนี้คือสองตัวอย่าง ทฤษฎีสมคบคิด
ผู้จัดการทีมหรือโค้ช กลัวนักเตะได้ดีกว่าตัวเองสมัยเป็นนักเตะเลยไม่ปั้นต่อหรือให้ไปเล่นตำแหน่งอื่นเพื่อให้คนยังจดจำตัวเองได้ต่อไป