ตะลึง! สำรวจวัยรุ่นจตุจักร ถาม “ต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงเรียกว่ารวย?” คำตอบทำเพื่อนอึ้ง
ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นและค่ากาแฟแก้วละร้อยกลายเป็นเรื่องปกติ คำถามที่ว่า “ต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่ารวย?” กลายเป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ล่าสุดมีการสำรวจความคิดเห็นของวัยรุ่นในย่านจตุจักรเกี่ยวกับเรื่องนี้ และคำตอบที่ได้ทำเอาหลายคนต้องตะลึง
หลักสิบล้านคือคำตอบยอดฮิต แต่อีกกลุ่มบอกแค่แสนสองก็พอ
จากการสอบถามวัยรุ่นในจตุจักร ส่วนใหญ่ตอบว่า “ต้องมีเงินหลักสิบล้าน” ถึงจะถือว่ารวยในยุคนี้ บ้างก็บอกว่า 10 ล้านพออยู่ได้ แต่ถ้าจะใช้ชีวิตแบบสบายใจต้องมี 30-50 ล้านขึ้นไป เพราะค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อย ๆ และหากต้องการมีบ้านในกรุงเทพฯ เงินหลักสิบล้านก็แทบไม่พอ
อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มเล็ก ๆ ที่ให้คำตอบว่า “แค่แสนสองก็พอ” ซึ่งทำให้เพื่อน ๆ ที่ยืนฟังถึงกับมองแรง บางคนแซวว่า “เดี๋ยวให้ไปใช้เองก็ได้ จะได้รู้ว่าอยู่ไม่รอด!” เพราะแค่ค่าหอ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายจิปาถะในกรุงเทพฯ ก็แทบหมดแล้ว
วัยรุ่นกรุงเทพฯ มีเงินเก็บเฉลี่ยตกหัวละ 5 แสนบาท
จากข้อมูลที่รวบรวมได้ วัยรุ่นไทยในกรุงเทพฯ โดยเฉลี่ยมีเงินเก็บอยู่ที่ 500,000 บาทต่อคน ซึ่งฟังดูไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับค่าครองชีพและอนาคตทางการเงิน หลายคนยังมองว่าตัวเอง “ยังไม่รวย” และต้องพยายามเก็บเงินให้มากขึ้น
บางคนตั้งเป้าหมายเก็บเงิน อย่างน้อย 1-3 ล้านบาท เพื่อความมั่นคง ขณะที่บางคนมองว่าแค่มี รายได้ที่มั่นคง และสามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ก็เพียงพอแล้ว
รวยแค่ไหนถึงจะพอ? ค่านิยมยุคใหม่กับการนิยามความรวย
เมื่อถามต่อว่า “รวยแค่ไหนถึงจะพอ?” คำตอบแตกต่างกันไปตามมุมมองของแต่ละคน
• บางคนบอกว่า “รวยคือมีอิสระ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน” ไม่จำเป็นต้องมีร้อยล้าน แต่ต้องมีรายได้ที่ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบาย
• บางคนมองว่า “ต้องมีบ้าน มีรถ มีเงินเก็บ” ถึงจะถือว่ารวยจริง ๆ
• ส่วนบางคนเชื่อว่า “รวยไม่ใช่แค่เงิน แต่คือความสุขและความมั่นคง”
วัยรุ่นไทยในกรุงเทพฯ มองว่า “ความรวย” ไม่ได้มีนิยามตายตัว สำหรับคนส่วนใหญ่ ต้องมี หลักสิบล้าน ถึงจะรู้สึกว่าตัวเองรวย แต่ก็มีบางคนที่มองว่า เงินหลักแสนก็พอ แม้จะโดนเพื่อนมองแรงก็ตาม
สุดท้ายแล้ว คำว่า “รวย” อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และความพอใจของแต่ละคน ว่าแต่…สำหรับคุณ ต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่ารวย?
ตะลึง! สำรวจวัยรุ่นจตุจักร ถาม “ต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงเรียกว่ารวย?” คำตอบทำเพื่อนอึ้ง
ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นและค่ากาแฟแก้วละร้อยกลายเป็นเรื่องปกติ คำถามที่ว่า “ต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่ารวย?” กลายเป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ล่าสุดมีการสำรวจความคิดเห็นของวัยรุ่นในย่านจตุจักรเกี่ยวกับเรื่องนี้ และคำตอบที่ได้ทำเอาหลายคนต้องตะลึง
หลักสิบล้านคือคำตอบยอดฮิต แต่อีกกลุ่มบอกแค่แสนสองก็พอ
จากการสอบถามวัยรุ่นในจตุจักร ส่วนใหญ่ตอบว่า “ต้องมีเงินหลักสิบล้าน” ถึงจะถือว่ารวยในยุคนี้ บ้างก็บอกว่า 10 ล้านพออยู่ได้ แต่ถ้าจะใช้ชีวิตแบบสบายใจต้องมี 30-50 ล้านขึ้นไป เพราะค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อย ๆ และหากต้องการมีบ้านในกรุงเทพฯ เงินหลักสิบล้านก็แทบไม่พอ
อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มเล็ก ๆ ที่ให้คำตอบว่า “แค่แสนสองก็พอ” ซึ่งทำให้เพื่อน ๆ ที่ยืนฟังถึงกับมองแรง บางคนแซวว่า “เดี๋ยวให้ไปใช้เองก็ได้ จะได้รู้ว่าอยู่ไม่รอด!” เพราะแค่ค่าหอ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายจิปาถะในกรุงเทพฯ ก็แทบหมดแล้ว
วัยรุ่นกรุงเทพฯ มีเงินเก็บเฉลี่ยตกหัวละ 5 แสนบาท
จากข้อมูลที่รวบรวมได้ วัยรุ่นไทยในกรุงเทพฯ โดยเฉลี่ยมีเงินเก็บอยู่ที่ 500,000 บาทต่อคน ซึ่งฟังดูไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับค่าครองชีพและอนาคตทางการเงิน หลายคนยังมองว่าตัวเอง “ยังไม่รวย” และต้องพยายามเก็บเงินให้มากขึ้น
บางคนตั้งเป้าหมายเก็บเงิน อย่างน้อย 1-3 ล้านบาท เพื่อความมั่นคง ขณะที่บางคนมองว่าแค่มี รายได้ที่มั่นคง และสามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ก็เพียงพอแล้ว
รวยแค่ไหนถึงจะพอ? ค่านิยมยุคใหม่กับการนิยามความรวย
เมื่อถามต่อว่า “รวยแค่ไหนถึงจะพอ?” คำตอบแตกต่างกันไปตามมุมมองของแต่ละคน
• บางคนบอกว่า “รวยคือมีอิสระ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน” ไม่จำเป็นต้องมีร้อยล้าน แต่ต้องมีรายได้ที่ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบาย
• บางคนมองว่า “ต้องมีบ้าน มีรถ มีเงินเก็บ” ถึงจะถือว่ารวยจริง ๆ
• ส่วนบางคนเชื่อว่า “รวยไม่ใช่แค่เงิน แต่คือความสุขและความมั่นคง”
วัยรุ่นไทยในกรุงเทพฯ มองว่า “ความรวย” ไม่ได้มีนิยามตายตัว สำหรับคนส่วนใหญ่ ต้องมี หลักสิบล้าน ถึงจะรู้สึกว่าตัวเองรวย แต่ก็มีบางคนที่มองว่า เงินหลักแสนก็พอ แม้จะโดนเพื่อนมองแรงก็ตาม
สุดท้ายแล้ว คำว่า “รวย” อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และความพอใจของแต่ละคน ว่าแต่…สำหรับคุณ ต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่ารวย?