เหตุผลที่กำลังซื้อลดลง

กระทู้สนทนา
พอจะมีคำตอบได้ในคลิปนี้
ไม่แปลกที่เราจะเห็นมีทำคอนเทนท์ เด็กๆจบใหม่บอกว่า อยากได้เงิน 3 5 10 หมื่นบ้าง
เพราะลำพัง 1.5 หมื่นตอนนี้ในกทม. มันแทบไม่เหลืออะไรเลยจริงๆ เหมือนทำงานฟรีแลกกับค่าข้าวต่อชีวิตไปวันๆเท่านั้นจริงๆ
https://www.facebook.com/reel/3429184370721932?fs=e&fs=e

แต่ในจุดของนายจ้างเอง การที่จะขึ้นค่าแรงให้ได้ ก็ยากเต็มกลืนบนสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ที่มีปัจจัยลบทั้งใน นอกประเทศ
มีนายทุนรายใหญ่คนนึงบอกให้ขึ้นค่าแรงเป็น 600 แล้วจะดีเอง เอิ่ม ถามว่า ดีกับใคร ดีกับเค้าที่อยู่ในธุรกิจที่ได้ประโยชน์กลุ่มเดียวอะเปล่า

ซึ่งถ้าเราเข้าใจในภาพเหล่านี้ มันก็คือนิยามของ stagflation ที่เราเห็นในสิ่งของใหญ่ๆอย่างภาคอสังหา
และตอนนี้มันก็ลามมาเรื่อยๆทีละกลุ่มธุรกิจ เช่น ค่ารักษาพยาบาล
(ตอนนี้รพ.ระดับกลาง คนใช้บริการลดลง คือถ้าไม่หนักจริงก็ไม่เข้า แม้แต่ยอดขายยาต่างๆเองก็เริ่มลดลง คือ จะซื้อยาตามร้านก็ยังไม่อยากซื้อ)
กลุ่มอาหารเองก็มีผลกระทบ เช่น mk ลดต้นทุนก็ยาก จะขึ้นราคาก็ไม่ได้เพราะฐานลูกค้าคือระดับกลางที่ได้รับผลกระทบ แถมมีตัวเลือกคู่แข่งอีกมาก
ไม่นับถึงเรื่องของการ disrupt จากเทคที่เข้ามาตีหนักขึ้นเรื่อยๆอีก
อย่างธุรกิจบันเทิง สื่อ นี่ก็ชัด social platform  มีละครสั้น ละครคุณธรรมมาแย่งงาน มี streaming subcribe รายเดือน
มูลค่าตลาดของหุ้นกลุ่มนี้หายไปเกินครึ่งทั้งนั้น

นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องจำนวนประขากรที่กำลังจะลดลงเรื่อยๆ และยากมากที่จะกลับเพิ่มขึ้นมาอีกนะ

ผมบอกได้แค่ว่า ด้วยภาพของบ้านเราตอนนี้ ต้องยอมรับกับการทรง กับทรุดไปอีกซักพัก
จนกว่าจะสร้างการศึกษาให้เด็กรุ่นใหม่ๆขึ้นมาที่เน้นไปทางด้าน stem เยอะๆ
เพื่อเพิ่มทักษะที่สร้างรายได้ต่อหัวมากกว่าตอนนี้ 2 เท่า เพราะจำนวนประชากรมันจะลดลงได้อีกเป็นครึ่งๆ
เราจึงต้องพยายามสร้างรายได้ต่อหัวของคนรุ่นต่อๆไปเพิ่มขึ้นมาทดแทนอย่างน้อยก็ต้อง 2 เท่า(แบบปรับด้วยเงินเฟ้อด้วยนะ)
ซึ่งมันไม่มีทางที่เราจะทำได้ถ้าเรายังมีทักษะแบบเดิมๆ คือ รับจ้างผลิต กับงานบริการ แบบนี้อยู่
ในภาคของเอกชนเองก็ต้องพัฒนาแบรนด์ สร้างนวัตกรรม ให้สอดคล้องกับทักษะคนที่เรากำลังจะผลิตเพิ่มขึ้น
เมื่องั้นต่อให้มีทักษะดีแต่ไม่มีงานรองรับ หรือมีงานแต่ก็โดนกดค่าจ้าง ค่าแรง
คนที่มีทักษะดีเหล่านั้นก็ไม่อยากทำงานด้วย สุดท้ายก็ไหลไปทำงานกับบ.ยักษ์ใหญ่ระดับโลกไปทำอยู่ตปท.หมด
แต่ถ้าเรายังทำไม่ได้อย่างที่ว่า เศรษฐกิจก็จะค่อยๆหดตัวไปเรื่อยๆ ตลาดหุ้นก็จะทรงๆทรุดๆ สะท้อนล้อตามกันไป
การเติบโตก็จะกระจุกอยู่แต่แค่เมืองใหญ่อยู่ใน cbd ที่มีกำลังซื้อสูง ส่วนทำเลอื่นๆก็จะทรงๆทรุดๆไปตามสภาพ
ขนาดแค่เรื่องของสถานบันเทิงที่มีคาสิโน ยังไม่คิดจะพยายามออกกฎให้ไปตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในจุดที่ไม่เจริญเลย
ยังจะให้มาสร้างแถวคลองเตย ที่ในเมืองมันก็กระจุกตัวจนแทบจะระเบิดอยู่ละ ชาติหน้าก็อย่าหวังว่า pm 2.5 ในเมืองจะลดลงได้เลย
อยากให้เศรษฐกิจตจว. ทำเลที่ยังไม่พัฒนาเจริญเพิ่มขึ้นมาได้ ก็ต้องกล้าที่จะสร้างความเจริญเข้าไปในจุดนั้น
นี้ก็เป็นโอกาสที่ดีพอจะทำได้ แต่ก็ยังไม่ทำ ยังคงเล่นแต่โจทย์ง่ายๆไม่กล้าเสี่ยง
ทั้งที่ต้องแลกกับเรื่องการพนันทั้งที เราก็ยังไม่คิดถึงความยั่งยืนในระยะยาวเลย

เอวัง ทรงๆทรุดๆกันไปแบบนี้แหละฮะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่