ผมเป็นนักศึกษาจากวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เลือกเรียนระบบทวิภาคี(ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย)เลยต้องออกมาฝึกงานที่ต่างจังหวัดเนื่องจากบริษัทที่มาฝึกงานมีรุ่นพี่จากปีมี่แล้วเคยฝึกมาก่อนแล้วไม่ได้ศึกษาเรื่องที่พักใกล้ที่ฝึกงานเลยถามจากรุ่นพี่ปีที่แล้วว่าเขาพักกันที่ไหน ก็เลยมาลงเอยที่นี่ครับ(ฝึกงานมีกัน4คนนะครับพวกพี่เขาอยู่ด้วยกันทั้ง4คน แต่พวกผมอยู่แยกกันตัวผมเองเลือกอยู่กับเพื่อนหนึ่งคนในนั้นครับ) ตัวผมเองออกฝึกประมาณกลางเดือน มีนาคมของปี67ครับ

หลังจากเลือกที่นี่แล้วก็ได้ติดต่อคุยกับเจ้าของที่พักรายละเอียดดังนี้ครับ ค่าห้องพัก2500/เดือน(ไม่มีอะไรในห้องเลยเป็นห้องเปล่าๆ) มีค่ามัดจำ5000บาทต่อห้องอยู่ครบ6เดือนแล้วออกถึงจะคืนค่ามัดจำให้ ค่าน้ำค่าไฟฟ้าแยกต่างหาก(ถูกบวกเพิ่มด้วยครับ)
(ผมเอะใจตั้งแต่จะคืนค่ามัดจำให้หลังจากอยู่ครบ6แล้วออกแล้วครับ ตามปกติที่เคยได้ยินมามากสุดก็4เดือนครับ แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะตัวผมเองฝึกงาน1ปีครับ)

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นครับผมเริ่มฝึกกลางเดือนมีนาคมซึ่งเป็นการอยู่ไม่เต็มเดือนก็คุยกับเพื่อนไว้แล้วว่าคงต้องจ่ายค่าห้องเต็มเดือนแต่ไม่ใช่ครับเจ้าของคิดแค่ครึ่งเดือน ตอนนั้นก็ดีใจมากครับคิดว่าชีวิตตอนฝึกงานมันคงสงบสุขไปเรื่อยๆจนฝึกจบเลยครับ 

แต่พอถึงช่วงที่ผมกำลังจะฝึกมันก็เริ่มมีเรื่องเกิดขึ้นครับ  3เดือนก่อนฝึกจบ ก็อกน้ำฝักบัวอาบน้ำที่ห้องผมแตกครับก็เลยแจ้งเจ้าของไปครับเขาก็ให้ช่างมาเปลี่ยนให้ครับเปลี่ยนเสร็จผมก็ถามช่างว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรมั้ย เขาตอบกลับมาว่ามันเสื่อมสภาพตามกาลเวลาไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มครับ เรื่องนี้มันอาจจะดูปกติครับ แต่ผมแค่อยากเกริ่นนำก่อนเล่าเรื่องที่เจอครับ

2เดือนก่อนฝึกจบ เดือนนี้ผมได้แจ้งเจ้าของว่าเดือนหน้าจะออกแล้วครับเขาก็รับทราบครับ แต่ตอนคิดค่าห้องค่าน้ำค่าไฟเจ้าของแจ้งผมมาว่ามิเตอร์น้ำห้องผมมันไม่หยุดครับทั้งๆที่ไม่ได้ใช้น้ำครับเขาบอกว่าเขาได้ปิดน้ำไว้ให้ก่อนครับผมก็รับทราบครับเพราะคิดว่าคงมีอะไรเสียสักอย่างแล้วเขาก็คงมาเปลื่ยนให้เหมือนเดือนที่แล้ว พอบิลค่าห้องมาทุกอย่างปกติหมดเลยครับยกเว้นค่าน้ำจากปกติผมจ่ายเดือนละ 100-200บาทครับ เดือนนี้โดนไป700ครับคงเป็นสาเหตุเดียวกันที่มิเตอร์น้ำไม่หยุดหมุนนั้นแหละครับตัวผมเองก็คิดว่าทำไมไม่ลดค่าน้ำให้สักหน่อย(ค่าน้ำจริงโดนบวกเพิ่มไปอยู่ครับ ลดค่าน้ำที่ผมคิดคือคิดค่าน้ำตามจริงไม่บวกเพิ่มครับ)
เพราะสาเหตุที่ค่าน้ำเพิ่มต้องเป็นอุปกรณ์ที่เสื่อมสภาพเหมือนรอบที่แล้ว แต่เพื่อนผมก็ได้บอกกับผมว่าอีกครึ่งเดือนเดียวก็ฝึกจบแล้วปล่อยไปเหอะ เพราะอีก1เดือนที่เหลือผมฝึกถึงแค่ครึ่งเดือนครับ

ครึ่งเดือนก่อนฝึกจบครับ ช่วงต้นเดือนเจ้าของได้แจ้งกับผมมาว่าค่าห้องเดือนนี้ขอคิดเต็มเดือนแล้วก็จะหักค่าห้องบวกค่าเสียให้ในห้องจากมัดจำไปเลยครับ ผมก็คิดตอนที่ผมเริ่มอยู่ทำไมคิดครึ่งเดือนได้แต่ตอนนี้ไม่คิดครึ่งเดือน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะครับเพราะกำลังจะฝึกจบแล้ว หลังจากนั้นผ่านมาจน 2วันสุดท้ายก่อนผมจะฝึกงานจบ เจ้าของได้ให้ช่างคนเดิมเลยครับเข้ามาดูสาเหตุที่มิเตอร์น้ำไม่หยุด แต่นี่มันผ่านมาเกือบครึ่งเดือนแล้วครับทั้งๆที่เขาแจ้งเรื่องมิเตอร์น้ำกับผมตั้งแต่ต้นเดือนแต่ก็อย่างว่าครับอีก2วันก็ฝึกจบแล้ว ช่างได้ตรวจเช็ค สาเหตุคือลูกลอยชักโครกเสียครับพอช่างแจ้งผมเสร็จเขาก็ขอตัวออกไปซื้อของใหม่มาเปลื่ยนให้ครับ ระหว่างที่ช่างออกไปเจ้าของได้แจ้งผมว่าค่าห้องเดือนสุดท้ายจะมีค่าลูกลอยชักโครกคิดไปด้วย800บาท ผมก็งงเลยครับอันนี้ไม่ใช่ของที่เสื่อมสภาพตามกาลเวลาเหมือนรอบที่ผมเกริ่นไปหรอ แล้วถ้ารู้ว่ามันมีอุปกรณ์เสียทำไมไม่เข้ามาดูให้ตั้งแต่ตอนที่แจ้งนี่ผมกำลังจะออกในอีก2วันถึงมาเข้ามาก็มีค่าใช้จ่ายเลย พอผมถามว่าแล้วถ้าไม่เปลื่ยนได้มั้ยเขาก็บอกผมว่าตอนเช็คห้องก่อนออกก็ต้องจ่ายอยู่ดี 

ท้ายนี้ผมอยากรู้ว่าที่ผมคิดกับเขานี่มันคือเรื่องปกติที่ต้องเจอหรือป่าวครับผมอคติกับเขาไปหรือป่าว
ตัวผมเองคิดว่าพอผมแจ้งกับเขาว่าจะออกเขาก็เริ่มให้ช่างเข้ามาเช็คเรื่องอุปกรณ์ที่เสีย กระตือรือร้นขึ้นมาทันทีเหมือนจะเคลียร์อุปกรณ์ที่เสียก่อนผมจะออกเลยทั้งๆที่เช็คแค่สภาพห้องภายนอกเรื่องลูกลอยเขาก็คงไม่รู้ แต่นี่ให้ช่างรีบมาหาสาเหตุก่อนผมจะออกจะได้ให้ผมจ่ายค่าอุปกรณ์ก่อนออกเลย  การที่ผมคิดแบบนี้มันผิดมั้ยครับ