ทริปนี้เป็นทริปท่องเที่ยวประจำปีของบริษัท สำหรับเราเป็นการไปต่างประเทศครั้งแรกกับบริษัทฯ ครั้งนี้จึงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เราไปกับบริษัท คิวอี ทัวร์ เดินทางตอนดึกของวันที่ 19 กค. 67 ตลอดทริปนี้จะมีที่ไหนบ้างไปชมกันเลย...


Day-2
ถึงสนามบินเซี่ยงไฮ้ ประมาณ 7 โมงครึ่ง เมื่อลงเครื่องแล้วเราจะต้องลงไปขึ้นรถไฟใต้ดิน เพื่อไปยังจุดตรวจที่อยู่อีกอาคารนึงค่ะ คนเยอะมากแต่ระบบการจัดการนั้นก็ทันสมัยพอสมควรค่ะ รอไม่นาน เราก็ผ่าน ตม. และออกมารอรับกระเป๋า จากนั้นก็ทำภารกิจส่วนตัวล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำก่อนเตรียมตัวออกเดินทางกันต่อ ซึ่งห้องน้ำที่สนามบินนั้นถือว่าโอเคนะ แต่กลิ่นยังไม่โอเคเท่าไรนะ เราขนสัมภาระขึ้นรถบัส และออกเดินทางไปเที่ยวนอกเมือง ที่เมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซู (เดินทางประมาณ 2.30 ชม.) พร้อมกับอาหารมื้อแรกบนรถ (แมคโดนัล+ไข่ต้ม) ระหว่างทางไกด์ท้องถิ่นก็จะบรรยายประวัติของเมืองตลอดเส้นทางอย่างเพลิดเพลิน (เหมือนมาทัศนศึกษาวัยเด็ก) 

เราวิ่งลอดใต้อุโมงค์ในเขื่อนเอกชน ซึ่งเป็นทางลัดใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อลดระยะเวลาในการเดินทางมีชื่อว่า “อุโมงค์ไท่หู” มีความยาว 10.79 กิโลเมตร (6.65 ไมล์) ถือเป็นอุโมงค์ทางหลวงใต้น้ำที่ยาวที่สุดในประเทศจีน หลังจากก่อสร้างมาเกือบสี่ปี ปัจจุบันเปิดให้รถยนต์สัญจรได้ (เสร็จหลังจากโควิดไม่นาน) อุโมงค์นี้จะทอดยาวใต้ทะเลสาบไท่หู ในมณฑลเจียงซู ทางตะวันออกของจีน ห่างจากเซี่ยงไฮ้ไปทางตะวันออกประมาณ 50 กิโลเมตร เรียกว่าพี่จีนนี่เค้าพัฒนาจริงๆ 
เราแวะรับประทานอาหารกลางวัน ชื่อร้านจำไม่ได้อะ (หลับ) เป็นอาหารสไตล์กวางตุ้ง เมนูแปลกยกให้ซุปใสเขียวๆ ผสมด้วยเนื้อปลาขาว ซึ่งเป็นปลาพื้นถิ่นของเมืองนี้ เป็นปลาที่ได้มาจากเขื่อนที่เราขับรถมานั่นแหละ เมนูนี้เรียกว่าไข่ตุ๋นสาหร่ายปลาขาว รสชาติมีความสะอาด เรียกว่าจืดแต่พอทานได้

จากนั้นเราก็เดินทางมา “วัดพระใหญ่หลิงซาน” ที่ตั้งอยู่ที่เมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซู สิ่งที่เห็นเด่นชัดของวัดนี้คือ “หลิงซานต้าฝอ” หรือ “พระใหญ่หลิงซาน” พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนและในโลกเป็นพระพุทธรูปปางยืนแบบสัมฤทธิ์กลางแจ้ง หนักกว่า 7,000 เมตริกตัน สร้างเสร็จเมื่อปลายปี ค.ศ.1996 ความสูงกว่า 88 เมตร (289 ฟุต) รวมฐานบัว 9 เมตร นิยมมาขอพรเพื่อความสิริมงคลและความสำเร็จในหน้าที่การงาน แคล้วคลาดปลอดภัย ภายในพระพุทธรูปยังมีพิพิธภัณฑ์ชีวประวัติด้วยนะ 

ที่นี่เค้ามีรถบริการนั่งชมสวนตามจุดต่างๆ รวมถึงร้านอาหารก็มีให้เลือกมากมาย ส่วนเราไม่กลัวร้อนก็เดินขึ้นบันไดไปชมพระใหญ่บริเวณด้านบน นอกจากนี้ ที่วัดยังมี “โชว์ระบำน้ำพุ” ให้ได้ชื่นชมอีกด้วย 

อากาศร้อนฉ่ำ ร้อนจนขี้เกลือขึ้นเสื้อ พวกเราจึงต้องเดินทางเข้าพักที่โรงแรมเพื่ออาบน้ำกันก่อน 

จากนั้นก็ไปร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะ รสชาติดีกว่ามื้อกลางวัน มีความเผ็ด เค็ม และมีเครื่องดื่มเย็นๆ ด้วยค่ะ

อิ่มแล้วก็ถึงเวลาพักผ่อนเดินเล่น ข้างโรงแรมมี OUTLET อยู่ มีสินค้าแบรนด์เนมมากมาย จ่ายเงินดิจิตอลกันแบบรัวๆ เลยค่ะ

Day-3
ทานอาหารเช้าและ Check out เพื่อเดินทางไปยังเมืองโจวจวง เมืองเล็กๆ ในมณฑลเจียงซู บ้านเรือนต่างๆ สร้างขึ้นริมน้ำมีสะพานหินรูปแบบต่างๆ เชื่อมร้านค้า ถนนหนทาง และบ้านเรือนอย่างพอเหมาะสะท้อนความเป็นอยู่ของคนจีนในสมัยโบราณที่ดูเรียบง่ายได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้โจวจวงจึงได้รับขนานนามว่าเป็น “เมืองแห่งสายน้ำ” ซึ่งก่อนจะข้าชมเราต้องซื้อตั๋วบริเวณหน้าทางเข้าก่อนค่ะ


เที่ยวชมหมู่บ้านโจวจวงแล้วก็เดินออกมา เพื่อไปยังร้านอาหารกลางวันร้านหนึ่ง เมนูแนะนำจะเป็นขาหมู ห่าน รสชาติดีสมคำร่ำรือ และบริเวณรอบๆ ก็มีร้านขายขาหมู ห่านย่าง หมูย่าง สามารถซื้อเป็นของฝากได้ เค้าจะใส่ถุงสูญญากาศไว้อย่างดี เมืองจีนมีขาหมูขึ้นชื่ออยู่หลายที่ ขาหมูเซี่ยงไฮ้ ขาหมูยูนาน ขาหมูหางโจวฯลฯ มีทั้งแบบแห้ง แบบเปียก แบบเค็ม แบบหวาน เสียงส่วนใหญ่บอกว่าขาหมูที่อร่อยที่สุดต้อง "ขาหมูโจวจวง"

จากเมืองโจวจวงประมาณ 2 ชั่วโมงก็จะถึงเมืองเซียงไฮ้ และที่ที่เราจะไปก็คือเซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ หรือ ช่างไห่ทาวเวอร์ ตึกระฟ้า สูง 128 ชั้น 632 เมตร (2,073 ฟุต) ตั้งอยู่ในย่าน Lujiazui, Pudong, Shanghai เป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศจีน และเป็นอาคารที่สูงเป็นอันดับสามของโลก สร้างขึ้นเคียงคู่กับตึกระฟ้าที่เคยสูงที่สุดในจีนมาก่อนอย่างตึกจินเหมา ทาวเวอร์ และตึกเซี่ยงไฮ้ เวิล์ด ไฟแนนเชียล เราจะต้องเดินลงไปชั้นใต้ดิน และต่อคิวเพื่อขึ้นลิฟท์ไปชั้น 118 ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ถึงชั้น 118 แบบหูอื้อไปเลยค่ะ

ด้านบนมีร้านอาหาร ขนม และน้ำ จะนั่งชมวิวหรือเดินชมวิวโดยรอบก็ได้เช่นกันค่ะ

จากเซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ เราจะเดินทางรอดอุโมงค์ใต้แม่น้ำเพื่อข้ามฝั่งไปเดอะบันด์ อุโมงค์เลเซอร์ สร้างขึ้นเพื่อให้ใช้เป็นเส้นทางขนส่งนักท่องเที่ยวกรุ๊ปใหญ่ๆ ที่มาเที่ยวที่นครเซี่ยงไฮ้ค่ะ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ทางการเซี่ยงไฮ้เลยติดตั้งระบบแสงสีเสียงสุดอลังการให้เหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง อุโมงค์นี้จึงมีความน่าสนใจขึ้นมา และยังสามารถรับ–ส่งนักท่องเที่ยวได้ชั่วโมงละ 5,280 คน มีความลึกจากพื้นแม่น้ำ 9 เมตร ยาว 646.70 เมตร ยืนดูแสงเลเซอร์เพลินๆ แป๊บเดียวถึง ในราคา 55 หยวน เปิดบริการทุกวัน 8.00 - 22.00 น.

ข้ามมาถึงเดอะบันด์ แวะถ่ายรูปวิวกลางวันอันสดใส เดอะบันด์อยู่ใกล้กับถนนช๊อปปิ้ง "ถนนหนานจิง" แต่เรายังไม่ได้ไปช๊อปปิ้งกันวันนี้หรอกนะ เพราะเราจะเดินไปขึ้นรถเพื่อไปทานมื้อเย็นกันค่ะ 

เราเดินมาขึ้นรถบัสและเดินทางมาที่ MINHANG PLAZA เพื่อมากินอาหารบุฟเฟ่ปิ้งย่างสุดอลังการ ราคารวมเครื่องดื่มและมีเบียร์ให้ทานไม่อั้นด้วย กินอิ่มก็เช็คอินเข้าโรงแรมนอนจ๊ะ

Day-4
สวัสดีดิสนีย์ ความสนุกจะบังเกิดในวันนี้แหละ ดีสนีย์ที่เซียงไฮ้ถือว่าเป็นดีสนีย์รีสอร์ทแห่งที่ 6 ของโลกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย ความพิเศษของที่นี่คือโซนเปิดใหม่อย่างโซน Zootopia แห่งแรกของโลกที่ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมาจากภาพยนตร์แอนิเมชันสุดป๊อบของดิสนีย์อย่างเรื่อง Zootopia นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่นไฮไลท์อย่าง TRON Lightcycle Power Run รถไฟเหาะแนว Futuristic ที่อิงตามเรื่อง TRON: Lagac ที่สายหวาดเสียวห้ามพลาด และยังมี ปราสาท Enchanted Storybook Castle เป็นปราสาทดิสนีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นฉันไม่ได้เล่นอะไรเลยจ๊ะ นอกจากม้าหมุนมุ้งมิ้ง เพราะช่วงที่เรามาเป็นช่วงนักเรียนปิดเทอมกันแต่ละที่นั้นรอไป 2-3 ชม. เร็วสุดคือชั่วโมงกว่าๆ สุดๆ ไปเลยจ๊ะแม่

เอาเป็นว่าสิ่งที่เหมาะกับดิฉันก็น่าจะเป็นร้าน POP MART ที่ทำให้เราเดินวนไปมาอย่างเพลิดเพลิน และสิ่งที่ชอบอีกอย่างคือขบวนพาเหรดของเหล่าตัวการ์ตูนดัง ที่เดินเรียงกันมาให้เราชื่นชมแบบยิ้มไม่หุบเลยอะ


ท้องร้องพอดีได้เวลาอาหารเย็น แต่มื้อนี้เรามาทานหม้อไฟซึ่งเป็นร้านหม้อไฟที่เปิดมากว่า 15 ปี มีสาขาหลายแห่งในเซี่ยงไฮ้ ชื่อว่า FaiGo HotPot หรือ ไฟโกะ สุกี้หม้อไฟ มีน้ำซุปให้เลือกถึง 5 รสชาติ แต่รสชาติที่ห้ามพลาดคือรสชาติ “หม่าล่า” ซึ่งเป็นแบบฉบับเสฉวนในตำนาน เค้าจะแยกหม้อเป็นส่วนตัวนะคะ มื้อนี้ให้ 5 ดาวค่ะ หมาล่าชิมแล้วนัวๆ ดีด้วย

กินเสร็จแล้วเราก็กลับไปที่ถนนหนานจิงอีกครั้ง เราช๊อปปิ้งตามกระแสอยู่ไม่นานก็เลือกที่จะเดินไปบริเวณ THE BUND ชมวิวริมแม่น้ำยามค่ำคืน และถนนเส้นนี้ยังมีจุดสำคัญที่สายมูอย่างเราไม่พลาดแน่คือ มีรูปปั้นวัวกระทิง ซึ่งเป็นประติมากรรมรูปวัวทองแดงขนาดใหญ่ หันหน้าไปทางแม่น้ำหวง ท่าทางของวัวยืนนิ่งก้มหน้าลงเล็กน้อย หางยาวพลิ้วชี้ขึ้นท่าทางดูมุ่งมั่น เป็นเครื่องหมายของความแข็งแกร่ง ความเจริญรุ่งเรือง เป็นสัญลักษณ์ทางเศรษฐกิจของมหานครเซี่ยงไฮ้ จึงเชื่อกันว่าหากใครได้มาลูบไข่วัวกระทิง จะมั่งคั่งร่ำรวย หุ้นพุ่ง เงินเข้ากระเป๋าแบบรัวๆ และเป็นสิริมงคลจ้า

Day-5 
มาถึงวันสุดท้ายของทริปนี้แล้วนะคะ เราทานมื้อเช้าและเช็คเอ้าท์ที่โรงแรมเรียบร้อยก็เดินทางมาที่สตาร์บัคส์สาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่าสาขาปกติถึง 300 เท่า คอกาแฟไม่ควรพลาด เข้ามาด้านในปุ๊บเราก็สะดุดตากับถังคั่วกาแฟทองเหลืองขนาด 40 ตัน สูงเท่าตึก 2 ชั้น ประดับด้วยแผ่นตราประทับแบบจีนโบราณมากกว่า 1,000 แผ่น มีบาร์จิบกาแฟที่ยาวถึง 88 ฟุต มีส่วนเบเกอรี่ Princi ที่ได้ร่วมมือกับร้านเบเกอรีชื่อดังจากอิตาลี เป็นสาขาแรกในเอเชียที่ทำขนมกันสดๆ ใหม่ๆ ทุกวันกว่า 80 ชนิด มีชาให้เลือกหลากหลายชนิด เราเดินเล่น ถ่ายรูป และซื้อแก้วเก็บความร้อนที่สลักสัญลักษณ์เมืองเซียงไฮ้ที่มีอยู่ใบเดียวในร้านมาเป็นที่ระลึกด้วยจ๊ะ

จากนั้น เราก็แวะมาที่ตลาดเฉินหวังเมี่ยว หรือ ตลาดร้อยปี เซี่ยงไฮ้ เป็นตลาดเก่าของผู่ตง เมืองเซี่ยงไฮ้ เป็นสถาปัตยกรรมโบราณสมัยราชวงศ์หมิงและชิง เก่ากว่าร้อยปี มีทั้งร้านอาหาร ร้านขนม เสี่ยวหลงเปาอันลือชื่อ และยังมีของที่ระลึกมากมาย มาแล้วก็ต่อราคาเยอะๆ ไว้ก่อนนะ

จากตลาดเก่าเดินผ่านสวน Gucheng ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ทางปลายด้านตะวันออกของถนน Renmin ในเซี่ยงไฮ้ เป็นที่รู้จักในชื่อ "สวนสาธารณะแห่งเมืองเก่า" โดยเราจะเดินผ่านสวนนี้ไปทานอาหารเหลาแบบอลังการ กุ้งมังกรแบบสะพรึงจ๊ะ

เราแวะช๊อปปิ้งกันก่อนที่ "Florentia Village Outlet" อยู่ไม่ไกลจากสนามบินเซียงไฮ้ เปิดทุกวัน10.00-21.00 น. สามารถเดินทางด้วย MTR มาลงสถานี Kwai Hing, exit B หรือ E ได้เลย ห้องน้ำที่นี่หรูหราระดับ 5 ดาว สะอาดมากๆ  ช๊อปปิ้งเสร็จก็ขึ้นรถเดินทางไปทานมื้อเย็นกันก่อน กับร้าน Zui Jiangnan ตั้งอยู่บนถนน Miaojing มีที่จอดรถกว้างขวาง ตกแต่งเป็นสไตล์ชนบทพร้อมบรรยากาศทางวัฒนธรรมเล็กน้อย

สรุปทริปนี้ ช๊อป ชิม ชิลล์ แบบครบถ้วน ใครไม่ชอบมาทัวร์ มาเที่ยวเองก็ไม่ยากค่ะ สะดวก สบาย จับจ่ายใช้สอยคล่องค่ะ ถือว่าเป็นเมืองที่น่าสนใจ และไม่ต้องกังวลเรื่องห้องน้ำเพราะดีขึ้นมากๆ อาจจะเพราะว่าเป็นเมืองทันสมัยด้วย คิดว่ามีโอกาสจะไปอีกค่ะ.....

ขอบคุณสำหรับการรับชมนะคะ