ขอจั่วก่อนว่าปกติแล้วเมื่อก่อนนั้นหนังจากเกมหรือทางกลับกันเกมที่ทำมาจากหนังส่วนมากนั้นจะแป๊กเสมอ จากYoutuberช่องหนึ่งเขาเคยบอกว่าการสร้างหนังจากเกมหรือการ์ตูนนั้นก็เหมือนนำวัตถุดิบมาดัดแปลงให้ดีหรือไม่ขึ้นกับผู้กำกับมันก็ชัดเจนแล้วว่าจะดีหรือไม่ก็ขึ้นกับคนเขียนบท พอผมดูหนังเล่นเกมมากๆเลยลองเรียบเรียงแนวคิดการทำหนังมาเป็นลำดับๆเลย
วิธีการที่ 1 สร้างจักรวาลใหม่
วิธีนี้จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อเกมนั้นมีเนื้อหาที่น้อยมากๆหรือไม่มีเลยซึ่งเพราะด้วยความที่ไม่มีเนื้อเรื่องหรือมีรองพื้นบ้างจึงสามารถรังสรรค์ได้อย่างดี แต่หากเกมที่มีเนื้อหาเยอะหรือการ์ตูนนั้นทำมั่วขึ้นมาได้ไหมก็ยากหน่อยละครับ
ตัวอย่างหนังที่พัง
Dragon Ball Evolutionที่บอกเลยว่าพังยับเพราะสาเหตุคือผู้กำกับหรือคนเขียนบทไม่รู้จักเลยเปลี่ยนโงกุนจากเด็กบ้านนอกมากลายเป็นเด็กมัธยมในเมืองที่บังเอิญฝึกวิทยายุทธ แถมพลังคลื่นเต่าเอามาจุดตะเกียงจีบสาวแล้วปล่อยพลังแบบไหนเอาตัวพุ่งเข้าใส่พิคโกโร่
Mario รุ่นแรกๆ ใครที่เคยดูนี้จะเกิดอาการWTFแน่ๆเพราะมีการติดสปริงที่เท้า(หรือไอพ่น)เลยทำให้กระโดดสูง
Attack on Titan ตอนแรกว่าจะอยู่ในหัวข้อที่2แต่เพราะดัดแปลงเนื้อหามากไปเลยให้อยู่ในหัวข้อนี้ เพราะการเล่าเรื่องที่ไม่ได้อิงกับเรื่องหลักแถมใช้ยุคที่เป็นยุกปัจจุบันหรือไกลกว่านั้นแต่เนื้อหาที่ทันดัดแปลงจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมผลเลยพังยับสิครับ
หนังที่พอไปรอด
Monster Hunter ด้วยความที่ไม่มีเนื้อหาเลยพอทำได้ แต่อีตาผู้กำกับดันอวยเมียบทเลยไม่ไปต่อซะงั้น
หนังที่รุ่งโรจน์
Marioเวอร์ชั่นอนิเมชั่นนี้คือที่สุดแล้วเพราะใส่เนื้อหาเติมเต็มและมุขที่แฟนเกมนั้นเก็ตแน่นอนเลยคือ ตอนที่มาริโอ้ไปหา ทหารเห้ดก็พูดตอบไปว่า "เจ้าหญิงอยู่ที่ปราสาทหลังอื่น"ถ้าคนดูที่ไม่เคยเล่นอาจจะงงแต่กับแฟนเกมจะฮากระจายเพราะทุกครั้งที่เราไปช่วยเจ้าหญิงทีไรก็เจอแต่เจ้าทหารเห็ดพูดแบบนี้ทุกที
Sonicเองที่ตอนแรกแฟนๆต่างพากันสาปส่งแต่โชคดีที่เขานำคำด่ามาพัฒนาเป็นการปรับปรุงจนมีถึงสามภาค(เสียดายไม่มีเวลาดูภาค3)และมีภาค4ต่อเพราะคนทำบททำถึงจริงๆ
หนังจากMarvel เฟส1-3 คืออ้างอิงตัวละครจากในคอมมิคมาเป็นหนังโดยเอาเค้าโครงมาแถมกิมมิคตัวละครต่างๆด้วย แต่พอเฟส4ดันทะลึ่งทำการตลาดแบบคือต้องไปดูซีรี่ก่อนถึงจะเข้าใจหนังภาคหลังซึ่งใครไม่ติดตามหรือสมัครDisney plasคืออาจจะงงๆ
วิธีการที่ 2 ทำให้กระชับขึ่น
วิธีนี้คือเกมหรือการ์ตูนที่มีเนื้อหาอยู่แล้วรวมถึงนิยายด้วยทำให้สั้นลงเพราะแน่ละเกมบางเกมใช้เวลาเล่นตั้ง4-5ชั่วโมง หรือสุดหน่อยก็20ชั่วโมงอัพ ส่วนการ์ตูนเองก็มีหลายหน้า ดังนั้นการที่จะเล่าทั้งหมดทำได้ยากเลยต้องทำให้กระชับ แต่นั่นทำให้ต้องตัดรายละเอียดบางส่วนออกไป
ตัวอย่างหนังที่พัง
JoJoภาคคนแสดง โดยการนำกาค4ที่ตัวเอกเป็นโจสึเกะหรือหากอ้างอิงจากNexfrixก็ภาค3เพราะ1-2ยำรวมกัน ผมที่เคยดูจนถึงภาค6(ภาค7อ่านได้ครึ่งเดียว)เลยเข้าใจเนื้อเรื่องแต่รู้สึกได้ว่าหนังมันกระชับไปจนคนดูหน้าใหม่ไม่รู้เรื่องแน่ๆ
หนังที่พอไปรอด
Fullmetal Alchemist หนังเรื่องนี้ก็เป็นก้ำกึ่งเพราะผมบอกว่าสนุกอาจเป็นเพราะว่าดูเมะมาก่อนเลยเข้าใจแต่ติดอย่างเดียวคืออาร์มสตรองของตูทำไมเป็นตาลุงมากกว่านักกล้ามได้ละนั่นแต่เนื้อหาก็กระชีบใช้ได้
หนังที่รุ่งโรจน์
Harry Potter 1-7ไม่ต้องสาธยายมาก จบเลยละกัน ล้อเล่น คือหนังสือมันยาวมากจนต้องตัดรายละเอียดบางส่วนออกไปแต่นั่นก็ทำให้แฟนๆพ่อมดแม่มดนั้นต่างพากันชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง(ลูกพี่ลูกน้องผมชอบมัลฟอยเพราะหล่อมาก)ถึงเปลี่ยนนักแสดงบ้างแต่ยังคงเสน่ห์ได้อย่างดี
วิธีที่ 3 ขยายจักรวาล
วิธีนี้ส่วนมากมักเป็นซีรี่เสียมากกว่า แต่เพราะความเป็นซีรี่จึงขยายรายละเอียดได้มากจนทำให้เนื้อหาของเกมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ตัวอย่างที่รุ่งโรจน์
The Last of us คือเรื่องนี้จะเล่าขยายเนื้อหาหลักเพราะเนื้อหาหลักนั้นมีเยอะแต่พอเพิ่มความมีเหตุมีผลก็สมควรที่จะดีเยี่ยมแล้ว เช่นทำไมเอลลี่ถึงมีภูมิคุ้มกันได้เพราะตัวเอลลี่สมัยที่เพิ่งเกิดแม่โดนผู้ติดเชื้อกัด เชื้อก็เลยเกิดการกลายพันธ์กลายเป็นภูมิคุ้มกันที่เอลลี่มีคนเดียวเท่านั้น และเปลี่ยนธีมจากต้องยิงผู้ติดเชื้อมาเป็นพยายามหนีให้รอด ส่วนตัวชอบฉากที่Bloaterผู้ติดเชื้อร่างยักษ์เดินออกมาท่ามกลางเพลิงคือสุดยอดทั้งๆที่ในเกมจริงคุณแค่พยายามรักษาระยะเผาด้วยระเบิดเพลิงไม่ก็ปืนไฟมันก็ตายแล้วแต่ในซีรี่เลือกที่จะให้เดินออกมาเพื่อทำให้รู้ว่าผู้ติดเชื้อทรงพลังแค่ไหน
วิธีที่ 4 ผสมกันไปเลย
เรื่องนี้จะใช้วิธีที่1และ2มาใช้โดยตัวละครในเกมนั้นจะเป็นตัวประกอบหรือหลักก็แล้วแต่คนทำ
ตัวอย่าง
Resident Evilเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ผมนึกออกเพราะว่าบางภาคก็ใส่ไอเดียของตัวเอง บางภาคก็ใช้เนื้อเรื่องของเกมมาประกอบอย่างภาคแรกนี้คือทำเนื้อหาใหม่เลย ส่วนภาค2อิงจากภาค3(หรืออาจจะ2ด้วย)และนำเอาตัวเอกอย่างอลิสมาด้วยและตัวร้ายอย่างเนเมซิสผู้มีรอยยิ้มแสนเสน่ห์และความน่าหวาดกลัวแต่ในหนังก็โดนเนิร์ฟไปนิดหน่อย หรือเปล่าหว่า และตัวละครอื่นๆด้วยแต่ขัดใจคนเดียวก็คือ ลีออนนี่แหละ นึกว่าพิวดี้พาย
แนวทางในการทำหนังจากเกมหรือการ์ตูน
วิธีการที่ 1 สร้างจักรวาลใหม่
วิธีนี้จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อเกมนั้นมีเนื้อหาที่น้อยมากๆหรือไม่มีเลยซึ่งเพราะด้วยความที่ไม่มีเนื้อเรื่องหรือมีรองพื้นบ้างจึงสามารถรังสรรค์ได้อย่างดี แต่หากเกมที่มีเนื้อหาเยอะหรือการ์ตูนนั้นทำมั่วขึ้นมาได้ไหมก็ยากหน่อยละครับ
ตัวอย่างหนังที่พัง
Dragon Ball Evolutionที่บอกเลยว่าพังยับเพราะสาเหตุคือผู้กำกับหรือคนเขียนบทไม่รู้จักเลยเปลี่ยนโงกุนจากเด็กบ้านนอกมากลายเป็นเด็กมัธยมในเมืองที่บังเอิญฝึกวิทยายุทธ แถมพลังคลื่นเต่าเอามาจุดตะเกียงจีบสาวแล้วปล่อยพลังแบบไหนเอาตัวพุ่งเข้าใส่พิคโกโร่
Mario รุ่นแรกๆ ใครที่เคยดูนี้จะเกิดอาการWTFแน่ๆเพราะมีการติดสปริงที่เท้า(หรือไอพ่น)เลยทำให้กระโดดสูง
Attack on Titan ตอนแรกว่าจะอยู่ในหัวข้อที่2แต่เพราะดัดแปลงเนื้อหามากไปเลยให้อยู่ในหัวข้อนี้ เพราะการเล่าเรื่องที่ไม่ได้อิงกับเรื่องหลักแถมใช้ยุคที่เป็นยุกปัจจุบันหรือไกลกว่านั้นแต่เนื้อหาที่ทันดัดแปลงจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมผลเลยพังยับสิครับ
หนังที่พอไปรอด
Monster Hunter ด้วยความที่ไม่มีเนื้อหาเลยพอทำได้ แต่อีตาผู้กำกับดันอวยเมียบทเลยไม่ไปต่อซะงั้น
หนังที่รุ่งโรจน์
Marioเวอร์ชั่นอนิเมชั่นนี้คือที่สุดแล้วเพราะใส่เนื้อหาเติมเต็มและมุขที่แฟนเกมนั้นเก็ตแน่นอนเลยคือ ตอนที่มาริโอ้ไปหา ทหารเห้ดก็พูดตอบไปว่า "เจ้าหญิงอยู่ที่ปราสาทหลังอื่น"ถ้าคนดูที่ไม่เคยเล่นอาจจะงงแต่กับแฟนเกมจะฮากระจายเพราะทุกครั้งที่เราไปช่วยเจ้าหญิงทีไรก็เจอแต่เจ้าทหารเห็ดพูดแบบนี้ทุกที
Sonicเองที่ตอนแรกแฟนๆต่างพากันสาปส่งแต่โชคดีที่เขานำคำด่ามาพัฒนาเป็นการปรับปรุงจนมีถึงสามภาค(เสียดายไม่มีเวลาดูภาค3)และมีภาค4ต่อเพราะคนทำบททำถึงจริงๆ
หนังจากMarvel เฟส1-3 คืออ้างอิงตัวละครจากในคอมมิคมาเป็นหนังโดยเอาเค้าโครงมาแถมกิมมิคตัวละครต่างๆด้วย แต่พอเฟส4ดันทะลึ่งทำการตลาดแบบคือต้องไปดูซีรี่ก่อนถึงจะเข้าใจหนังภาคหลังซึ่งใครไม่ติดตามหรือสมัครDisney plasคืออาจจะงงๆ
วิธีการที่ 2 ทำให้กระชับขึ่น
วิธีนี้คือเกมหรือการ์ตูนที่มีเนื้อหาอยู่แล้วรวมถึงนิยายด้วยทำให้สั้นลงเพราะแน่ละเกมบางเกมใช้เวลาเล่นตั้ง4-5ชั่วโมง หรือสุดหน่อยก็20ชั่วโมงอัพ ส่วนการ์ตูนเองก็มีหลายหน้า ดังนั้นการที่จะเล่าทั้งหมดทำได้ยากเลยต้องทำให้กระชับ แต่นั่นทำให้ต้องตัดรายละเอียดบางส่วนออกไป
ตัวอย่างหนังที่พัง
JoJoภาคคนแสดง โดยการนำกาค4ที่ตัวเอกเป็นโจสึเกะหรือหากอ้างอิงจากNexfrixก็ภาค3เพราะ1-2ยำรวมกัน ผมที่เคยดูจนถึงภาค6(ภาค7อ่านได้ครึ่งเดียว)เลยเข้าใจเนื้อเรื่องแต่รู้สึกได้ว่าหนังมันกระชับไปจนคนดูหน้าใหม่ไม่รู้เรื่องแน่ๆ
หนังที่พอไปรอด
Fullmetal Alchemist หนังเรื่องนี้ก็เป็นก้ำกึ่งเพราะผมบอกว่าสนุกอาจเป็นเพราะว่าดูเมะมาก่อนเลยเข้าใจแต่ติดอย่างเดียวคืออาร์มสตรองของตูทำไมเป็นตาลุงมากกว่านักกล้ามได้ละนั่นแต่เนื้อหาก็กระชีบใช้ได้
หนังที่รุ่งโรจน์
Harry Potter 1-7ไม่ต้องสาธยายมาก จบเลยละกัน ล้อเล่น คือหนังสือมันยาวมากจนต้องตัดรายละเอียดบางส่วนออกไปแต่นั่นก็ทำให้แฟนๆพ่อมดแม่มดนั้นต่างพากันชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง(ลูกพี่ลูกน้องผมชอบมัลฟอยเพราะหล่อมาก)ถึงเปลี่ยนนักแสดงบ้างแต่ยังคงเสน่ห์ได้อย่างดี
วิธีที่ 3 ขยายจักรวาล
วิธีนี้ส่วนมากมักเป็นซีรี่เสียมากกว่า แต่เพราะความเป็นซีรี่จึงขยายรายละเอียดได้มากจนทำให้เนื้อหาของเกมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ตัวอย่างที่รุ่งโรจน์
The Last of us คือเรื่องนี้จะเล่าขยายเนื้อหาหลักเพราะเนื้อหาหลักนั้นมีเยอะแต่พอเพิ่มความมีเหตุมีผลก็สมควรที่จะดีเยี่ยมแล้ว เช่นทำไมเอลลี่ถึงมีภูมิคุ้มกันได้เพราะตัวเอลลี่สมัยที่เพิ่งเกิดแม่โดนผู้ติดเชื้อกัด เชื้อก็เลยเกิดการกลายพันธ์กลายเป็นภูมิคุ้มกันที่เอลลี่มีคนเดียวเท่านั้น และเปลี่ยนธีมจากต้องยิงผู้ติดเชื้อมาเป็นพยายามหนีให้รอด ส่วนตัวชอบฉากที่Bloaterผู้ติดเชื้อร่างยักษ์เดินออกมาท่ามกลางเพลิงคือสุดยอดทั้งๆที่ในเกมจริงคุณแค่พยายามรักษาระยะเผาด้วยระเบิดเพลิงไม่ก็ปืนไฟมันก็ตายแล้วแต่ในซีรี่เลือกที่จะให้เดินออกมาเพื่อทำให้รู้ว่าผู้ติดเชื้อทรงพลังแค่ไหน
วิธีที่ 4 ผสมกันไปเลย
เรื่องนี้จะใช้วิธีที่1และ2มาใช้โดยตัวละครในเกมนั้นจะเป็นตัวประกอบหรือหลักก็แล้วแต่คนทำ
ตัวอย่าง
Resident Evilเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ผมนึกออกเพราะว่าบางภาคก็ใส่ไอเดียของตัวเอง บางภาคก็ใช้เนื้อเรื่องของเกมมาประกอบอย่างภาคแรกนี้คือทำเนื้อหาใหม่เลย ส่วนภาค2อิงจากภาค3(หรืออาจจะ2ด้วย)และนำเอาตัวเอกอย่างอลิสมาด้วยและตัวร้ายอย่างเนเมซิสผู้มีรอยยิ้มแสนเสน่ห์และความน่าหวาดกลัวแต่ในหนังก็โดนเนิร์ฟไปนิดหน่อย หรือเปล่าหว่า และตัวละครอื่นๆด้วยแต่ขัดใจคนเดียวก็คือ ลีออนนี่แหละ นึกว่าพิวดี้พาย