เป็นที่ถกเถียงกันว่า ผลงานแมนฯยูดิ่งหนัก ชนิดแบบว่า ซีซั่นนี้ลุ้นหนีตกชั้นเต็มตัว สถานการณ์แบบนี้ แทบไม่เคยเห็นกับทีมใหญ่อย่าง แมนฯ ยูมาก่อน ถามว่าเป็นเพราะอะไร ในความคิดส่วนของผม ย้ำว่าส่วนตัว เป็นเพราะ formation การเล่น 3-4-3 เป็นหลัก แต่ก็เป็นเพราะผู้เล่นด้วยเป็นบางส่วน โดยผมขออธิบายดังนี้ครับ
ข้อที่1.คือระบบหลัง 3 ผมมองว่า มันเหมาะกับการเล่นแบบ บอลนัดต่อนัดมากกว่า หมายถึงการวาง formation แบบนี้เฉพาะบางเกม มันไม่เหมาะกับการเอามาติดตั้ง ในบอลระบบลีก ที่แข่งกันยาวๆเกือบปี แต่ผมก็ไม่ได้หมายความว่า มันจะไม่ประสบความสำเร็จกับทีมอื่นนะครับ เพียงแต่ผมมองว่า มันไม่เข้ากับ ยูไนเต็ด ก็เท่านั้น
ข้อที่ 2. พรีเมียร์ลีก มันเป็นลีกที่จังหวะ transition กันไปมา อย่างรวดเร็ว (หมายถึงการเปลี่ยนเกมรับไปเป็นเกมรุก และเปลี่ยนจากเกมรุกมาเป็นเกมรับ) คือพูดง่ายๆ จังหวะฟุตบอล ค่อนข้างเป็นไฮบริดฟุตบอล แล้วด้วยความที่มันเป็น ไฮบริดฟุตบอลนั่นแหละ ที่มันแทนที่ จะส่งเสริมแผมการเล่นของอโมริม กลับไปทำร้ายแผนการเล่นซะมากกว่า พูดแล้วไม่เห็นภาพใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมจำลองภาพให้ดู
นี่คือเซฟเกมรับ เวลาแมนฯยู ถ้อยสุด ยามเล่นเกมรับ จากเซฟการยืน 3-4-2-1 เวลาลงไปรับแบบสุดๆ จะจัดรูปได้เป็น 5-4-1 ซึ่งมันรับแบบสุดโต่งเกินไป ผมเคยฟังช่องยูทูป ของคอลัมนิสต์ดัง ท่านหนึ่ง พี่แกให้ทัศนะว่า เวลาทีมเล่นเกมบุก ทีมเรามีตัวผุ้เล่น ดันขึ้นมาน้อยไป ผมเห็นด้วยเลย เพราะผมมองว่า ระบบหลัง 3 ยามเล่นเกมรับ มันถอยลึกไป และมีตัวเล่นเกมรับเยอะไป จนทำให้ เวลามิดฟิลด์เราตัดบอลได้กลางสนาม ผุ้เล่นเกมรับ ขึ้นมาสนับสนุนเกมบุกไม่ทัน
3.เซฟเกมบุก
ท่านเห็นอะไรไหมครับ ปัญหาเดียวกันเลย คือเวลาบุก เซฟเกมบุก จากการจัดรูป 3-4-2-1 แบบปกติ จะกลายเป็นการจัดรูปที่ห้อยเซนเตอร์ ไว้ตัวเดียว คืเซ็นเตอร์ตัวกลาง เหตุเพราะ Wing-Back จะเปลี่ยนบทบาทตัวเองเป็น Wing หรือเป็นปีก ยามเล่นเกมบุก แล้วเซ็นเตอร์ตัวซ้ายและตัวขวา ก็ต้องเปลี่ยนบทบาทของตัวเองจาก เซ็นเตอร์แบ็ก ฝั่งซ้ายกับขวา มาเป็น Full-Backฝั่งซ้ายและฝั่งขวา เพราะจะได้ cover ตำแหน่งของ มาซราวี และ ดาโล่ห์ ที่ดันขึ้นไปเป็นปีกแล้ว หลังจากนั้น ก็จะเกิดปัญหาเดียวกันเหมือนตอนเล่นเกมรับเลยคือ เวลาโดนคู่แข่งตัดบอลได้ตรงกลางสนาม ผู้เล่นที่ดันขึ้นไป ถอยมารักษา position ของตัวเองไม่ทัน ก็จะเกิดช่องให้คู่แข่ง เข้าทำเยอะ อธิบายถึงตรงนี้ผมขอสรุปเป็นประโยค สั้นๆ ง่ายๆเลยคือ
ฟุตบอลของ อโมริม เวลารับก็รับสุดโต่ง เวลาบุกก็บุกสุดโต่งเกินไป ส่งผลให้ เวลาเปลี่ยน จากเกมรับไปเป็นเกมบุก ผู้เล่นที่ถอยมารับ แล้วดันขึ้นไปช่วยเกมบุกไม่ทัน แต่ในขณะเดียวกันเวลาบุกอยู่ แล้วโดนคู่แข่งตัดบอลได้ พวกที่ดันขึ้นไปก็ถอยลงมารักษาเซฟ 3-4-2-1 ไม่ทันเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ละครับมันทำให้ ทั้ง 1.สปีดบอลในพรีเมียร์ 2.การเล่นบอลแผนหลัง3ของอโมริม และ 3.ความเป็นเอกลักษณ์ของแมนยู โดยทั้ง3สิ่ง แทนที่จะส่งเสริมซึ่งกันและกัน กับทำร้ายซึ่งกันและกันมากกว่า สุดท้ายนี้ก็อยากบอกทุกท่านว่า มันเป็นความคิดส่วนตัวของผม จากประสบการณ์การเชียร์แมนยูมามากกว่า 20 ปี และประสบการณ์ จากการเคยทำงานด้านกีฬามา อาจจะถูกใจผู้อ่าน หรือไม่ถูกใจ ก็ไม่ว่ากัน เพียงแค่อยากระบายกับผลงานทีมรักของพวกเราครับ. ขอบคุณครับ
ผลงานดิ่งสุด!!! เป็นเพราะ formation 3-4-3 ครับ เชื่อผมเถอะ
ข้อที่1.คือระบบหลัง 3 ผมมองว่า มันเหมาะกับการเล่นแบบ บอลนัดต่อนัดมากกว่า หมายถึงการวาง formation แบบนี้เฉพาะบางเกม มันไม่เหมาะกับการเอามาติดตั้ง ในบอลระบบลีก ที่แข่งกันยาวๆเกือบปี แต่ผมก็ไม่ได้หมายความว่า มันจะไม่ประสบความสำเร็จกับทีมอื่นนะครับ เพียงแต่ผมมองว่า มันไม่เข้ากับ ยูไนเต็ด ก็เท่านั้น
ข้อที่ 2. พรีเมียร์ลีก มันเป็นลีกที่จังหวะ transition กันไปมา อย่างรวดเร็ว (หมายถึงการเปลี่ยนเกมรับไปเป็นเกมรุก และเปลี่ยนจากเกมรุกมาเป็นเกมรับ) คือพูดง่ายๆ จังหวะฟุตบอล ค่อนข้างเป็นไฮบริดฟุตบอล แล้วด้วยความที่มันเป็น ไฮบริดฟุตบอลนั่นแหละ ที่มันแทนที่ จะส่งเสริมแผมการเล่นของอโมริม กลับไปทำร้ายแผนการเล่นซะมากกว่า พูดแล้วไม่เห็นภาพใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมจำลองภาพให้ดู