สวัสดีค้าบ วันนี้เราก็จะมาแชร์ประสบการณ์
โครงการ Specialised Youth Exchange Programme 2025 (AKA โครงการ SYEP) ของกรุงเทพมหานครที่เราได้เข้าร่วมมาในช่วงธันวาคมของปี 2024 ที่เพิ่งผ่านมาคับบ
ขอท้าวความเกี่ยวกับโครงการนี้ก่อน โครงการ SYEP คือโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนที่ดูแลโดยสำนักงานการต่างประเทศของกรุงเทพฯ ที่ร่วมมือกับจังหวัดฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น โดยธีมของปีนี้ก็คือ Business Model สิ่งที่เราจะได้ทำนอกจากการแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆชาวญี่ปุ่นแล้ว เราก็ยังได้แก้ปัญหาให้กับกรุงเทพฯในด้าน/ปัญหาที่เราสนใจร่วมกันเพื่อนๆชาวญี่ปุ่นอีกด้วย โดยล่าสุดเราก็ได้เข้าร่วมโครงการนี้ตลอด 5 วันที่กรุงเทพฯ (และเราก็จะได้ไปแลกเปลี่ยนที่เมืองฟุกุโอกะ ญี่ปุ่นอีกทีในตอนเดือนมีนาคม 2025 นี้ด้วยๆๆ)พร้อมกับเพื่อนๆชาวญี่ปุ่นตั้งแต่การเข้าพบท่านผู้ว่า การไปศึกษาดูงานที่บริษัทต่างๆ การไปสำรวจเมือง เดินรอบแถวพระนคร และเข้า 2 workshops ที่เราจะมาพูดถึงกันนะๆ
วันนี้เราก็จะมาเจาะลึกรายละเอียดในส่วนของกิจกรรมต่างๆที่เราได้นำในการแก้ปัญหาให้กับเมือง ตั้งแต่การเริ่มต้นคุยกับทีมว่าเราอาจจะแก้ปัญหาอะไรให้กับกทม.(หรือฟุกุโอกะก็ได้นะ จริงๆทางโครงการไม่ได้บังคับเลยว่าจะแก้ปัญหาอะไรหรือที่เมืองไหนเป็นพิเศษๆๆ) เราก็สรุปกันได้ว่า พวกเราอยากจะแก้ปัญหาในเรื่องของการนำพื้นที่ใช้สอยของกทม.ที่ขาดการดูแลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จากการที่เราเริ่มเก็บข้อมูลจากการลงพื้นที่สัมภาษณ์จนไปถึงการเข้า workshop เกี่ยวกับ design thinking และ business model canvas & value proposition cancas ที่ทางโครงการได้จัดให้ 2 วันเต็มๆ บวกด้วยการ pitching ตอนท้ายโดยมีผู้ใหญ่จากกรุงเทพและฝั่งญี่ปุ่นเข้ามาร่วมฟังด้วยยย
ทั้ง 2 workshops ที่ทางเราและเพื่อนๆในโครงการได้เรียนรู้ตั้งแต่ Design thinking workshop ก็คือการนำไอเดียหรือต้นตอของปัญหานำไปเข้าขั้นตอนของ design thinking ทั้ง 5 ขั้นตอนเพื่อพัฒนาให้เกิด solution หรือ innovation ทีสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดและแก้ปัญหาที่เราสนใจได้จริงๆ เรารู้สึกว่านี่คือ core หรือแก่นของ design thinking เลย ที่จะมีความ problem-based มากๆ บวกไปกับการรู้ลึกถึงปัญหาจริงๆว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรจากการเก็บข้อมูล/สัมภาษณ์ผผู้คนที่พบเจอกับปัญหานี้โดยตรง ต่อมาที่ Business Model Canvas & Value Proposition Canvas workshop ซึ่งก็จะเป็น workshop ในวันที่ 2 ที่ต่อมาจาก Design thinking workshop ในการนำ soultion ที่เราคิดได้เพื่อไปก่อให้เกิด business model ได้ ตั้งแต่การรู้จักกับตัว business model canvas ว่ามันคืออะไร มีไว้ทำไม แล้วมันสำคัญกับตัวธุรกิจยังไง และเราก็ได้ walkthrough ร่วมกัน brainstorm กันในทีมสำหรับการทำ BMC จากไอเดียที่เราได้คิดไว้ และเราก็ยังได้ทำ value propositon canvas ที่จะมีไว้ในการทำให้เราสามารถเข้าใจธุรกิจที่เราทำได้มากขึ้นว่าเรามีอะไร และสามารถให้ value อะไรกับลูกค้าได้บ้าง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยในการประกอบธุรกิจ บอกเลยว่ากิจกรรมทั้ง 2 workshops จัดเต็มและอัดแน่นสุดๆซึ่งมันก็ทำให้เราก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างไปด้วยเช่นกัน
สำหรับสิ่งที่เราทำกับทีม ก็คือจากที่เราได้พูดไปก็คือการแก้ปัญหาการนำพื้นที่ใช้สอยของกทม.ที่ขาดการดูแลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยเราตั้ง target คนที่เราจะอก้ปัญหาให้คือ digital nomads ที่จะเข้ามาทำงานในประเทศไทยในที่ต่างๆ โดยทีมเราค้นพบว่ากลุ่มคนพวกนี้มีค่าใช้จ่ายต่อหัวที่ค่อนข้างสูงซึ่งส่งผลดีต่อ GDP และประเทศเราไม่น้อย จากการที่กทม.มีพื้นที่มากมายที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เราก็อยากจะนำสิ่งที่เรามีอยู่แล้วมาสร้าง value โดยเรามีไอเดียในการสร้าง co-working space ที่มี facility ต่างๆที่ตอบโจทย์ความต้องการของ digital nomads และ target อื่นๆที่มี potential ในการเข้าในใช้พื้นที่พื้นที่นี้(เช่น คนที่ work from home, นักเรียน, นักศึกษา) โดยมี business model ในการทำ subscription fee สำหรับผู้ที่เข้ามาใช้บ่อยๆ solution นี้ จะสามารถแก้ปัญหาการมีพื้นที่เหลือใช้ของกทม.และการสร้างสถานที่ที่เป็นแหล่งดึงดูดหรือเป็นตัวเลือกให้กับ target ที่เราตั้งไว้
โดยส่วนตัวแล้ว เรารู้สึกดีใจมากๆที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ มันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างที่เราไม่เคยรู้มาก่อน และก็เป็นหนึ่งในครั้งแรกๆของเราเหมือนกันที่ได้ลองหันมาแก้ปัญหาให้กับเมืองซึ่งเป็นสิ่งที่เราแทบจะไม่ได้สนใจเลย มันก็เป็นอะไรที่เปิดโลกเรามากๆโดยเฉพาะในด้าน urban development เราได้เห็นต้นตอปัญหาต่างๆที่ลึกและท้าทายในการที่จะแก้ไข และที่สำคัญเลยที่มากไปกว่าการได้เรียนรู้แล้วก็คือมิตรภาพที่ดีจากทั้งพี่ๆสตาฟ เพื่อนๆในโครงการ ทั้งไทยและญี่ปุ่น ดีใจมากๆเลยจริงๆที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้
สุดท้ายนี้ เราก็อยากจะขอบคุณทุกคนที่ตั้งใจมาอ่านบทความเราจนถึงตรงนี้ และโดยใจจริง เราก็อยากให้ทุกคนได้รู้จักโครงการนี้มากขึ้นและได้อะไรกลับไปจากโครงการนี้ไม่ต่างจากเรา ขอกระซิบว่า ในตอนต่อไป เราจะมาพูดถึงประสบการณ์การสอบเข้า การเตรียมตัวต่างๆที่เราได้ผ่านมาจนกว่าจะได้มาเป็นตัวแทนเยาวชนในโครงการนี้กัน บอกได้เลยว่าห้ามพลาด! โปรดติดตามตอนต่อไป...
#SYEP #SYEP2025 #BANGKOK #FUKUOKA #IAO #BMA
แชร์ประสบการณ์โครงการ Specialised Youth Exchange Programme 2025 (SYEP) [รอบกรุงเทพฯ]
ขอท้าวความเกี่ยวกับโครงการนี้ก่อน โครงการ SYEP คือโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนที่ดูแลโดยสำนักงานการต่างประเทศของกรุงเทพฯ ที่ร่วมมือกับจังหวัดฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น โดยธีมของปีนี้ก็คือ Business Model สิ่งที่เราจะได้ทำนอกจากการแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆชาวญี่ปุ่นแล้ว เราก็ยังได้แก้ปัญหาให้กับกรุงเทพฯในด้าน/ปัญหาที่เราสนใจร่วมกันเพื่อนๆชาวญี่ปุ่นอีกด้วย โดยล่าสุดเราก็ได้เข้าร่วมโครงการนี้ตลอด 5 วันที่กรุงเทพฯ (และเราก็จะได้ไปแลกเปลี่ยนที่เมืองฟุกุโอกะ ญี่ปุ่นอีกทีในตอนเดือนมีนาคม 2025 นี้ด้วยๆๆ)พร้อมกับเพื่อนๆชาวญี่ปุ่นตั้งแต่การเข้าพบท่านผู้ว่า การไปศึกษาดูงานที่บริษัทต่างๆ การไปสำรวจเมือง เดินรอบแถวพระนคร และเข้า 2 workshops ที่เราจะมาพูดถึงกันนะๆ
วันนี้เราก็จะมาเจาะลึกรายละเอียดในส่วนของกิจกรรมต่างๆที่เราได้นำในการแก้ปัญหาให้กับเมือง ตั้งแต่การเริ่มต้นคุยกับทีมว่าเราอาจจะแก้ปัญหาอะไรให้กับกทม.(หรือฟุกุโอกะก็ได้นะ จริงๆทางโครงการไม่ได้บังคับเลยว่าจะแก้ปัญหาอะไรหรือที่เมืองไหนเป็นพิเศษๆๆ) เราก็สรุปกันได้ว่า พวกเราอยากจะแก้ปัญหาในเรื่องของการนำพื้นที่ใช้สอยของกทม.ที่ขาดการดูแลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จากการที่เราเริ่มเก็บข้อมูลจากการลงพื้นที่สัมภาษณ์จนไปถึงการเข้า workshop เกี่ยวกับ design thinking และ business model canvas & value proposition cancas ที่ทางโครงการได้จัดให้ 2 วันเต็มๆ บวกด้วยการ pitching ตอนท้ายโดยมีผู้ใหญ่จากกรุงเทพและฝั่งญี่ปุ่นเข้ามาร่วมฟังด้วยยย
ทั้ง 2 workshops ที่ทางเราและเพื่อนๆในโครงการได้เรียนรู้ตั้งแต่ Design thinking workshop ก็คือการนำไอเดียหรือต้นตอของปัญหานำไปเข้าขั้นตอนของ design thinking ทั้ง 5 ขั้นตอนเพื่อพัฒนาให้เกิด solution หรือ innovation ทีสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดและแก้ปัญหาที่เราสนใจได้จริงๆ เรารู้สึกว่านี่คือ core หรือแก่นของ design thinking เลย ที่จะมีความ problem-based มากๆ บวกไปกับการรู้ลึกถึงปัญหาจริงๆว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรจากการเก็บข้อมูล/สัมภาษณ์ผผู้คนที่พบเจอกับปัญหานี้โดยตรง ต่อมาที่ Business Model Canvas & Value Proposition Canvas workshop ซึ่งก็จะเป็น workshop ในวันที่ 2 ที่ต่อมาจาก Design thinking workshop ในการนำ soultion ที่เราคิดได้เพื่อไปก่อให้เกิด business model ได้ ตั้งแต่การรู้จักกับตัว business model canvas ว่ามันคืออะไร มีไว้ทำไม แล้วมันสำคัญกับตัวธุรกิจยังไง และเราก็ได้ walkthrough ร่วมกัน brainstorm กันในทีมสำหรับการทำ BMC จากไอเดียที่เราได้คิดไว้ และเราก็ยังได้ทำ value propositon canvas ที่จะมีไว้ในการทำให้เราสามารถเข้าใจธุรกิจที่เราทำได้มากขึ้นว่าเรามีอะไร และสามารถให้ value อะไรกับลูกค้าได้บ้าง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยในการประกอบธุรกิจ บอกเลยว่ากิจกรรมทั้ง 2 workshops จัดเต็มและอัดแน่นสุดๆซึ่งมันก็ทำให้เราก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างไปด้วยเช่นกัน
สำหรับสิ่งที่เราทำกับทีม ก็คือจากที่เราได้พูดไปก็คือการแก้ปัญหาการนำพื้นที่ใช้สอยของกทม.ที่ขาดการดูแลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยเราตั้ง target คนที่เราจะอก้ปัญหาให้คือ digital nomads ที่จะเข้ามาทำงานในประเทศไทยในที่ต่างๆ โดยทีมเราค้นพบว่ากลุ่มคนพวกนี้มีค่าใช้จ่ายต่อหัวที่ค่อนข้างสูงซึ่งส่งผลดีต่อ GDP และประเทศเราไม่น้อย จากการที่กทม.มีพื้นที่มากมายที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เราก็อยากจะนำสิ่งที่เรามีอยู่แล้วมาสร้าง value โดยเรามีไอเดียในการสร้าง co-working space ที่มี facility ต่างๆที่ตอบโจทย์ความต้องการของ digital nomads และ target อื่นๆที่มี potential ในการเข้าในใช้พื้นที่พื้นที่นี้(เช่น คนที่ work from home, นักเรียน, นักศึกษา) โดยมี business model ในการทำ subscription fee สำหรับผู้ที่เข้ามาใช้บ่อยๆ solution นี้ จะสามารถแก้ปัญหาการมีพื้นที่เหลือใช้ของกทม.และการสร้างสถานที่ที่เป็นแหล่งดึงดูดหรือเป็นตัวเลือกให้กับ target ที่เราตั้งไว้
โดยส่วนตัวแล้ว เรารู้สึกดีใจมากๆที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ มันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างที่เราไม่เคยรู้มาก่อน และก็เป็นหนึ่งในครั้งแรกๆของเราเหมือนกันที่ได้ลองหันมาแก้ปัญหาให้กับเมืองซึ่งเป็นสิ่งที่เราแทบจะไม่ได้สนใจเลย มันก็เป็นอะไรที่เปิดโลกเรามากๆโดยเฉพาะในด้าน urban development เราได้เห็นต้นตอปัญหาต่างๆที่ลึกและท้าทายในการที่จะแก้ไข และที่สำคัญเลยที่มากไปกว่าการได้เรียนรู้แล้วก็คือมิตรภาพที่ดีจากทั้งพี่ๆสตาฟ เพื่อนๆในโครงการ ทั้งไทยและญี่ปุ่น ดีใจมากๆเลยจริงๆที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้
สุดท้ายนี้ เราก็อยากจะขอบคุณทุกคนที่ตั้งใจมาอ่านบทความเราจนถึงตรงนี้ และโดยใจจริง เราก็อยากให้ทุกคนได้รู้จักโครงการนี้มากขึ้นและได้อะไรกลับไปจากโครงการนี้ไม่ต่างจากเรา ขอกระซิบว่า ในตอนต่อไป เราจะมาพูดถึงประสบการณ์การสอบเข้า การเตรียมตัวต่างๆที่เราได้ผ่านมาจนกว่าจะได้มาเป็นตัวแทนเยาวชนในโครงการนี้กัน บอกได้เลยว่าห้ามพลาด! โปรดติดตามตอนต่อไป...
#SYEP #SYEP2025 #BANGKOK #FUKUOKA #IAO #BMA