คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 96
Ai
หากต้องการกำหนดจุดคุ้มทุนระหว่างการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน (แบตเตอรี่ NMC) กับการใช้รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน 5 ปี แล้วจึงเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบโซลิดสเตต ให้ทำตามแนวทางที่มีโครงสร้างดังนี้:
---
### **ตัวแปรสำคัญและสมมติฐาน**
1. **รถยนต์ไฟฟ้า (NMC) ในปัจจุบัน**:
- ราคาซื้อ: 40,000 ดอลลาร์
- แรงจูงใจ: 7,500 ดอลลาร์ (เช่น เครดิตภาษี)
- ต้นทุนการดำเนินงานประจำปี: 600 ดอลลาร์ (การชาร์จ + การบำรุงรักษา)
- มูลค่าการขายต่อ: ลดลง 20% ต่อปี (เช่น มูลค่า 40,000 ดอลลาร์ × 0.8<sup>T</sup> หลังจาก T ปี)
2. **รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน**:
- ต้นทุนการดำเนินงานประจำปี: 2,200 ดอลลาร์ (เชื้อเพลิง + การบำรุงรักษา)
- มูลค่าการขายต่อใน 5 ปี: 2,000 ดอลลาร์ (จาก 5,000 ดอลลาร์เริ่มต้น)
3. **รถยนต์ไฟฟ้าโซลิดสเตตในอนาคต (ใน 5 ปีข้างหน้า)**:
- ราคาซื้อ: 45,000 ดอลลาร์ (ประมาณ)
- ส่วนลด: 5,000 ดอลลาร์ (ไม่แน่นอน อาจลดลง)
- ต้นทุนการดำเนินงานประจำปี: 600 ดอลลาร์ (ใกล้เคียงกับ NMC EV)
- มูลค่าการขายต่อ: มูลค่าลดลง 20% ต่อปีหลังจากซื้อ (เช่น 45,000 ดอลลาร์ × 0.8<sup>
T-5)</sup>)
---
### **สูตรจุดคุ้มทุน**
**การเปรียบเทียบต้นทุนรวมในช่วง T ปี**:
- **ตัวเลือกที่ 1 (ซื้อ EV ทันที)**:
\[
\text{ต้นทุน} = (40,000 - 7,500) + 600T - 40,000 \times 0.8^T
\]
- **ตัวเลือกที่ 2 (รถเก่า + EV ในอนาคต)**:
\[
\text{ต้นทุน} = \underbrace{(2,200 \times 5 - 2,000)}_{\text{รถเก่า}} + \underbrace{(45,000 - 5,000)}_{\text{EV ใหม่}} + 600(T-5) - 45,000 \times 0.8^{(T-5)}
\]
---
### **การคำนวณ**
กำหนดให้ต้นทุนทั้งสองเท่ากันและแก้หา T:
\[
32,500 + 600T - 40,000 \times 0.8^T = 49,000 + 600(T-5) - 45,000 \times 0.8^{(T-5)}
\]
การลดรูปและการแก้ปัญหาเชิงตัวเลขจะให้ผลลัพธ์ **≈8.8 ปี** ภายใต้สมมติฐานที่กำหนด
---
### **การวิเคราะห์ความอ่อนไหว**
จุดคุ้มทุนขึ้นอยู่กับ:
1. **ราคา EV**: หาก EV แบบโซลิดสเตตลดลงต่ำกว่า 45,000 ดอลลาร์ จุดคุ้มทุนจะเกิดขึ้นในภายหลัง
2. **แรงจูงใจ**: การสูญเสียแรงจูงใจในอนาคตจะทำให้จุดคุ้มทุนล่าช้า
3. **อัตราการเสื่อมราคา**: การเสื่อมราคา EV แบบ NMC ที่เร็วขึ้น (เช่น เนื่องมาจากเทคโนโลยีใหม่) จะทำให้จุดคุ้มทุนสั้นลง 4. **ต้นทุนการดำเนินงาน**: ราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นสนับสนุนตัวเลือกที่ 1
---
### **ข้อสรุป**
- **ระยะสั้น (ต่ำกว่า ~9 ปี)**: การใช้รถเก่าและรอ EV แบบโซลิดสเตตนั้นถูกกว่า
- **ระยะยาว (มากกว่า ~9 ปี)**: การซื้อ NMC EV ในตอนนี้จะประหยัดกว่า
**คำแนะนำ**: หากคุณวางแผนที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์เป็นเวลา **น้อยกว่า 9 ปี** ให้รอ EV แบบโซลิดสเตต สำหรับการ **เป็นเจ้าของในระยะยาว** ให้ซื้อ NMC EV ทันที ปรับสมมติฐานตามราคาเชื้อเพลิง/ไฟฟ้าในท้องถิ่น แรงจูงใจ และสภาพรถยนต์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หากต้องการกำหนดจุดคุ้มทุนระหว่างการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน (แบตเตอรี่ NMC) กับการใช้รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน 5 ปี แล้วจึงเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบโซลิดสเตต ให้ทำตามแนวทางที่มีโครงสร้างดังนี้:
---
### **ตัวแปรสำคัญและสมมติฐาน**
1. **รถยนต์ไฟฟ้า (NMC) ในปัจจุบัน**:
- ราคาซื้อ: 40,000 ดอลลาร์
- แรงจูงใจ: 7,500 ดอลลาร์ (เช่น เครดิตภาษี)
- ต้นทุนการดำเนินงานประจำปี: 600 ดอลลาร์ (การชาร์จ + การบำรุงรักษา)
- มูลค่าการขายต่อ: ลดลง 20% ต่อปี (เช่น มูลค่า 40,000 ดอลลาร์ × 0.8<sup>T</sup> หลังจาก T ปี)
2. **รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน**:
- ต้นทุนการดำเนินงานประจำปี: 2,200 ดอลลาร์ (เชื้อเพลิง + การบำรุงรักษา)
- มูลค่าการขายต่อใน 5 ปี: 2,000 ดอลลาร์ (จาก 5,000 ดอลลาร์เริ่มต้น)
3. **รถยนต์ไฟฟ้าโซลิดสเตตในอนาคต (ใน 5 ปีข้างหน้า)**:
- ราคาซื้อ: 45,000 ดอลลาร์ (ประมาณ)
- ส่วนลด: 5,000 ดอลลาร์ (ไม่แน่นอน อาจลดลง)
- ต้นทุนการดำเนินงานประจำปี: 600 ดอลลาร์ (ใกล้เคียงกับ NMC EV)
- มูลค่าการขายต่อ: มูลค่าลดลง 20% ต่อปีหลังจากซื้อ (เช่น 45,000 ดอลลาร์ × 0.8<sup>

---
### **สูตรจุดคุ้มทุน**
**การเปรียบเทียบต้นทุนรวมในช่วง T ปี**:
- **ตัวเลือกที่ 1 (ซื้อ EV ทันที)**:
\[
\text{ต้นทุน} = (40,000 - 7,500) + 600T - 40,000 \times 0.8^T
\]
- **ตัวเลือกที่ 2 (รถเก่า + EV ในอนาคต)**:
\[
\text{ต้นทุน} = \underbrace{(2,200 \times 5 - 2,000)}_{\text{รถเก่า}} + \underbrace{(45,000 - 5,000)}_{\text{EV ใหม่}} + 600(T-5) - 45,000 \times 0.8^{(T-5)}
\]
---
### **การคำนวณ**
กำหนดให้ต้นทุนทั้งสองเท่ากันและแก้หา T:
\[
32,500 + 600T - 40,000 \times 0.8^T = 49,000 + 600(T-5) - 45,000 \times 0.8^{(T-5)}
\]
การลดรูปและการแก้ปัญหาเชิงตัวเลขจะให้ผลลัพธ์ **≈8.8 ปี** ภายใต้สมมติฐานที่กำหนด
---
### **การวิเคราะห์ความอ่อนไหว**
จุดคุ้มทุนขึ้นอยู่กับ:
1. **ราคา EV**: หาก EV แบบโซลิดสเตตลดลงต่ำกว่า 45,000 ดอลลาร์ จุดคุ้มทุนจะเกิดขึ้นในภายหลัง
2. **แรงจูงใจ**: การสูญเสียแรงจูงใจในอนาคตจะทำให้จุดคุ้มทุนล่าช้า
3. **อัตราการเสื่อมราคา**: การเสื่อมราคา EV แบบ NMC ที่เร็วขึ้น (เช่น เนื่องมาจากเทคโนโลยีใหม่) จะทำให้จุดคุ้มทุนสั้นลง 4. **ต้นทุนการดำเนินงาน**: ราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นสนับสนุนตัวเลือกที่ 1
---
### **ข้อสรุป**
- **ระยะสั้น (ต่ำกว่า ~9 ปี)**: การใช้รถเก่าและรอ EV แบบโซลิดสเตตนั้นถูกกว่า
- **ระยะยาว (มากกว่า ~9 ปี)**: การซื้อ NMC EV ในตอนนี้จะประหยัดกว่า
**คำแนะนำ**: หากคุณวางแผนที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์เป็นเวลา **น้อยกว่า 9 ปี** ให้รอ EV แบบโซลิดสเตต สำหรับการ **เป็นเจ้าของในระยะยาว** ให้ซื้อ NMC EV ทันที ปรับสมมติฐานตามราคาเชื้อเพลิง/ไฟฟ้าในท้องถิ่น แรงจูงใจ และสภาพรถยนต์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
1. ความจริงก็คือ แบต Solid-State สำหรับ BEV ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา
2. เมื่อไหร่จะเสร็จสมบูรณ์ก็ไม่รู้
3. ต่อให้มี Solid-State ที่ใช้งานได้ออกมาจริงในอีก 2 ปีข้างหน้า จะใช้กับรถซักกี่รุ่นกี่คัน เพราะต้นทุนที่ยังเป็นคำถามในช่วงเริ่มต้น
4. ต่อให้ทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะมีกำลังการผลิตได้เพียงพอใช้กับรถยนต์ไฟฟฟ้าทุกคันในช่วง 1-3 ปีแรก เผลอๆไปถึง 5-6 ปี
5. คำถามต่อไปแทนที่จะถามรถน้ำมัน คงต้องกลับไปถามรถยนต์ไฟฟ้าด้วยกันเองว่าในระหว่างที่แบต Solid-State ยังมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ รวมทั้งต้นทุนที่ยังไม่ Optimized ว่าแล้วใครจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตแบบเก่าในช่วงระหว่างนั้น เพราะเท่ากับว่าซื้อไปรอตกรุ่น มี Game-Changer Technology ที่พร้อมจะขายในอนาคตอันใกล้
ข่าวในอุตยานยนต์มันก็คือข่าวครับ ถ้ามีการใช้งานได้จริงแล้วมันต้องรู้กันในหมู่ผู้ผลิตรถยนต์หรือ Supplier กันเองล่วงหน้า 3-4 ปี หากจะแถลงข่าวออกสื่ออย่างเป็นทางการสำหรับ Product ที่พร้อมขายแล้ววันนี้เท่านั้น ส่วนพวกข่าวตามเว็บข่าวดังๆที่ว่าปีหน้าหรืออีก 2 ปี 3 ปี ไอ้โน่นไอ้นี่จะพัฒนาเสร็จมันคือการให้ข่าวล่อคนไปอย่างนั้นแหละ
2. เมื่อไหร่จะเสร็จสมบูรณ์ก็ไม่รู้
3. ต่อให้มี Solid-State ที่ใช้งานได้ออกมาจริงในอีก 2 ปีข้างหน้า จะใช้กับรถซักกี่รุ่นกี่คัน เพราะต้นทุนที่ยังเป็นคำถามในช่วงเริ่มต้น
4. ต่อให้ทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะมีกำลังการผลิตได้เพียงพอใช้กับรถยนต์ไฟฟฟ้าทุกคันในช่วง 1-3 ปีแรก เผลอๆไปถึง 5-6 ปี
5. คำถามต่อไปแทนที่จะถามรถน้ำมัน คงต้องกลับไปถามรถยนต์ไฟฟ้าด้วยกันเองว่าในระหว่างที่แบต Solid-State ยังมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ รวมทั้งต้นทุนที่ยังไม่ Optimized ว่าแล้วใครจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตแบบเก่าในช่วงระหว่างนั้น เพราะเท่ากับว่าซื้อไปรอตกรุ่น มี Game-Changer Technology ที่พร้อมจะขายในอนาคตอันใกล้
ข่าวในอุตยานยนต์มันก็คือข่าวครับ ถ้ามีการใช้งานได้จริงแล้วมันต้องรู้กันในหมู่ผู้ผลิตรถยนต์หรือ Supplier กันเองล่วงหน้า 3-4 ปี หากจะแถลงข่าวออกสื่ออย่างเป็นทางการสำหรับ Product ที่พร้อมขายแล้ววันนี้เท่านั้น ส่วนพวกข่าวตามเว็บข่าวดังๆที่ว่าปีหน้าหรืออีก 2 ปี 3 ปี ไอ้โน่นไอ้นี่จะพัฒนาเสร็จมันคือการให้ข่าวล่อคนไปอย่างนั้นแหละ
แสดงความคิดเห็น
อย่าพึ่งซื้อรถไฟฟ้า อีก 2 ปี มี Solid State Battery ชาร์จแค่ 9 นาที วิ่งได้ไกล ปลอดภัยไม่ระเหยไหม้ระเบิดเพราะเป็นของแข็ง
https://ppantip.com/topic/43233308/comment96
Ai
หากต้องการกำหนดจุดคุ้มทุนระหว่างการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน (แบตเตอรี่ NMC) กับการใช้รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน 5 ปี แล้วจึงเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบโซลิดสเตต ให้ทำตามแนวทางที่มีโครงสร้างดังนี้:
---
### **ตัวแปรสำคัญและสมมติฐาน**
1. **รถยนต์ไฟฟ้า (NMC) ในปัจจุบัน**:
- ราคาซื้อ: 40,000 ดอลลาร์
- แรงจูงใจ: 7,500 ดอลลาร์ (เช่น เครดิตภาษี)
- ต้นทุนการดำเนินงานประจำปี: 600 ดอลลาร์ (การชาร์จ + การบำรุงรักษา)
- มูลค่าการขายต่อ: ลดลง 20% ต่อปี (เช่น มูลค่า 40,000 ดอลลาร์ × 0.8<sup>T</sup> หลังจาก T ปี)
2. **รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน**:
- ต้นทุนการดำเนินงานประจำปี: 2,200 ดอลลาร์ (เชื้อเพลิง + การบำรุงรักษา)
- มูลค่าการขายต่อใน 5 ปี: 2,000 ดอลลาร์ (จาก 5,000 ดอลลาร์เริ่มต้น)
3. **รถยนต์ไฟฟ้าโซลิดสเตตในอนาคต (ใน 5 ปีข้างหน้า)**:
- ราคาซื้อ: 45,000 ดอลลาร์ (ประมาณ)
- ส่วนลด: 5,000 ดอลลาร์ (ไม่แน่นอน อาจลดลง)
- ต้นทุนการดำเนินงานประจำปี: 600 ดอลลาร์ (ใกล้เคียงกับ NMC EV)
- มูลค่าการขายต่อ: มูลค่าลดลง 20% ต่อปีหลังจากซื้อ (เช่น 45,000 ดอลลาร์ × 0.8<sup”มากกว่า เปิดวงเล็บ“T-5)“น้อยกว่า สแลช”sup>)
---
### **สูตรจุดคุ้มทุน**
**การเปรียบเทียบต้นทุนรวมในช่วง T ปี**:
- **ตัวเลือกที่ 1 (ซื้อ EV ทันที)**:
\[
\text{ต้นทุน} = (40,000 - 7,500) + 600T - 40,000 \times 0.8^T
\]
- **ตัวเลือกที่ 2 (รถเก่า + EV ในอนาคต)**:
\[
\text{ต้นทุน} = \underbrace{(2,200 \times 5 - 2,000)}_{\text{รถเก่า}} + \underbrace{(45,000 - 5,000)}_{\text{EV ใหม่}} + 600(T-5) - 45,000 \times 0.8^{(T-5)}
\]
---
### **การคำนวณ**
กำหนดให้ต้นทุนทั้งสองเท่ากันและแก้หา T:
\[
32,500 + 600T - 40,000 \times 0.8^T = 49,000 + 600(T-5) - 45,000 \times 0.8^{(T-5)}
\]
การลดรูปและการแก้ปัญหาเชิงตัวเลขจะให้ผลลัพธ์ **≈8.8 ปี** ภายใต้สมมติฐานที่กำหนด
---
### **การวิเคราะห์ความอ่อนไหว**
จุดคุ้มทุนขึ้นอยู่กับ:
1. **ราคา EV**: หาก EV แบบโซลิดสเตตลดลงต่ำกว่า 45,000 ดอลลาร์ จุดคุ้มทุนจะเกิดขึ้นในภายหลัง
2. **แรงจูงใจ**: การสูญเสียแรงจูงใจในอนาคตจะทำให้จุดคุ้มทุนล่าช้า
3. **อัตราการเสื่อมราคา**: การเสื่อมราคา EV แบบ NMC ที่เร็วขึ้น (เช่น เนื่องมาจากเทคโนโลยีใหม่) จะทำให้จุดคุ้มทุนสั้นลง 4. **ต้นทุนการดำเนินงาน**: ราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นสนับสนุนตัวเลือกที่ 1
---
### **ข้อสรุป**
- **ระยะสั้น (ต่ำกว่า ~9 ปี)**: การใช้รถเก่าและรอ EV แบบโซลิดสเตตนั้นถูกกว่า
- **ระยะยาว (มากกว่า ~9 ปี)**: การซื้อ NMC EV ในตอนนี้จะประหยัดกว่า
**คำแนะนำ**: หากคุณวางแผนที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์เป็นเวลา **น้อยกว่า 9 ปี** ให้รอ EV แบบโซลิดสเตต สำหรับการ **เป็นเจ้าของในระยะยาว** ให้ซื้อ NMC EV ทันที ปรับสมมติฐานตามราคาเชื้อเพลิง/ไฟฟ้าในท้องถิ่น แรงจูงใจ และสภาพรถยนต์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://ppantip.com/topic/43233308/comment91
ยูทูป 7แสนวิวครับ สรุปทุกอย่างใน10นาทีแรกจาก30นาที
https://youtu.be/KcM9UofYPSg
BYD CEO Announces New All solid state batteries with 10 Minutes Charging
การดู 7.3 แสน ครั้ง · 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา...เพิ่มเติม
CEO ของ BYD ประกาศเปิดตัวแบตเตอรี่โซลิดสเตตรุ่นใหม่ที่ชาร์จได้ภายใน 10 นาที
CEO ของ BYD ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพิ่งประกาศเปิดตัวแบตเตอรี่โซลิดสเตตรุ่นใหม่ โดยแบตเตอรี่เหล่านี้สามารถชาร์จรถยนต์ของคุณได้ภายใน 10 นาที นี่อาจฟังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ แต่ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ครั้งต่อไปของเทคโนโลยี EV ด้วยระยะทางที่เหลือเชื่อและการชาร์จที่รวดเร็วราวสายฟ้าแลบ BYD กำลังเขียนกฎเกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับสิ่งที่เป็นไปได้สำหรับการขนส่งที่ยั่งยืน แต่สิ่งนี้มีความหมายอย่างไรต่ออนาคตของยานยนต์ไฟฟ้า และจะมีผลกระทบต่อผู้ขับขี่ทั่วโลกอย่างไร มาดูกัน
Nature Discoveries ผู้ติดตาม 3 แสน
โครงการของนาซ่า(NASA) ชื่อ เซเบอร์(SABERS) = Solid-state Architecture Batteries for Enhanced Rechargeability and Safety
https://www.nasa.gov/aeronautics/nasas-solid-state-battery-research-exceeds-initial-goals-draws-interest/
งานวิจัย
https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0378775325000254
บทคัดย่อ
แบตเตอรี่ลิเธียมแบบโซลิดสเตตทั้งหมด (ASSLB) ถือเป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมรุ่นต่อไปที่มีแนวโน้มดีที่สุด เนื่องจากมีความหนาแน่นของพลังงาน ปลอดภัย และมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม อิเล็กโทรไลต์แบบโซลิดสเตต (SSE) ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญใน ASSLB ก็ยังพบอุปสรรคที่สำคัญ เช่น การนำไอออนที่จำกัดและความต้านทานของส่วนต่อประสานที่สูงขึ้น อิเล็กโทรไลต์แบบโซลิดคอมโพสิตที่มีลักษณะคล้ายแซนด์วิชได้รับการเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาข้างต้น การออกแบบนี้มีเมมเบรนอิเล็กโทรไลต์แบบโซลิดที่อุดมด้วยเซรามิก (CR) อยู่ระหว่างเมมเบรนอิเล็กโทรไลต์แบบโซลิดที่อุดมด้วยโพลีเมอร์ (PR) สองอัน (เรียกว่า PR-CR-PR) เมมเบรน CR มีความแข็งแรงทางกล ป้องกันไม่ให้เดนไดรต์ลิเธียมแทรกซึมเข้าไป ในขณะที่เมมเบรน PR ช่วยเพิ่มการสัมผัสระหว่างส่วนต่อประสานกับอิเล็กโทรด อิเล็กโทรไลต์ PR-CR-PR ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพของโลหะลิเธียม ทำให้มีรอบการทำงานที่เสถียรนานกว่า 500 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ยังขยายหน้าต่างไฟฟ้าเคมีเป็น 6.17 V อีกด้วย ผลไฟฟ้าเคมีแสดงให้เห็นว่าแบตเตอรี่ LiFePO4/PR-CR-PR/Li มีความจุจำเพาะ 161.97 mAh g−1 ที่ 0.2 C แบตเตอรี่ยังคงรักษาความจุจำเพาะของการคายประจุสูงที่ 147.72 mAh g−1 และอัตราการคงความจุที่ 91.2% หลังจาก 500 รอบ การศึกษานี้แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่มีแนวโน้มดีในการเตรียมอิเล็กโทรไลต์ที่มีต้นทุนต่ำและมีเสถียรภาพสูงโดยใช้การออกแบบหลายชั้นสำหรับการผลิตจำนวนมากของ ASSLB ที่มีความหนาแน่นของพลังงานสูง
ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นของยานยนต์ไฟฟ้า จึงมีความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับความปลอดภัยของแบตเตอรี่และความหนาแน่นของพลังงาน ปัจจุบัน แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเชิงพาณิชย์ส่วนใหญ่ใช้ขั้วบวกกราไฟต์ ซึ่งเป็นความท้าทายในการบรรลุการเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานอย่างมีนัยสำคัญ ขั้วบวกโลหะลิเธียมซึ่งมีความหนาแน่นของพลังงานสูงถึง 3860 mAh g−1 ได้รับการวิจัยและนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย [[1], [2], [3]] แบตเตอรี่ลิเธียมแบบดั้งเดิมที่ใช้สารอิเล็กโทรไลต์อินทรีย์เหลวนั้นมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย เช่น การรั่วไหลของสารอิเล็กโทรไลต์ การเผาไหม้ และลิเธียมเดนไดรต์
Ai
การเปรียบเทียบราคาต่อหน่วยความจุไฟฟ้า (Ah) ระหว่าง **แบตเตอรี่ Solid-State** และ **แบตเตอรี่ NMC (Nickel Manganese Cobalt)** ในปี 2027 สามารถสรุปได้ดังนี้:
---
### 1. **ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคา**
- **Solid-State Battery**:
- **ข้อได้เปรียบ**: มีความหนาแน่นพลังงานสูงขึ้น (อาจสูงถึง 2-3 เท่าของ NMC) ความปลอดภัยดีกว่า (ไม่มีสารละลายอิเล็กโทรไลต์ที่ติดไฟ) และอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
- **ข้อจำกัด**: ยังอยู่ในขั้นการพัฒนาทางการค้า กระบวนการผลิตซับซ้อน วัสดุอิเล็กโทรไลต์แข็ง (เช่น ซัลไฟด์หรือออกไซด์) มีราคาสูง
- **NMC Battery**:
- **สถานะปัจจุบัน**: เป็นเทคโนโลยีที่ครบวงจร การผลิตระดับสูง (Gigafactories) ทำให้ต้นทุนลดลงต่อเนื่อง
- **แนวโน้ม**: การปรับปรุงสูตรเคมี (เช่น NMC 811 ที่ลดการใช้โคบอลต์) และการรีไซเคิลวัสดุช่วยลดต้นทุน
---
### 2. **การคาดการณ์ราคาต่อ Ah ในปี 2027**
สมมติใช้แรงดันเฉลี่ย **3.7V** สำหรับ NMC และ **4.5V** สำหรับ Solid-State (เนื่องจากแรงดันสูงขึ้น):
| ประเภทแบตเตอรี่ | ราคาต่อ kWh (2027) | แรงดัน (V) | ราคาต่อ Ah (USD/Ah) |
|------------------|---------------------|------------|----------------------|
| **NMC** | ~70-90 USD/kWh | 3.7 | **0.19–0.24 USD/Ah** |
| **Solid-State** | ~150-250 USD/kWh | 4.5 | **0.33–0.56 USD/Ah** |
**สูตรคำนวณ**:
\[ \text{ราคาต่อ Ah} = \frac{\text{ราคาต่อ kWh} \times 1,000}{\text{แรงดัน (V)} \times 1,000} \]
- **NMC**: \( \frac{70}{3.7} \approx 0.19 \, \text{USD/Ah} \)
- **Solid-State**: \( \frac{150}{4.5} \approx 0.33 \, \text{USD/Ah} \)
---
### 3. **ปัจจัยที่อาจเปลี่ยนแปลงการคาดการณ์**
- **Solid-State**:
- หากมีผู้ผลิตหลัก (เช่น Toyota, QuantumScape) เริ่มผลิตจำนวนมาก ราคาอาจลดลงอย่างรวดเร็ว
- การใช้วัสดุใหม่ (เช่น อิเล็กโทรไลต์ออกไซด์แทนซัลไฟด์) อาจลดต้นทุน
- **NMC**:
- ราคาวัตถุดิบ (นิกเกิล โคบอลต์) ที่ผันผวน และกฎหมายสิ่งแวดล้อมอาจเพิ่มต้นทุน
- การพัฒนาสูตรเคมีแบบไร้โคบอลต์ (LMFP หรือ LNMO) อาจลดราคา
---
### 4. **สรุป**
- **ราคาต่อ Ah**: ในปี 2027 คาดว่า **Solid-State** จะยังมีราคาสูงกว่า **NMC** ประมาณ **1.5–2.5 เท่า** เนื่องจากข้อจำกัดด้านการผลิต
- **มูลค่าต่อการใช้**: Solid-State อาจคุ้มค่ากว่าในระยะยาว เนื่องจากอายุการใช้งานยาวนานและน้ำหนักเบา (เหมาะสำหรับรถไฟฟ้าและอุปกรณ์พกพา)
- **ความไม่แน่นอน**: หาก Solid-State บรรลุการผลิตระดับอุตสาหกรรมได้ก่อนปี 2027 ราคาอาจลดลงใกล้เคียง NMC
---
**หมายเหตุ**: ข้อมูลนี้เป็นการประมาณการจากแนวโน้มปัจจุบันและสมมติฐานทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐบาลหรือนวัตกรรมที่ disrupt อาจส่งผลต่อราคาจริง!