ภูเก็ต บูมสุดๆ
ท่องเที่ยวภูเก็ตบูม ปี’67 กวาดรายได้ 4.97 แสนล้าน นักท่องเที่ยวทะลุ 13 ล้านคน โรงแรมภูเก็ต
รับเต็ม ๆ ไฮซีซั่นเดือน ม.ค. จ่ายเงินพิเศษ “เซอร์วิสชาร์จ” โรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ตแชมป์จ่ายสูงสุด 9.2 หมื่นบาท/คน “อินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต” บวกโบนัสอีก 2 เดือน ททท.ลุ้นปีนี้ทำนิวไฮทะลุ 5 แสนล้าน รายได้กว่า 90% มาจากต่างชาติ
แหล่งข่าวจากวงการโรงแรมจังหวัดภูเก็ตเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้ยอดการจ่ายค่าเซอร์วิสชาร์จเดือน ม.ค. ให้พนักงานของโรงแรมต่าง ๆ ในจังหวัดภูเก็ตยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะโรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต ที่ประกาศจ่ายเซอร์วิสชาร์จสูงสุดเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 92,924.34 บาทต่อคนต่อเดือน แม้จะน้อยกว่าเดือน ม.ค. 2567 เล็กน้อย ซึ่งจ่าย 95,733.22 บาท แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในระดับสูง
ส่วนโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต ประกาศเซอร์วิสชาร์จเดือนมกราคม 2568 ตัวเลข 59,371 บาท พร้อมบวกจ่ายโบนัสเพิ่ม 2 เดือน เมื่อพิจารณาย้อนหลังในการจ่ายเซอร์วิสชาร์จทั้งปีตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม
2567 ปรากฏว่ามียอดจ่ายเฉลี่ยกว่า 28,000 บาทต่อเดือน หรือมียอดรวมทั้งปีกว่า 3 แสนบาทต่อคน
ส่วนโรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต เฉลี่ยเดือนละ 20,000 กว่าบาท หรือมียอดรวมประมาณ 2.7 แสนบาทต่อปี
โรงแรม 3 ดาวก็แจกหนัก
นอกจากนี้มีโรงแรมระดับ 3 ดาวบริเวณป่าตอง มีการจ่ายเซอร์วิสชาร์จระดับ 30,000 กว่าบาท รวมหลายโรงแรม
“ก่อนที่โรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต จะประกาศเซอร์วิสชาร์จมีข่าวลือกันว่า ปีนี้โรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต จะจ่ายเซอร์วิสชาร์จที่ยอด 110,000 บาทต่อคนต่อเดือน แต่ประกาศจริงยอดลดลงจากปีที่แล้วเล็กน้อย เห็นว่าผู้บริหารจะเก็บไว้เฉลี่ยจ่ายเซอร์วิสชาร์จให้พนักงานช่วงโลว์ซีซั่นที่นักท่องเที่ยวลดจำนวนลง ไม่ได้ยอดจองเต็ม 100% เหมือนช่วงไฮซีซั่น”
เผยเดือน ม.ค.ได้มากที่สุด
แหล่งข่าวจากวงการโรงแรมกล่าวต่อไปว่า การจ่ายเซอร์วิสชาร์จสูง ๆ ของธุรกิจโรงแรมเพื่อเรียกเสียงฮือฮาถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การทำตลาด เพื่อเรียกแขกระดับสูงให้มาใช้บริการ
โดยโรงแรมแต่ละแห่งมีเทคนิคการสร้างยอดเซอร์วิสชาร์จที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างบางโรงแรมหัก 10% ของยอดเซอร์วิสชาร์จทุกเดือน เพื่อจะเก็บเงินก้อนไว้มาทำยอดเซอร์วิสชาร์จในเดือนมกราคม ที่เป็นไฮไลต์ของช่วงไฮซีซั่นการจ่ายเซอร์วิสชาร์จของธุรกิจโรงแรม
บางโรงแรมมีบริษัทในเครือที่ทำธุรกิจเชื่อมโยงกันมีผลกำไรดี นำเงินมาช่วยสมทบจ่ายเซอร์วิสชาร์จให้พนักงานของโรงแรมด้วย เช่น โรงงานขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง มีบริษัทในเครือทำธุรกิจ “Time Sharing” เป็นลักษณะการลงทุนอย่างหนึ่ง
โดยบริษัทในเครือของโรงแรมทำหน้าที่เป็นตัวกลางนำห้องของโรงแรมไปเสนอปล่อยเช่าระยะยาว 5-10 ปี โดยการันตีผลตอบแทนให้ผู้สนใจลงทุนเช่า 5-10% เมื่อบริษัทนี้ได้ผลกำไรตอนปลายปีจะนำเงินมาช่วยสมทบเช่นนี้ตลอดทุกปี
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน หลายโรงแรมช่วงไฮซีซั่นเน้นจ้างพนักงานประจำลดลง 20-30% เปลี่ยนมารับพนักงานชั่วคราว นักศึกษาฝึกงาน ช่วงที่มีความจำเป็นต้องใช้คน โดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่น ทำให้โรงแรมไม่ต้องแบกภาระสวัสดิการของพนักงานประจำ ไม่ต้องมีภาระจ่ายประกันสังคม ฯลฯ
แมริออทแชมป์แจกเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จังหวัดภูเก็ตมีโรงแรมที่จ่ายเซอร์วิสชาร์จสูงสุด โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม 2024-ม.ค. 2025 ได้แก่ โรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต 92,924.34 บาท แม้จะน้อยกว่าในเดือนมกราคม 2023 ที่จ่าย 95,733.22 บาท แต่ยังคงเป็นโรงแรมที่จ่ายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในบรรดาโรงแรมจังหวัดภูเก็ตทั้งหมดมาตลอด
โรงแรมอนันตรา ลายัน ภูเก็ต รีสอร์ท 71,365 บาท +โบนัส 1 เดือน (ปีที่ผ่านมาจ่าย 71,715 บาท) ขณะที่โรงแรมทราย ลากูน่า ภูเก็ต ปีนี้จ่ายเซอร์วิสชาร์จสูงขึ้น 57,821 บาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาจ่าย 46,239 บาท, โรงแรมอนันตรา เวเคชั่น คลับ ไม้ขาว ภูเก็ต 57,140 บาท +โบนัส 1 เดือน โรงแรมโอโซ่ ภูเก็ต (OZO Phuket) 57,929 บาท (ปีที่ผ่านมาจ่าย 57,788 บาท) รอบเดือนธันวาคม 2024 โรงแรมอมันปุรี 65,571 บาท +โบนัส 1.5 เดือน
ท่องเที่ยวปี’67 สูง 4.9 แสนล้าน
ส่วนภาพรวมการท่องเที่ยวในภูเก็ต นายเลิศชาย หวังตระกูลดี ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต กล่าวว่า จากข้อมูลการท่องเที่ยวโดยกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุข้อมูลยอดสะสมจำนวนผู้เยี่ยมเยือนทั้งหมดเดือนมกราคม-ธันวาคม 2567 จำนวนผู้เยี่ยมเยือนทั้งหมด 13,141,410 คน
แบ่งเป็น คนไทย 3,263,401 คน ชาวต่างชาติ 9,878,009 คน คิดเป็นรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนทั้งหมด 497,523.93 ล้านบาท เป็นรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนคนไทย 35,706.95 ล้านบาท รายได้จากผู้เยี่ยมเยือนคนต่างชาติ 461,816.98 ล้านบาท ส่วนรายได้การท่องเที่ยวปี 2568 ตั้งเอาไว้ว่าให้ทะลุ 450,000 ล้านบาท แต่จะถึง 5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็น New High หรือไม่นั้น ยังต้องลุ้นกันอีกครั้ง
เทียบข้อมูลปี 2566 จำนวนผู้เยี่ยมเยือน ชาวไทย 2,924,034 คน ชาวต่างประเทศ 8,376,464 คน รวม 11,300,498 คน รายได้หมุนเวียนปี 2566 ชาวไทย 22,190.66 ล้านบาท ชาวต่างประเทศ 365,826.52 ล้านบาท รวม 388,017.18 ล้านบาท
ปีนี้ลุ้นทำสถิติ 5 แสนล้าน
“ปี 2567 นักท่องเที่ยวรวมกว่า 13 ล้านคน แต่รายได้ท่องเที่ยวปี 2567 ทั้งหมด 497,523.93 ล้านบาท มากกว่าปี 2566 เกือบแสนล้าน เทียบช่วงโควิดจำนวนนักท่องเที่ยว 14 ล้านคน แต่ปี 2567 รายได้จากการท่องเที่ยวทะลุก่อนโควิดไปแล้ว ผมเองจะย้ายแล้ว เป้ารายได้ปี 2568 รอ ผอ.ททท.ภูเก็ตคนใหม่มาแล้วกัน”
อย่างไรก็ตาม ปีนี้คาดว่าจะทำได้เกือบถึงเป้าท้าทาย 500,000 ล้านบาท เพราะเราได้นักท่องเที่ยวคุณภาพสูง ผลจากการที่คัดกลุ่มตลาดออสเตรเลียเข้ามา และเห็นว่าค่าใช้จ่ายมากขึ้น อัตราเข้าพักระยะยาวมากขึ้นจากซาอุดีอาระเบีย มีไฟลต์บินตรง พยายามดึงจากแถบตะวันออกกลาง ประเทศซาอุดีอาระเบียเข้ามา
ทาง ททท.ที่รับผิดชอบในตลาดนี้ได้ช่วยให้เกิดการบินเข้ามาได้จริงตามที่เราต้องการ ทุกอย่างจึงได้เข้าเป้า จำนวนไม่ให้เยอะเกิน แต่ว่ารายได้ต้องให้ทะลุก็ได้อย่างที่ต้องการ
ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวจีนมีความมั่นใจว่า ภายใน 6 เดือนก็น่าจะมีตัวเลขที่กลับคืนมา สำหรับยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาสูงสุด ได้แก่ 1.รัสเซีย 2.จีน 3.อินเดีย 4.ออสเตรเลีย 5.อังกฤษ
เผยภูเก็ตเป้าหมายต่างชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า รายได้ส่วนใหญ่ของจังหวัดภูเก็ตมาจากภาคการท่องเที่ยว และบริการ ร้อยละ 92.9 มีเที่ยวบินตรงจาก 21 ประเทศ รวมกว่า 53 เมือง ปัจจุบันมีเที่ยวบินเฉลี่ยสัปดาห์ละกว่า 2,572 เที่ยว หรือ 368 เที่ยวบินต่อวัน มีท่าเรือน้ำลึกเพื่อรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ ขาเข้า-ขาออก เฉลี่ย 2 เที่ยวต่อสัปดาห์
รวมถึงท่าเรือมารีน่ารองรับเรือยอชต์ที่ทันสมัยในระดับโลกถึง 5 แห่ง มีเที่ยวเรือขาเข้า-ขาออก เฉลี่ยสัปดาห์ละ 13 ลำ
แหล่งข่าวจากสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้เปิดเผยว่า ตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา ธุรกิจโรงแรมภูเก็ตมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยประมาณ 78-79% และคาดว่าอัตราการเข้าพักในช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ของปี 2568 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึง 90%
ห้องพักอัพราคาได้เท่าตัว
ทั้งนี้ ในปี 2567 ภาพรวมของธุรกิจโรงแรมในจังหวัดภูเก็ตสามารถทำราคาห้องพักได้ค่อนข้างสูงมาก กล่าวคือโรงแรมขนาดเล็กในตัวเมืองภูเก็ต ขยับราคาขายเป็น 2,000 บาทต่อคืน จากเดิมที่อยู่ในระดับ 1,000 บาทต่อคืน โรงแรม 4 ดาวขยับขึ้นได้ถึงกว่า 10,000 บาทต่อคืน โรงแรม 5 ดาว สามารถขายได้ถึงกว่า 20,000 บาทต่อคืนแล้ว
“ปี 2568 นี้ธุรกิจโรงแรมภูเก็ตยังสามารถปรับขึ้นราคาห้องพักได้อีก เนื่องจากดีมานด์ยังเข้ามาเป็นจำนวนมาก ประกอบกับนักท่องเที่ยวมีพฤติกรรมจองห้องพักแบบ Last Minute ทำให้ผู้ประกอบการสามารถปรับราคาขึ้นตามดีมานด์ได้ดีขึ้น” แหล่งข่าวกล่าว...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1743762
โรงแรมภูเก็ตแจกดุ “เซอร์วิสชาร์จ” เดือน ม.ค.ได้เฉียดแสนต่อคน.
ท่องเที่ยวภูเก็ตบูม ปี’67 กวาดรายได้ 4.97 แสนล้าน นักท่องเที่ยวทะลุ 13 ล้านคน โรงแรมภูเก็ต
รับเต็ม ๆ ไฮซีซั่นเดือน ม.ค. จ่ายเงินพิเศษ “เซอร์วิสชาร์จ” โรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ตแชมป์จ่ายสูงสุด 9.2 หมื่นบาท/คน “อินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต” บวกโบนัสอีก 2 เดือน ททท.ลุ้นปีนี้ทำนิวไฮทะลุ 5 แสนล้าน รายได้กว่า 90% มาจากต่างชาติ
แหล่งข่าวจากวงการโรงแรมจังหวัดภูเก็ตเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้ยอดการจ่ายค่าเซอร์วิสชาร์จเดือน ม.ค. ให้พนักงานของโรงแรมต่าง ๆ ในจังหวัดภูเก็ตยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะโรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต ที่ประกาศจ่ายเซอร์วิสชาร์จสูงสุดเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 92,924.34 บาทต่อคนต่อเดือน แม้จะน้อยกว่าเดือน ม.ค. 2567 เล็กน้อย ซึ่งจ่าย 95,733.22 บาท แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในระดับสูง
ส่วนโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต ประกาศเซอร์วิสชาร์จเดือนมกราคม 2568 ตัวเลข 59,371 บาท พร้อมบวกจ่ายโบนัสเพิ่ม 2 เดือน เมื่อพิจารณาย้อนหลังในการจ่ายเซอร์วิสชาร์จทั้งปีตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม
2567 ปรากฏว่ามียอดจ่ายเฉลี่ยกว่า 28,000 บาทต่อเดือน หรือมียอดรวมทั้งปีกว่า 3 แสนบาทต่อคน
ส่วนโรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต เฉลี่ยเดือนละ 20,000 กว่าบาท หรือมียอดรวมประมาณ 2.7 แสนบาทต่อปี
โรงแรม 3 ดาวก็แจกหนัก
นอกจากนี้มีโรงแรมระดับ 3 ดาวบริเวณป่าตอง มีการจ่ายเซอร์วิสชาร์จระดับ 30,000 กว่าบาท รวมหลายโรงแรม
“ก่อนที่โรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต จะประกาศเซอร์วิสชาร์จมีข่าวลือกันว่า ปีนี้โรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต จะจ่ายเซอร์วิสชาร์จที่ยอด 110,000 บาทต่อคนต่อเดือน แต่ประกาศจริงยอดลดลงจากปีที่แล้วเล็กน้อย เห็นว่าผู้บริหารจะเก็บไว้เฉลี่ยจ่ายเซอร์วิสชาร์จให้พนักงานช่วงโลว์ซีซั่นที่นักท่องเที่ยวลดจำนวนลง ไม่ได้ยอดจองเต็ม 100% เหมือนช่วงไฮซีซั่น”
เผยเดือน ม.ค.ได้มากที่สุด
แหล่งข่าวจากวงการโรงแรมกล่าวต่อไปว่า การจ่ายเซอร์วิสชาร์จสูง ๆ ของธุรกิจโรงแรมเพื่อเรียกเสียงฮือฮาถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การทำตลาด เพื่อเรียกแขกระดับสูงให้มาใช้บริการ
โดยโรงแรมแต่ละแห่งมีเทคนิคการสร้างยอดเซอร์วิสชาร์จที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างบางโรงแรมหัก 10% ของยอดเซอร์วิสชาร์จทุกเดือน เพื่อจะเก็บเงินก้อนไว้มาทำยอดเซอร์วิสชาร์จในเดือนมกราคม ที่เป็นไฮไลต์ของช่วงไฮซีซั่นการจ่ายเซอร์วิสชาร์จของธุรกิจโรงแรม
บางโรงแรมมีบริษัทในเครือที่ทำธุรกิจเชื่อมโยงกันมีผลกำไรดี นำเงินมาช่วยสมทบจ่ายเซอร์วิสชาร์จให้พนักงานของโรงแรมด้วย เช่น โรงงานขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง มีบริษัทในเครือทำธุรกิจ “Time Sharing” เป็นลักษณะการลงทุนอย่างหนึ่ง
โดยบริษัทในเครือของโรงแรมทำหน้าที่เป็นตัวกลางนำห้องของโรงแรมไปเสนอปล่อยเช่าระยะยาว 5-10 ปี โดยการันตีผลตอบแทนให้ผู้สนใจลงทุนเช่า 5-10% เมื่อบริษัทนี้ได้ผลกำไรตอนปลายปีจะนำเงินมาช่วยสมทบเช่นนี้ตลอดทุกปี
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน หลายโรงแรมช่วงไฮซีซั่นเน้นจ้างพนักงานประจำลดลง 20-30% เปลี่ยนมารับพนักงานชั่วคราว นักศึกษาฝึกงาน ช่วงที่มีความจำเป็นต้องใช้คน โดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่น ทำให้โรงแรมไม่ต้องแบกภาระสวัสดิการของพนักงานประจำ ไม่ต้องมีภาระจ่ายประกันสังคม ฯลฯ
แมริออทแชมป์แจกเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จังหวัดภูเก็ตมีโรงแรมที่จ่ายเซอร์วิสชาร์จสูงสุด โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม 2024-ม.ค. 2025 ได้แก่ โรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต 92,924.34 บาท แม้จะน้อยกว่าในเดือนมกราคม 2023 ที่จ่าย 95,733.22 บาท แต่ยังคงเป็นโรงแรมที่จ่ายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในบรรดาโรงแรมจังหวัดภูเก็ตทั้งหมดมาตลอด
โรงแรมอนันตรา ลายัน ภูเก็ต รีสอร์ท 71,365 บาท +โบนัส 1 เดือน (ปีที่ผ่านมาจ่าย 71,715 บาท) ขณะที่โรงแรมทราย ลากูน่า ภูเก็ต ปีนี้จ่ายเซอร์วิสชาร์จสูงขึ้น 57,821 บาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาจ่าย 46,239 บาท, โรงแรมอนันตรา เวเคชั่น คลับ ไม้ขาว ภูเก็ต 57,140 บาท +โบนัส 1 เดือน โรงแรมโอโซ่ ภูเก็ต (OZO Phuket) 57,929 บาท (ปีที่ผ่านมาจ่าย 57,788 บาท) รอบเดือนธันวาคม 2024 โรงแรมอมันปุรี 65,571 บาท +โบนัส 1.5 เดือน
ท่องเที่ยวปี’67 สูง 4.9 แสนล้าน
ส่วนภาพรวมการท่องเที่ยวในภูเก็ต นายเลิศชาย หวังตระกูลดี ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต กล่าวว่า จากข้อมูลการท่องเที่ยวโดยกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุข้อมูลยอดสะสมจำนวนผู้เยี่ยมเยือนทั้งหมดเดือนมกราคม-ธันวาคม 2567 จำนวนผู้เยี่ยมเยือนทั้งหมด 13,141,410 คน
แบ่งเป็น คนไทย 3,263,401 คน ชาวต่างชาติ 9,878,009 คน คิดเป็นรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนทั้งหมด 497,523.93 ล้านบาท เป็นรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนคนไทย 35,706.95 ล้านบาท รายได้จากผู้เยี่ยมเยือนคนต่างชาติ 461,816.98 ล้านบาท ส่วนรายได้การท่องเที่ยวปี 2568 ตั้งเอาไว้ว่าให้ทะลุ 450,000 ล้านบาท แต่จะถึง 5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็น New High หรือไม่นั้น ยังต้องลุ้นกันอีกครั้ง
เทียบข้อมูลปี 2566 จำนวนผู้เยี่ยมเยือน ชาวไทย 2,924,034 คน ชาวต่างประเทศ 8,376,464 คน รวม 11,300,498 คน รายได้หมุนเวียนปี 2566 ชาวไทย 22,190.66 ล้านบาท ชาวต่างประเทศ 365,826.52 ล้านบาท รวม 388,017.18 ล้านบาท
ปีนี้ลุ้นทำสถิติ 5 แสนล้าน
“ปี 2567 นักท่องเที่ยวรวมกว่า 13 ล้านคน แต่รายได้ท่องเที่ยวปี 2567 ทั้งหมด 497,523.93 ล้านบาท มากกว่าปี 2566 เกือบแสนล้าน เทียบช่วงโควิดจำนวนนักท่องเที่ยว 14 ล้านคน แต่ปี 2567 รายได้จากการท่องเที่ยวทะลุก่อนโควิดไปแล้ว ผมเองจะย้ายแล้ว เป้ารายได้ปี 2568 รอ ผอ.ททท.ภูเก็ตคนใหม่มาแล้วกัน”
อย่างไรก็ตาม ปีนี้คาดว่าจะทำได้เกือบถึงเป้าท้าทาย 500,000 ล้านบาท เพราะเราได้นักท่องเที่ยวคุณภาพสูง ผลจากการที่คัดกลุ่มตลาดออสเตรเลียเข้ามา และเห็นว่าค่าใช้จ่ายมากขึ้น อัตราเข้าพักระยะยาวมากขึ้นจากซาอุดีอาระเบีย มีไฟลต์บินตรง พยายามดึงจากแถบตะวันออกกลาง ประเทศซาอุดีอาระเบียเข้ามา
ทาง ททท.ที่รับผิดชอบในตลาดนี้ได้ช่วยให้เกิดการบินเข้ามาได้จริงตามที่เราต้องการ ทุกอย่างจึงได้เข้าเป้า จำนวนไม่ให้เยอะเกิน แต่ว่ารายได้ต้องให้ทะลุก็ได้อย่างที่ต้องการ
ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวจีนมีความมั่นใจว่า ภายใน 6 เดือนก็น่าจะมีตัวเลขที่กลับคืนมา สำหรับยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาสูงสุด ได้แก่ 1.รัสเซีย 2.จีน 3.อินเดีย 4.ออสเตรเลีย 5.อังกฤษ
เผยภูเก็ตเป้าหมายต่างชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า รายได้ส่วนใหญ่ของจังหวัดภูเก็ตมาจากภาคการท่องเที่ยว และบริการ ร้อยละ 92.9 มีเที่ยวบินตรงจาก 21 ประเทศ รวมกว่า 53 เมือง ปัจจุบันมีเที่ยวบินเฉลี่ยสัปดาห์ละกว่า 2,572 เที่ยว หรือ 368 เที่ยวบินต่อวัน มีท่าเรือน้ำลึกเพื่อรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ ขาเข้า-ขาออก เฉลี่ย 2 เที่ยวต่อสัปดาห์
รวมถึงท่าเรือมารีน่ารองรับเรือยอชต์ที่ทันสมัยในระดับโลกถึง 5 แห่ง มีเที่ยวเรือขาเข้า-ขาออก เฉลี่ยสัปดาห์ละ 13 ลำ
แหล่งข่าวจากสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้เปิดเผยว่า ตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา ธุรกิจโรงแรมภูเก็ตมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยประมาณ 78-79% และคาดว่าอัตราการเข้าพักในช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ของปี 2568 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึง 90%
ห้องพักอัพราคาได้เท่าตัว
ทั้งนี้ ในปี 2567 ภาพรวมของธุรกิจโรงแรมในจังหวัดภูเก็ตสามารถทำราคาห้องพักได้ค่อนข้างสูงมาก กล่าวคือโรงแรมขนาดเล็กในตัวเมืองภูเก็ต ขยับราคาขายเป็น 2,000 บาทต่อคืน จากเดิมที่อยู่ในระดับ 1,000 บาทต่อคืน โรงแรม 4 ดาวขยับขึ้นได้ถึงกว่า 10,000 บาทต่อคืน โรงแรม 5 ดาว สามารถขายได้ถึงกว่า 20,000 บาทต่อคืนแล้ว
“ปี 2568 นี้ธุรกิจโรงแรมภูเก็ตยังสามารถปรับขึ้นราคาห้องพักได้อีก เนื่องจากดีมานด์ยังเข้ามาเป็นจำนวนมาก ประกอบกับนักท่องเที่ยวมีพฤติกรรมจองห้องพักแบบ Last Minute ทำให้ผู้ประกอบการสามารถปรับราคาขึ้นตามดีมานด์ได้ดีขึ้น” แหล่งข่าวกล่าว...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/local-economy/news-1743762