ผมไปเที่ยวฮ่องกง เมื่อ 11 มกราคม 2568 กับครอบครัว เป็นการเที่ยวแบบไม่มีกรุปทัวร์ คือเที่ยวเอง ตลอดที่ผมและครอบครัวเดินไปตามพื้นที่ต่างของฮ่องกง
ผมกล่าวได้ว่าฮ่องกงนั้นดีกว่ากรุงเทพมหานครหลายเท่า อาจเรียกได้ว่า ฮ่องกงคือเยาวราช เวอร์ชั่นอัพเกรดที่ดูเจริญกว่า ถนนและตรอกซอกซอยสะอาด มีการวางผังเมืองดี ระบบรถเมล์สาธารณะนั้นตรงเวลาขับดี
และที่สำคัญคือ
เน็ตมือถือฮ่องกงแรงกว่า WiFi อีก เอาง่ายในกรุงเทพและต่างจังหวัดของไทย เน็ตมือถือคือ 4g แต่ความแรงคือกลางไม่แรงมาก แต่ที่ฮ่องกง หากเดินไปตามที่สาธารณะเน็ตมือถือนั้น แรงก็ว่า บ้านเรามาก ขนาดอยู่ในโรงแรมยังไม่ต้องเปิด Wifi เลย พูดง่ายๆ 4g บ้านเขาแรงกว่าบ้านเราอีกราวกับว่าทั้งเมืองมี WiFi
แต่เรื่องที่ขอติของเมืองฮ่องกงคือ
ห้องน้ำหายากมาก รวมถึงห้องน้ำสาธารณะ ไม่ว่าร้านอาหารธรรมดาหรือหรูห้องน้ำนี้เป็นอะไรที่มีน้อยมากๆ
อาหารตามร้านอาหารต่างๆ เสริฟเร็วไม่เกิน 4-5 นาที แต่คุณต้องรีบกินเพราะเขาจะพยายามกดดันให้คุณออกเพื่อรับลูกค้าคนอื่นเขามา
คนฮ่องกงไม่รับเงินหยวน (เผอิญยายผมไปซื่อของแล้วยื่นเงินหยวนให้ เจ้าของร้านบอกเขาไม่รับ)
บันไดเลื่อน รถไฟใต้ดินหรือตามบ้างห้าง บางแห่งเร็วเวอร์ ก้าวพลาดที่ร่มได้เลย
สิ่งที่ผมสำผัสได้ในฮ่องกงคือผู้คนนั้นดูเคร่งเครียด ไร้จิตวิญญาณ บ้านเมืองเขาอาจดูเจริญ แต่มันดูเหมือนไร้จิตวิญญาณ ยังไงไม่รู้ราวกับพวกเขาไม่ได้ใช้ชีวิต คือทุกอย่างมันเร็วไปหมดไม่ว่าจะเป็นบันไดเลื่อนที่เร็วราวกับจะให้คนไปออกรบ หรือ ร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารเร็วและเมื่อกินเสร็จเขาจะบีบให้คุณออก
สังคมฮ่องกงเป็นสังคมก้มหน้า(เล่นมือถือ)
ในใจลึกๆผมรู้สึกว่าฮ่องกงมีวัฒนธรรม แต่เหมือนรู้สึกว่าภายใต้การปกครองอังกฤษชาวจีนฮ่องกงถูกตัดรากวัฒนธรรมอะไรไปบ้าง
เมืองแห่งนี้มันต่างจากกรุงเทพ กรุงเทพมหานครบ้านเราอาจะสู้ฮ่องกงไม่ได้แต่เมืองของเรายังพอมีประวัติศาสตร์ มีเรื่องราว มีจิตวิญญาณที่ทั้งดีและไม่ดีปะปนกัน บ้านเรามีวัดวาอาราม และเวลาถึงเทศกาลวิสาขบูชา หรือวันสำคัญทางศาสนาเรามักพาครอบครัวไปทำบุญ
แต่ในฮ่องกงผมกับเห็นแต่บ้านตึกเต็มไปหมด มันทั้งทรุดโทรม และซีด ในกรุงเทพบ้านเรามีทั้งบ้านตึกและบ้านเดียวปะปนกัน มีสวยและเก่าตามประสา
ถ้าอยากเห็นบ้านเดียวฮ่องกงก็ต้องไปแถวชานเมือง
ผมจะกล่าวอย่างนี้ จีนแผ่นดินใหญ่ตัดรากด้วยการปฏิวัติวัฒนธรรมด้วยกำลังและคบเพลิง แต่ อังกฤษตัดรากชาวจีนฮ่องกงด้วยการศึกษาและระบบทุนนิยม (ยังหรือตอนอังกฤษปกครอง อังกฤษพวกเขาไม่ได้แตะวัฒนธรรมจีน เพียงแต่ใช้วิธีตัดรากผ่านระบบการศึกษา และพวกเขารู้ว่าชาวจีนชอบค้าขาย ก็เลยนำระบบทุนนิยมเขามาทำให้ชาวจีนในฮ่องกงแข็งขันสนใจแต่งานและเรื่องเงินทอง จนทำให้รากวัฒนธรรมบางอย่างหายไป)
ผมสงสัยว่าตลอดที่อังกฤษปกครองฮ่องกงเขาใส่หลักคำสอนหรือตัดรากวัฒนธรรมของคนจีนในฮ่องกงไปบ้าง
จีนแดงและฮ่องกงมีเหมือนกันคือ
จีนแผ่นดินใหญ่คือบ้านนอกที่ไร้ราก แต่ฮ่องกงคือจีนผู้ดีที่ไร้จิตวิญญาณ
ทั้งสองมีเหมือนกันคือรากวัฒนธรรมที่ถูกทำลายเพียงแต่วิธีต่างกัน คอมมิวนิสต์จีนปลุกมวลชนล้มทุกสิ่งทุกอย่าง จนไร้ราก แต่ฮ่องกงอังกฤษตัดรากและใส่รากตะวันตกเขามา ชาวฮ่องกงเลยดูมีระเบียบและแบบแผนแบบตะวันตก แต่ผลที่ตามมาพวกเขากลายเป็นผู้ดีที่ไร้จิตวิญญาณ
จิตวิญญาณในฮ่องกงมันไม่ใช้จีน แต่มันคือทุนนิยมแบบตะวันตก ที่ดูจะเต็มสูบเกินไป ผมเลยรู้สึกว่านี้ไม่ใช้สิ่งที่ผมต้องการ สิ่งที่ผมอยากให้เมืองไทยเป็นเหมือนฮ่องกงคือ บ้านเมืองมีระเบียบเคารพกฎหมายและจราจร บ้านเมืองอาชญากรรมต่ำ แต่สิ่งที่ผมไม่อยากให้เมืองไทยเป็นคือบ้านเมืองที่ผู้คนเคร่งเครียดกับการทำงาน หรือสนใจแต่งเรื่องเงินๆทอง จนเหมือนไม่ได้ใช้ชีวิต ผมแค่อยากได้เมืองที่ปลอดภัยแค่นั้น มีจิตวิญญาณ มีชิวิต ไม่เป็นสังคมทุนนิยมสุดเหมือนฮ่องกง
(ประสบการณ์การท่องเที่ยว)อะไรทำให้ฮ่องกงเป็นดินแดนที่ดูไร้จิตวิญญาณ
ผมกล่าวได้ว่าฮ่องกงนั้นดีกว่ากรุงเทพมหานครหลายเท่า อาจเรียกได้ว่า ฮ่องกงคือเยาวราช เวอร์ชั่นอัพเกรดที่ดูเจริญกว่า ถนนและตรอกซอกซอยสะอาด มีการวางผังเมืองดี ระบบรถเมล์สาธารณะนั้นตรงเวลาขับดี
และที่สำคัญคือ
เน็ตมือถือฮ่องกงแรงกว่า WiFi อีก เอาง่ายในกรุงเทพและต่างจังหวัดของไทย เน็ตมือถือคือ 4g แต่ความแรงคือกลางไม่แรงมาก แต่ที่ฮ่องกง หากเดินไปตามที่สาธารณะเน็ตมือถือนั้น แรงก็ว่า บ้านเรามาก ขนาดอยู่ในโรงแรมยังไม่ต้องเปิด Wifi เลย พูดง่ายๆ 4g บ้านเขาแรงกว่าบ้านเราอีกราวกับว่าทั้งเมืองมี WiFi
แต่เรื่องที่ขอติของเมืองฮ่องกงคือ
ห้องน้ำหายากมาก รวมถึงห้องน้ำสาธารณะ ไม่ว่าร้านอาหารธรรมดาหรือหรูห้องน้ำนี้เป็นอะไรที่มีน้อยมากๆ
อาหารตามร้านอาหารต่างๆ เสริฟเร็วไม่เกิน 4-5 นาที แต่คุณต้องรีบกินเพราะเขาจะพยายามกดดันให้คุณออกเพื่อรับลูกค้าคนอื่นเขามา
คนฮ่องกงไม่รับเงินหยวน (เผอิญยายผมไปซื่อของแล้วยื่นเงินหยวนให้ เจ้าของร้านบอกเขาไม่รับ)
บันไดเลื่อน รถไฟใต้ดินหรือตามบ้างห้าง บางแห่งเร็วเวอร์ ก้าวพลาดที่ร่มได้เลย
สิ่งที่ผมสำผัสได้ในฮ่องกงคือผู้คนนั้นดูเคร่งเครียด ไร้จิตวิญญาณ บ้านเมืองเขาอาจดูเจริญ แต่มันดูเหมือนไร้จิตวิญญาณ ยังไงไม่รู้ราวกับพวกเขาไม่ได้ใช้ชีวิต คือทุกอย่างมันเร็วไปหมดไม่ว่าจะเป็นบันไดเลื่อนที่เร็วราวกับจะให้คนไปออกรบ หรือ ร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารเร็วและเมื่อกินเสร็จเขาจะบีบให้คุณออก
สังคมฮ่องกงเป็นสังคมก้มหน้า(เล่นมือถือ)
ในใจลึกๆผมรู้สึกว่าฮ่องกงมีวัฒนธรรม แต่เหมือนรู้สึกว่าภายใต้การปกครองอังกฤษชาวจีนฮ่องกงถูกตัดรากวัฒนธรรมอะไรไปบ้าง
เมืองแห่งนี้มันต่างจากกรุงเทพ กรุงเทพมหานครบ้านเราอาจะสู้ฮ่องกงไม่ได้แต่เมืองของเรายังพอมีประวัติศาสตร์ มีเรื่องราว มีจิตวิญญาณที่ทั้งดีและไม่ดีปะปนกัน บ้านเรามีวัดวาอาราม และเวลาถึงเทศกาลวิสาขบูชา หรือวันสำคัญทางศาสนาเรามักพาครอบครัวไปทำบุญ
แต่ในฮ่องกงผมกับเห็นแต่บ้านตึกเต็มไปหมด มันทั้งทรุดโทรม และซีด ในกรุงเทพบ้านเรามีทั้งบ้านตึกและบ้านเดียวปะปนกัน มีสวยและเก่าตามประสา
ถ้าอยากเห็นบ้านเดียวฮ่องกงก็ต้องไปแถวชานเมือง
ผมจะกล่าวอย่างนี้ จีนแผ่นดินใหญ่ตัดรากด้วยการปฏิวัติวัฒนธรรมด้วยกำลังและคบเพลิง แต่ อังกฤษตัดรากชาวจีนฮ่องกงด้วยการศึกษาและระบบทุนนิยม (ยังหรือตอนอังกฤษปกครอง อังกฤษพวกเขาไม่ได้แตะวัฒนธรรมจีน เพียงแต่ใช้วิธีตัดรากผ่านระบบการศึกษา และพวกเขารู้ว่าชาวจีนชอบค้าขาย ก็เลยนำระบบทุนนิยมเขามาทำให้ชาวจีนในฮ่องกงแข็งขันสนใจแต่งานและเรื่องเงินทอง จนทำให้รากวัฒนธรรมบางอย่างหายไป)
ผมสงสัยว่าตลอดที่อังกฤษปกครองฮ่องกงเขาใส่หลักคำสอนหรือตัดรากวัฒนธรรมของคนจีนในฮ่องกงไปบ้าง
จีนแดงและฮ่องกงมีเหมือนกันคือ
จีนแผ่นดินใหญ่คือบ้านนอกที่ไร้ราก แต่ฮ่องกงคือจีนผู้ดีที่ไร้จิตวิญญาณ
ทั้งสองมีเหมือนกันคือรากวัฒนธรรมที่ถูกทำลายเพียงแต่วิธีต่างกัน คอมมิวนิสต์จีนปลุกมวลชนล้มทุกสิ่งทุกอย่าง จนไร้ราก แต่ฮ่องกงอังกฤษตัดรากและใส่รากตะวันตกเขามา ชาวฮ่องกงเลยดูมีระเบียบและแบบแผนแบบตะวันตก แต่ผลที่ตามมาพวกเขากลายเป็นผู้ดีที่ไร้จิตวิญญาณ
จิตวิญญาณในฮ่องกงมันไม่ใช้จีน แต่มันคือทุนนิยมแบบตะวันตก ที่ดูจะเต็มสูบเกินไป ผมเลยรู้สึกว่านี้ไม่ใช้สิ่งที่ผมต้องการ สิ่งที่ผมอยากให้เมืองไทยเป็นเหมือนฮ่องกงคือ บ้านเมืองมีระเบียบเคารพกฎหมายและจราจร บ้านเมืองอาชญากรรมต่ำ แต่สิ่งที่ผมไม่อยากให้เมืองไทยเป็นคือบ้านเมืองที่ผู้คนเคร่งเครียดกับการทำงาน หรือสนใจแต่งเรื่องเงินๆทอง จนเหมือนไม่ได้ใช้ชีวิต ผมแค่อยากได้เมืองที่ปลอดภัยแค่นั้น มีจิตวิญญาณ มีชิวิต ไม่เป็นสังคมทุนนิยมสุดเหมือนฮ่องกง