ทุนจีนทะลักลุยธุรกิจในไทย ฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟิลด์ ประเทศไทย ชี้ ผลดี
20 มหาวิทยาลัยรัฐ-เอกชน มีนักศึกษาจีนพุ่ง คอนโดมิเนียม
พื้นที่โดยรอบได้อานิสงส์ ซื้อ-เช่าอยู่อาศัย หลังทุนจีน เทกโอเวอร์ 3 มหาวิทยาลัย ปี60-ุ61
การเข้ามาของกลุ่มคนจีนลงทุนทำธุรกิจในประเทศไทยส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาเล่าเรียน ซึ่งมีหลากหลายระดับทั้งโรงเรียนนานาชาติและระดับมหาวิทยาลัย ขณะเดียวกัน ยังนิยมซื้อที่อยู่อาศัย สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนเข้าประเทศอีกด้วย
จากการสำรวจของฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟิลด์ ประเทศไทย สะท้อนผ่าน "ฐานเศรษฐกิจ" พบว่า 20 มหาวิทยาลัยทั้งรัฐและเอกชน ของไทย มีสัดส่วนของนักศึกษาที่มาจากประเทศจีนมากถึง 77% ของจำนวนนักศึกษาจากประเทศจีนทั้งหมด 28,052 คน โดยมหาวิทยาลัยเกริกมีจำนวนนักศึกษาจีนมากที่สุดเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ เพราะคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 17% มากกว่ามหาวิทยาลัยอื่นแบบชัดเจน และส่วนใหญ่เป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
มหาวิทยาลัยที่อยู่ในจังหวัดอื่นๆ มีนักศึกษาจีนบ้าง แต่เป็นเพียงมหาวิทยาลัยในจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากชายแดนประเทศไทย เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยพายัพ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และเกือบทั้งหมดอยู่ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น ซึ่งของจำนวนนักศึกษาจะเห็นได้ชัดเจนว่าบางมหาวิทยาลัยมีนักศึกษาจีนที่ค่อนข้างมาก
ขณะเดียวกันนอกจากชาวจีนจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจต่างๆแล้วยังให้ความสนใจลงทุนในธุรกิจการศึกษา ทั้งนี้ตั้งแต่ปี2560-2561 มหาวิทยาลัยที่ทุนจีนเข้ามาเทกโอเวอร์แล้วทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกริก มหาวิทยาลัยชินวัตร และมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด
มหาวิทยาลัยที่ทุนจีนเข้ามาเทกโอเวอร์แล้วทั้ง 3 แห่ง ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนนักศึกษาจีนมากขึ้นแน่นอน
มหาวิทยาลักเกริก มีนักศึกษาจีนจำนวน 4,670 คนและเป็นจำนวนมากถึง 71% ของจำนวนนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยนั่นหมายความว่ามีจำนวนมากกว่านักศึกษาไทยและชาติอื่นๆ
มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ดมีนักศึกษาจีนจำนวน 1,101 คน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 27% ของจำนวนนักศศึกษาทั้งหมด
มหาวิทยาลัยชินวัตร มีนักศึกษาจีนอยู่ 863 คนซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 79% ของนักศึกษาทั้งหมดของมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่มีสัดส่วนของนักศึกษาจีนมาก เช่น มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ 23% มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ 16% เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาจีนหรือนักศึกษาต่างชาติจำนวนมาก นอกจากจะสร้างรายได้ให้กับมหาวิทยาลัยแล้ว ยังสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องของความต้องการที่พักหรือที่อยู่อาศัย 3-4 ปีหรือมากกว่านั้น แล้วแต่ความยาวนานของการศึกษา ซึ่งที่พักที่คนจีนหรือชาวต่างชาติให้ความสนใจนั้นส่วนใหญ่ยังคงเป็นคอนโดมิเนียม เพราะนักศึกษาจีนที่มาเรียนในประเทศไทยส่วนใหญ่ที่บ้านมีฐานะพอสมควร
การเลือกซื้อหรือเช่าคอนโดมิเนียมในพื้นที่รอบๆ มหาวิทยาลัยเป็นทางเลือกที่พวกเขาให้ความสนใจมาก รวมไปถึงการเช่าบ้านรูปแบบต่างๆ เช่น ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว ในโครงการที่อยุ่รอบๆ มหาวิทยาลัยเพื่อเป็นที่พักอาศัยระหว่างการศึกษาของตนเอง พื้นที่รอบๆ ของบางมหาวิทยาลัยมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมารองรับนักศึกษาทั้งไทยและต่างชาติจำนวนมาก เช่น 4 ทำเลต่อไปนี้
เริ่มจากพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยเกริก มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมาต่อเนื่องหลายปีแล้ว เพราะเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว และสายสีชมพู รวมไปถึงยังไม่ไกลจากสายสีแดงอีกด้วย นอกจากนี้ สถานีวัดพระศรีมหาธาตุซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเกริกยังเป็นสถานีร่วมของสายสีชมพูและสายสีเขียวอีกด้วย ดังนั้น คอนโดมิเนียมที่เปิดขายในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาในพื้นที่โดยรอบจึงมีจำนวนประมาณ 13,209 ยูนิต ที่มีจำนวนมากเพราะปัจจัยจากเส้นทางรถไฟฟ้าแล้วยังมีมหาวิทยาลัยอื่นๆ อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงด้วย แต่อัตราการขายในพื้นที่นี้ค่อนข้างสูงเพราะมีอัตราการขายเฉลี่ยประมาณ 95% ราคาขายเฉลี่ยที่ประมาณ 65,000 บาทต่อตารางเมตร
เช่นเดียวกับ พื้นที่รอบมหาวิทยาลัยธรกิจบัณฑิตย์ อาจอยู่ในทำเลที่ไม่มีเส้นทางรถไฟฟ้าผ่าน แต่อยู่ในทำเลที่ไม่ไกลจากเส้นทางรถไฟฟ้า เช่น สายสีม่วง สายสีแดง และสายสีชมพู พื้นที่นี้อาจจะมีคอนโดมิเนียมไม่มากนัก แต่มีหอพักหรืออพาร์ตเมนต์จำนวนมากน่าจะหลายสิบอาคารรวมแล้วหลายพันห้อง ซึ่งอาจจะมีความทรุดโทรมไปตามกาลเวลาบ้าง โครงการคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ก็มีบ้างโดยมีจำนวนรวมประมาณ 6,039 ยูนิตขายไปแล้วประมาณ 98% มียูนิตเหลือขายไม่มากแล้ว เพราะเป็นโครงการที่เปิดขายมานานมากเกิน 10 ปีแล้วซะเป็นส่วนใหญ่ ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 64,000 บาทต่อตารางเมตร
พื้นที่รอบ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือเอแบคอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างห่างไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกพอสมควร แต่ภายในมหาวิทยาลัยมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักศึกษาบางส่วน ที่พักอาศัยนอกจากหอพักอพาร์ตเมนต์ที่มีมากแล้ว ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวนรวมกันประมาณ 2,619 ยูนิตอาจจะไม่มากเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่นแต่ก็ขายดีมากปิดการขายหมดแล้ว เหลือเพียงยูนิตที่ต้องการขายต่อเท่านั้น ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 50,000 บาทต่อตารางเมตรเท่านั้น อาจจะมีบางโครงการที่ขายราคาสูงกว่านี้ แต่หลายโครงการขายในราคาที่ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อตารางเมตร ราคาขายต่อก็ไม่สูงมากเช่นกัน
ขณะพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี พื้นที่นี้ไม่มีคอนโดมิเนียม มีแต่โครงการบ้านจัดสรร หอพัก และอพาร์ทเม้นต์ อีกทั้งการเดินทางออกไปพื้นที่ต่างๆ นอกมหาวิทยาลัยอาจจะไม่สะดวกมากนัก เพราะไม่มีเส้นทางรถไฟฟ้า อาจต้องใช้เวลาเดินทางสักพักเพื่อไปต่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีหลักสอง นักศึกษาจีน และต่างชาติส่วนใหญ่พักอยู่ในมหาวิทยาลัยหรือพื้นที่โดยรอบ
นอกจากนี้ พื้นที่รอบ มหาวิทยาลัยหลายแห่งในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่มาในรูปแบบของผู้ประกอบการ และนักลงลทุนรายย่อย โดยผู้ประกอบการเข้าไปพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อรองรับความต้องการที่พักอาศัยที่เปลี่ยนแปลงจากที่พักรูปแบบเดิมๆ เช่น หอพัก อพาร์ตเมนต์ มาเป็นคอนโดมิเนียม โดยพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยที่มีโครงการคอนโดมิเนียมมากที่สุดน่าจะเป็นพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยกรุงเทพเพราะมีคอนโดมิเนียมรวมกันประมาณ 12,100 ยูนิต ยังไม่รวมพื้นที่ใกล้เคียง เช่น พื้นที่รอบสถานีรถไฟรังสิตอีกประมาณ 12,750 ยูนิต และพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตอีกประมาณ 9,300 ยูนิต พื้นที่รอบสถาบันการศึกษาทุกประเภทมีความต้องการที่อยู่อาศัยมากแน่นอน ทั้งจากนักเรียน นักศึกษา บุคลากร เจ้าหน้าที่โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งทั้งคนไทยและต่างชาติอาจจะเลือกซื้อคอนโดมิเนียมแทนการเช่า เพราะมองเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง จากนั้นอาจจะปล่อยเช่าต่อหรือขายออกไปเมื่อสำเร็จการศึกษา เพราะอย่างไรก็ตามนักศึกษาใหม่มีเข้ามาทุกปีอยู่แล้ว
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยประเมินว่า ทุนจีนเข้าไทยสามารถลงทุนทำธุรกิจในไทยแบบครบวงจร และเมื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์”นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา ยิ่งพบว่า นักลงทุนจีนจะเข้ามามากขึ้นและแน่นอนว่า เมื่อมาทำธุรกิจบุตรหลานจะต้องเรียนในสถานศึกษาต่างๆ ที่สำคัญพวกเขาเหล่านั้นต้องการที่อยู่อาศัยใกล้สถานศึกษาเหล่านั้น ทำให้ ผู้ประกอบการได้อานิสงส์ตามไปด้วย
https://www.thansettakij.com/real-estate/617840?fbclid=IwY2xjawICoSNleHRuA2FlbQIxMAABHRC4tCL5RGyKirVHAXIyFpULjCsBUFBNzpG5z6mQlnY3I2QxkGmcOu6WRw_aem_8D6vglZnG52c21gQBQDotQ 
นักศึกษาจีนทะลัก คอนโด รอบมหาวิทยาลัยรับอานิสงส์
20 มหาวิทยาลัยรัฐ-เอกชน มีนักศึกษาจีนพุ่ง คอนโดมิเนียม
พื้นที่โดยรอบได้อานิสงส์ ซื้อ-เช่าอยู่อาศัย หลังทุนจีน เทกโอเวอร์ 3 มหาวิทยาลัย ปี60-ุ61
การเข้ามาของกลุ่มคนจีนลงทุนทำธุรกิจในประเทศไทยส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาเล่าเรียน ซึ่งมีหลากหลายระดับทั้งโรงเรียนนานาชาติและระดับมหาวิทยาลัย ขณะเดียวกัน ยังนิยมซื้อที่อยู่อาศัย สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนเข้าประเทศอีกด้วย
จากการสำรวจของฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟิลด์ ประเทศไทย สะท้อนผ่าน "ฐานเศรษฐกิจ" พบว่า 20 มหาวิทยาลัยทั้งรัฐและเอกชน ของไทย มีสัดส่วนของนักศึกษาที่มาจากประเทศจีนมากถึง 77% ของจำนวนนักศึกษาจากประเทศจีนทั้งหมด 28,052 คน โดยมหาวิทยาลัยเกริกมีจำนวนนักศึกษาจีนมากที่สุดเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ เพราะคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 17% มากกว่ามหาวิทยาลัยอื่นแบบชัดเจน และส่วนใหญ่เป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
มหาวิทยาลัยที่อยู่ในจังหวัดอื่นๆ มีนักศึกษาจีนบ้าง แต่เป็นเพียงมหาวิทยาลัยในจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากชายแดนประเทศไทย เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยพายัพ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และเกือบทั้งหมดอยู่ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น ซึ่งของจำนวนนักศึกษาจะเห็นได้ชัดเจนว่าบางมหาวิทยาลัยมีนักศึกษาจีนที่ค่อนข้างมาก
ขณะเดียวกันนอกจากชาวจีนจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจต่างๆแล้วยังให้ความสนใจลงทุนในธุรกิจการศึกษา ทั้งนี้ตั้งแต่ปี2560-2561 มหาวิทยาลัยที่ทุนจีนเข้ามาเทกโอเวอร์แล้วทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกริก มหาวิทยาลัยชินวัตร และมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด
มหาวิทยาลัยที่ทุนจีนเข้ามาเทกโอเวอร์แล้วทั้ง 3 แห่ง ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนนักศึกษาจีนมากขึ้นแน่นอน
มหาวิทยาลักเกริก มีนักศึกษาจีนจำนวน 4,670 คนและเป็นจำนวนมากถึง 71% ของจำนวนนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยนั่นหมายความว่ามีจำนวนมากกว่านักศึกษาไทยและชาติอื่นๆ
มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ดมีนักศึกษาจีนจำนวน 1,101 คน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 27% ของจำนวนนักศศึกษาทั้งหมด
มหาวิทยาลัยชินวัตร มีนักศึกษาจีนอยู่ 863 คนซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 79% ของนักศึกษาทั้งหมดของมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่มีสัดส่วนของนักศึกษาจีนมาก เช่น มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ 23% มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ 16% เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาจีนหรือนักศึกษาต่างชาติจำนวนมาก นอกจากจะสร้างรายได้ให้กับมหาวิทยาลัยแล้ว ยังสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องของความต้องการที่พักหรือที่อยู่อาศัย 3-4 ปีหรือมากกว่านั้น แล้วแต่ความยาวนานของการศึกษา ซึ่งที่พักที่คนจีนหรือชาวต่างชาติให้ความสนใจนั้นส่วนใหญ่ยังคงเป็นคอนโดมิเนียม เพราะนักศึกษาจีนที่มาเรียนในประเทศไทยส่วนใหญ่ที่บ้านมีฐานะพอสมควร
การเลือกซื้อหรือเช่าคอนโดมิเนียมในพื้นที่รอบๆ มหาวิทยาลัยเป็นทางเลือกที่พวกเขาให้ความสนใจมาก รวมไปถึงการเช่าบ้านรูปแบบต่างๆ เช่น ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว ในโครงการที่อยุ่รอบๆ มหาวิทยาลัยเพื่อเป็นที่พักอาศัยระหว่างการศึกษาของตนเอง พื้นที่รอบๆ ของบางมหาวิทยาลัยมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมารองรับนักศึกษาทั้งไทยและต่างชาติจำนวนมาก เช่น 4 ทำเลต่อไปนี้
เริ่มจากพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยเกริก มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมาต่อเนื่องหลายปีแล้ว เพราะเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว และสายสีชมพู รวมไปถึงยังไม่ไกลจากสายสีแดงอีกด้วย นอกจากนี้ สถานีวัดพระศรีมหาธาตุซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเกริกยังเป็นสถานีร่วมของสายสีชมพูและสายสีเขียวอีกด้วย ดังนั้น คอนโดมิเนียมที่เปิดขายในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาในพื้นที่โดยรอบจึงมีจำนวนประมาณ 13,209 ยูนิต ที่มีจำนวนมากเพราะปัจจัยจากเส้นทางรถไฟฟ้าแล้วยังมีมหาวิทยาลัยอื่นๆ อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงด้วย แต่อัตราการขายในพื้นที่นี้ค่อนข้างสูงเพราะมีอัตราการขายเฉลี่ยประมาณ 95% ราคาขายเฉลี่ยที่ประมาณ 65,000 บาทต่อตารางเมตร
เช่นเดียวกับ พื้นที่รอบมหาวิทยาลัยธรกิจบัณฑิตย์ อาจอยู่ในทำเลที่ไม่มีเส้นทางรถไฟฟ้าผ่าน แต่อยู่ในทำเลที่ไม่ไกลจากเส้นทางรถไฟฟ้า เช่น สายสีม่วง สายสีแดง และสายสีชมพู พื้นที่นี้อาจจะมีคอนโดมิเนียมไม่มากนัก แต่มีหอพักหรืออพาร์ตเมนต์จำนวนมากน่าจะหลายสิบอาคารรวมแล้วหลายพันห้อง ซึ่งอาจจะมีความทรุดโทรมไปตามกาลเวลาบ้าง โครงการคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ก็มีบ้างโดยมีจำนวนรวมประมาณ 6,039 ยูนิตขายไปแล้วประมาณ 98% มียูนิตเหลือขายไม่มากแล้ว เพราะเป็นโครงการที่เปิดขายมานานมากเกิน 10 ปีแล้วซะเป็นส่วนใหญ่ ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 64,000 บาทต่อตารางเมตร
พื้นที่รอบ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือเอแบคอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างห่างไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกพอสมควร แต่ภายในมหาวิทยาลัยมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักศึกษาบางส่วน ที่พักอาศัยนอกจากหอพักอพาร์ตเมนต์ที่มีมากแล้ว ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวนรวมกันประมาณ 2,619 ยูนิตอาจจะไม่มากเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่นแต่ก็ขายดีมากปิดการขายหมดแล้ว เหลือเพียงยูนิตที่ต้องการขายต่อเท่านั้น ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 50,000 บาทต่อตารางเมตรเท่านั้น อาจจะมีบางโครงการที่ขายราคาสูงกว่านี้ แต่หลายโครงการขายในราคาที่ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อตารางเมตร ราคาขายต่อก็ไม่สูงมากเช่นกัน
ขณะพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี พื้นที่นี้ไม่มีคอนโดมิเนียม มีแต่โครงการบ้านจัดสรร หอพัก และอพาร์ทเม้นต์ อีกทั้งการเดินทางออกไปพื้นที่ต่างๆ นอกมหาวิทยาลัยอาจจะไม่สะดวกมากนัก เพราะไม่มีเส้นทางรถไฟฟ้า อาจต้องใช้เวลาเดินทางสักพักเพื่อไปต่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีหลักสอง นักศึกษาจีน และต่างชาติส่วนใหญ่พักอยู่ในมหาวิทยาลัยหรือพื้นที่โดยรอบ
นอกจากนี้ พื้นที่รอบ มหาวิทยาลัยหลายแห่งในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่มาในรูปแบบของผู้ประกอบการ และนักลงลทุนรายย่อย โดยผู้ประกอบการเข้าไปพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อรองรับความต้องการที่พักอาศัยที่เปลี่ยนแปลงจากที่พักรูปแบบเดิมๆ เช่น หอพัก อพาร์ตเมนต์ มาเป็นคอนโดมิเนียม โดยพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยที่มีโครงการคอนโดมิเนียมมากที่สุดน่าจะเป็นพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยกรุงเทพเพราะมีคอนโดมิเนียมรวมกันประมาณ 12,100 ยูนิต ยังไม่รวมพื้นที่ใกล้เคียง เช่น พื้นที่รอบสถานีรถไฟรังสิตอีกประมาณ 12,750 ยูนิต และพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตอีกประมาณ 9,300 ยูนิต พื้นที่รอบสถาบันการศึกษาทุกประเภทมีความต้องการที่อยู่อาศัยมากแน่นอน ทั้งจากนักเรียน นักศึกษา บุคลากร เจ้าหน้าที่โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งทั้งคนไทยและต่างชาติอาจจะเลือกซื้อคอนโดมิเนียมแทนการเช่า เพราะมองเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง จากนั้นอาจจะปล่อยเช่าต่อหรือขายออกไปเมื่อสำเร็จการศึกษา เพราะอย่างไรก็ตามนักศึกษาใหม่มีเข้ามาทุกปีอยู่แล้ว
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยประเมินว่า ทุนจีนเข้าไทยสามารถลงทุนทำธุรกิจในไทยแบบครบวงจร และเมื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์”นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา ยิ่งพบว่า นักลงทุนจีนจะเข้ามามากขึ้นและแน่นอนว่า เมื่อมาทำธุรกิจบุตรหลานจะต้องเรียนในสถานศึกษาต่างๆ ที่สำคัญพวกเขาเหล่านั้นต้องการที่อยู่อาศัยใกล้สถานศึกษาเหล่านั้น ทำให้ ผู้ประกอบการได้อานิสงส์ตามไปด้วย
https://www.thansettakij.com/real-estate/617840?fbclid=IwY2xjawICoSNleHRuA2FlbQIxMAABHRC4tCL5RGyKirVHAXIyFpULjCsBUFBNzpG5z6mQlnY3I2QxkGmcOu6WRw_aem_8D6vglZnG52c21gQBQDotQ