เปิดหัวกระทู้พูดถึงราคามือถือไม่ได้เกี่ยวกับค่าครองชีพเท่าไหร่ แต่อยากจะเปรียบเทียบว่า สินค้าฟุ่มเฟือยบางอย่างมันพุ่งไปจนแตะไม่ได้ทั้งที่เมื่อก่อนก็เข้าถึง เมื่อเทียบกับค่าครองชีพ
ปัจจุบันส่วนตัว 2-3 ปีมานี้ เงินเดือนอัพในแต่ละปีไม่ถึงค่าเงินเฟ้อ (%) มีภาระเลี้ยงครอบครัวลูกเข้าโรงเรียนเอกชน ค่าเทอมอัพทุกปี เปอร์เซ็นต์สูงกว่าอัพเงินเดือนในแต่ละปีอีก วันนี้จนต้องกลับมาคุยกับแฟนว่า เราส่งลูกไม่ไหวแล้วหรอ ไม่ว่าจะค่าน้ำมัน ค่ารถ ค่าเทอม กับข้าวที่แตะจานละ 60-70ไปแล้ว รู้สึกว่าจนลงจากการเข้าถึงบริการบางอย่างที่เริ่มมองว่าแพงขึ้นเรื่อยๆ เงินเก็บก็ดูเหมือนเท่าเดิม แต่ต้องประหยัดกว่าเดิม
เลยอยากรู้ว่าระยะยาวแบบนี้จะรอดไหม ซึ่งก็มองว่าถ้าเป็นแบบนี้ที่กำลังคิดคืออาจจะต้องย้ายงาน จากที่อยู่มา 10กว่าปีก็ต้องตัดใจ วัฒนธรรมองค์กร เพื่อนร่วมงาน เหมือนจะเป็นกิจวัตรประจำวันของชีวิตไปแล้ว ก็ต้องดิ้นรนใหม่หรือเปล่า หรือคิดว่าระยะยาวน่าจะรอด มาจากปัจจัยอะไร หรือผมคิดมากไปเอง
ปัจจุบันราคามือถือครึ่งแสน กับค่าครองชีพพุ่ง เงินเดือนอัพไม่ถึงค่าเงินเฟ้อ ระยะยาวจะรอดไหม
ปัจจุบันส่วนตัว 2-3 ปีมานี้ เงินเดือนอัพในแต่ละปีไม่ถึงค่าเงินเฟ้อ (%) มีภาระเลี้ยงครอบครัวลูกเข้าโรงเรียนเอกชน ค่าเทอมอัพทุกปี เปอร์เซ็นต์สูงกว่าอัพเงินเดือนในแต่ละปีอีก วันนี้จนต้องกลับมาคุยกับแฟนว่า เราส่งลูกไม่ไหวแล้วหรอ ไม่ว่าจะค่าน้ำมัน ค่ารถ ค่าเทอม กับข้าวที่แตะจานละ 60-70ไปแล้ว รู้สึกว่าจนลงจากการเข้าถึงบริการบางอย่างที่เริ่มมองว่าแพงขึ้นเรื่อยๆ เงินเก็บก็ดูเหมือนเท่าเดิม แต่ต้องประหยัดกว่าเดิม
เลยอยากรู้ว่าระยะยาวแบบนี้จะรอดไหม ซึ่งก็มองว่าถ้าเป็นแบบนี้ที่กำลังคิดคืออาจจะต้องย้ายงาน จากที่อยู่มา 10กว่าปีก็ต้องตัดใจ วัฒนธรรมองค์กร เพื่อนร่วมงาน เหมือนจะเป็นกิจวัตรประจำวันของชีวิตไปแล้ว ก็ต้องดิ้นรนใหม่หรือเปล่า หรือคิดว่าระยะยาวน่าจะรอด มาจากปัจจัยอะไร หรือผมคิดมากไปเอง