สวัสดีครับ FC และคุณผู้ฟังที่เคารพ และที่น่ารักทุกคน ผมน้องเปรียวเล่าเรื่องผีขอมารายงานตัวครับ ขอย้อนไปเมื่อหลายก่อน บี เป็นชื่อของเด็กหนุ่มต่าจังหวัดคนหนึ่ง ที่ชื่นชอบในเรื่องล่าท้าผีและคุณไสยมาก ตอนนั้นบีเรียนอยู่ในระดับปี 3 แล้ว ในคืนวันหนึ่งก็มีเพื่อนคนหนึ่งที่ชื่อว่าแจน ที่เป็นเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มนั้นนั่นแหละครับ ได้เสนอความคิดๆหนึ่งขึ้นมาว่า เฮ๊ยเพื่อนๆ คืนนี้เราไปเล่นล่าท้าผีกันดีไหมว่ะ เราจะไปเล่นที่ไหนกันวะ ที่ๆเขาว่าเฮียนเราก็ไปกันหมดแล้วค ไม่เห็นมีตัวอะไรที่น่ากลัวเลย เพื่อนในกล่มอีกคนถามขึ้น ต่อมาบีเลยตอบออกมาว่า มีบ้านร้างอยู่แถวๆแคมป์คนงาน ที่มีข้าวว่ามีคนผูกคอตายว่ะ ข้าว่าน่าเฮี้ยนใช้ได้นะเว้ย จากนั้นทุกคนในกลุ่มนั้นทั้งหมด 4 คนจึงได้พากันขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่บ้านร้างหลังนั้น เมื่อทุกคนขี่รถเข้าไปจอนจะถึงหน้าบ้านร้างอยู่แล้ว จู่ๆไฟส่องสว่างทางที่เปิดอยู่ตรงหน้าบ้านพอดีก็เกิดดับลงอย่างกะทันหัน ทุกคนเลยหันมามองหน้ากัน แล้วจึงชวนกันขับรถออกไป หลังจากคำสุดท้ายของที่คนในกลุ่มนั้นจบลง ทั้งหมดจึงพากีนซ้อนและขี่มอเตอร์ไซค์ที่ทั้งหมดฝช้ขี่ใช้ซ้อนกันมาออกจากที่ตรงนั้น ทุกคนขี่รถออกจากที่ตรงนั้นแบบไม่สนใจอะไร แต่กลับมีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่สตาร์ไม่ติด เจ้ามอเตอร์ไซค์คันนั้นกับคนซ้อนเลยได้แต่เข็นรถวิ่งตามเพื่อน แต่เพอกทั้งสองขาก็กลับนู้สึกเหมือนว่า มีอะไรก็ไม่รู้ ขึ้นมานั่งบนรถมอเตอร์ไซค์ตรงที่คนซ้อนท้าย ทำให้รถหนักขึ้น รถจึงเข็นลำบากขึ้นนิดหน่อย เมื่อคนทุกคน มอเตอร์ไซค์ทุกคันออกมาถึงหน้าทาง แล้วมอเตอร์ไซค์คันที่สตาร์ทไม่ติดเลยเล่าเรื่องที่รถหนักๆ เมื่อกี้ไม้ทุกคนฟังอย่างเหนื่อยหอบ จากนั้นเขาเลยลองสตาร์ทรถของเขาดูอีกรอบ แต่คราวนี้รถมอเตอร์คันนั้นกลับสตาร์ทติดง่าย เหมือนไม่เคยเป็นอะไรมาก่อนอย่างนั้นแหละ จากนั้นทุกคนจึงนัดแนะกันใหม่อีกทีว่า จะเข้ามาบ้านร้างแห่งนี้ใหม่อีกทีในวันพรุ่ง จากนั้นทุกคนจึงพากันออกจากที่นั่นไป พอเย็นของวันใหม่มาถึง บีและกลุ่มเพื่อนกลุ่มนั้น จึงพากันขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปที่บ้านร้างหลังนั้นอีกครั้ง คราวนี้ คนในกลุ่มนั้นพากันเปิดเพลงเสียงดังโวกเวกโวยวาย เพิ่อกรบความเงียบที่มี เมื่อทุกคนมาถึงบ้านร้าง เสียงเพลงที่เปิด ยิ่งทวีความดังมาขึ้น จากนั้นทุกคนจึงเปิดไฟฉายที่ตัวเองมี แล้วเข้าไปสำรวจบ้านหลังนั้น เมื่อทุกคนเข้าไปสำรวจจนพอใจแล้ว ทุกคนจึงพากันออกมาด้านนอก แล้วตะโกนออกไปว่า บ้า
ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ถ้าแน่จริงก็ออกมาดิ แล้วทุกคนจึง
น้ำลายลงพึ้น แล้วชวนกันออกไป ในเหตุการณ์ในครั้งนั้น ก็มีสายตาของคนงานที่ได้ยินเสียงเพลงที่อยู่ในแคมป์คนงานแถวๆบ้านร้างจดจ้องไว้ตลอดเวลา จนพวกคนงานที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดพากันพูดในกลุ่มคนงานด้วยกันว่า เดี๋ยวพวกมันก็เจอดีหรอก มาเล่นที่ไหนไม่เล่น ต่อมา เมื่อพวกวัยรุ่นในกลุ่มของบีทั้งหมด พากันออกมาถึงหน้าถนนใหญ่ ตอนนั้นก็เป็นเวลาที่ดึกทากแล้ว ทุกคนจึงแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน เพื่อไปพักผ่อน แล้วเวลาก็ผ่านไปจนถึงเช้าของวันใหม่ ในตอนนั้นขณะที่บีกำลังเดินในมหาวิทยาลัยอยู่นั้น จึงมีเพื่อนคนหนึ่งที่ชื่อเจม ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของบี ที่กำลังวิ่งมาหาบีอย่างรีบร้อน เมื่อเจมวิ่งมาถึงตัวของบี เจมจึงพูดกับบีขึ้นอย่างคนเหนื่อยหอบ นี่ๆไอ้บี เอ็งรู้ไหม ไอ้ดิวที่ไปกับเราเมื่อคืนตายแล้วนะเว้ย มันเป็นอะไรตายวะ เสียงของบีถามขึ้น ก็เมื่อคืน หลังจากที่เราแยกย้านกันใช่ไหมวะ ไอ้เจมมันก็ตรงกลับบ้านเลย แต่มันกลับโดนรถสิบล้อชน แต่ก่อนถึงบ้านของมัน มันได้มีร้านข้าวต้มอยู่ร้านหนึ่ง เมื่อไอ้ดิวโดนรถสิบล้อชนแล้ว คนในร้านข้าวต้มนั้นที่พากันไปดูเหตุการณ์ ทุกคนในร้านที่เห็นดิวขี่รถผ่าน ทุกคนกลับบอกเหมือนกันว่า เห็นไอ้เจมมันขี่รถมากับผู้หญิงชุดขาวคนหนึ่ง เมื่อโดนรถชนแล้ว ผู้หญิงกลับหายไปไหนแล้วแหละ และแล้วเหตุของไอ้ดิวก็ผ่านไป หลังจากนั้น พอหนึ่งอาทิตย์ต่อมา ก็มีเหตุการณ์กับเพื่อนผู้ชายของบีอีกคน เพื่อนคนนี้มันได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ของมันไปชนกับริมฟุตบาทคอหักตาย ซึ่งเหตุการณ์ก็คล้ายๆเดิม คือมีคนเห็นว่า เพื่อนคนนั้นได้มีผู้หญิงซ้อนรถไปด้วย แล้วเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา เพื่อนผู้หญิงคนที่ไปด้วยกันในคืนนั้น ก็เป็นตะคิวใรสระน้ำ เกือบจมน้ำตาย ทั้งๆที่เพื่อนผู้หญิงคนนี้ เป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย และไม่น่าจมน้ำง่ายๆ แต่ก็เหมือนเช่นเคย มีคนเห็นว่า เพื่อนผู้หญิงคนนี้ ได้เดินตามผู้หญิงชุดขาวที่ไหนก็ไม่รู้ ไปที่สระน้ำ ต่อมาบีเลยมานั่งคิดว่า ก็เหลือแค่บีคนสุดท้ายแล้วที่ยังไม่เจออะไร เพราะฉะนั้น บีเลยคิดที่จะบวช เพื่อสิ่งต่างๆจะคลายลงได้
อาถรรพ์บ้านร้าง
สวัสดีครับ FC และคุณผู้ฟังที่เคารพ และที่น่ารักทุกคน ผมน้องเปรียวเล่าเรื่องผีขอมารายงานตัวครับ ขอย้อนไปเมื่อหลายก่อน บี เป็นชื่อของเด็กหนุ่มต่าจังหวัดคนหนึ่ง ที่ชื่นชอบในเรื่องล่าท้าผีและคุณไสยมาก ตอนนั้นบีเรียนอยู่ในระดับปี 3 แล้ว ในคืนวันหนึ่งก็มีเพื่อนคนหนึ่งที่ชื่อว่าแจน ที่เป็นเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มนั้นนั่นแหละครับ ได้เสนอความคิดๆหนึ่งขึ้นมาว่า เฮ๊ยเพื่อนๆ คืนนี้เราไปเล่นล่าท้าผีกันดีไหมว่ะ เราจะไปเล่นที่ไหนกันวะ ที่ๆเขาว่าเฮียนเราก็ไปกันหมดแล้วค ไม่เห็นมีตัวอะไรที่น่ากลัวเลย เพื่อนในกล่มอีกคนถามขึ้น ต่อมาบีเลยตอบออกมาว่า มีบ้านร้างอยู่แถวๆแคมป์คนงาน ที่มีข้าวว่ามีคนผูกคอตายว่ะ ข้าว่าน่าเฮี้ยนใช้ได้นะเว้ย จากนั้นทุกคนในกลุ่มนั้นทั้งหมด 4 คนจึงได้พากันขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่บ้านร้างหลังนั้น เมื่อทุกคนขี่รถเข้าไปจอนจะถึงหน้าบ้านร้างอยู่แล้ว จู่ๆไฟส่องสว่างทางที่เปิดอยู่ตรงหน้าบ้านพอดีก็เกิดดับลงอย่างกะทันหัน ทุกคนเลยหันมามองหน้ากัน แล้วจึงชวนกันขับรถออกไป หลังจากคำสุดท้ายของที่คนในกลุ่มนั้นจบลง ทั้งหมดจึงพากีนซ้อนและขี่มอเตอร์ไซค์ที่ทั้งหมดฝช้ขี่ใช้ซ้อนกันมาออกจากที่ตรงนั้น ทุกคนขี่รถออกจากที่ตรงนั้นแบบไม่สนใจอะไร แต่กลับมีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่สตาร์ไม่ติด เจ้ามอเตอร์ไซค์คันนั้นกับคนซ้อนเลยได้แต่เข็นรถวิ่งตามเพื่อน แต่เพอกทั้งสองขาก็กลับนู้สึกเหมือนว่า มีอะไรก็ไม่รู้ ขึ้นมานั่งบนรถมอเตอร์ไซค์ตรงที่คนซ้อนท้าย ทำให้รถหนักขึ้น รถจึงเข็นลำบากขึ้นนิดหน่อย เมื่อคนทุกคน มอเตอร์ไซค์ทุกคันออกมาถึงหน้าทาง แล้วมอเตอร์ไซค์คันที่สตาร์ทไม่ติดเลยเล่าเรื่องที่รถหนักๆ เมื่อกี้ไม้ทุกคนฟังอย่างเหนื่อยหอบ จากนั้นเขาเลยลองสตาร์ทรถของเขาดูอีกรอบ แต่คราวนี้รถมอเตอร์คันนั้นกลับสตาร์ทติดง่าย เหมือนไม่เคยเป็นอะไรมาก่อนอย่างนั้นแหละ จากนั้นทุกคนจึงนัดแนะกันใหม่อีกทีว่า จะเข้ามาบ้านร้างแห่งนี้ใหม่อีกทีในวันพรุ่ง จากนั้นทุกคนจึงพากันออกจากที่นั่นไป พอเย็นของวันใหม่มาถึง บีและกลุ่มเพื่อนกลุ่มนั้น จึงพากันขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปที่บ้านร้างหลังนั้นอีกครั้ง คราวนี้ คนในกลุ่มนั้นพากันเปิดเพลงเสียงดังโวกเวกโวยวาย เพิ่อกรบความเงียบที่มี เมื่อทุกคนมาถึงบ้านร้าง เสียงเพลงที่เปิด ยิ่งทวีความดังมาขึ้น จากนั้นทุกคนจึงเปิดไฟฉายที่ตัวเองมี แล้วเข้าไปสำรวจบ้านหลังนั้น เมื่อทุกคนเข้าไปสำรวจจนพอใจแล้ว ทุกคนจึงพากันออกมาด้านนอก แล้วตะโกนออกไปว่า บ้าไม่เห็นจะมีอะไรเลย ถ้าแน่จริงก็ออกมาดิ แล้วทุกคนจึงน้ำลายลงพึ้น แล้วชวนกันออกไป ในเหตุการณ์ในครั้งนั้น ก็มีสายตาของคนงานที่ได้ยินเสียงเพลงที่อยู่ในแคมป์คนงานแถวๆบ้านร้างจดจ้องไว้ตลอดเวลา จนพวกคนงานที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดพากันพูดในกลุ่มคนงานด้วยกันว่า เดี๋ยวพวกมันก็เจอดีหรอก มาเล่นที่ไหนไม่เล่น ต่อมา เมื่อพวกวัยรุ่นในกลุ่มของบีทั้งหมด พากันออกมาถึงหน้าถนนใหญ่ ตอนนั้นก็เป็นเวลาที่ดึกทากแล้ว ทุกคนจึงแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน เพื่อไปพักผ่อน แล้วเวลาก็ผ่านไปจนถึงเช้าของวันใหม่ ในตอนนั้นขณะที่บีกำลังเดินในมหาวิทยาลัยอยู่นั้น จึงมีเพื่อนคนหนึ่งที่ชื่อเจม ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของบี ที่กำลังวิ่งมาหาบีอย่างรีบร้อน เมื่อเจมวิ่งมาถึงตัวของบี เจมจึงพูดกับบีขึ้นอย่างคนเหนื่อยหอบ นี่ๆไอ้บี เอ็งรู้ไหม ไอ้ดิวที่ไปกับเราเมื่อคืนตายแล้วนะเว้ย มันเป็นอะไรตายวะ เสียงของบีถามขึ้น ก็เมื่อคืน หลังจากที่เราแยกย้านกันใช่ไหมวะ ไอ้เจมมันก็ตรงกลับบ้านเลย แต่มันกลับโดนรถสิบล้อชน แต่ก่อนถึงบ้านของมัน มันได้มีร้านข้าวต้มอยู่ร้านหนึ่ง เมื่อไอ้ดิวโดนรถสิบล้อชนแล้ว คนในร้านข้าวต้มนั้นที่พากันไปดูเหตุการณ์ ทุกคนในร้านที่เห็นดิวขี่รถผ่าน ทุกคนกลับบอกเหมือนกันว่า เห็นไอ้เจมมันขี่รถมากับผู้หญิงชุดขาวคนหนึ่ง เมื่อโดนรถชนแล้ว ผู้หญิงกลับหายไปไหนแล้วแหละ และแล้วเหตุของไอ้ดิวก็ผ่านไป หลังจากนั้น พอหนึ่งอาทิตย์ต่อมา ก็มีเหตุการณ์กับเพื่อนผู้ชายของบีอีกคน เพื่อนคนนี้มันได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ของมันไปชนกับริมฟุตบาทคอหักตาย ซึ่งเหตุการณ์ก็คล้ายๆเดิม คือมีคนเห็นว่า เพื่อนคนนั้นได้มีผู้หญิงซ้อนรถไปด้วย แล้วเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา เพื่อนผู้หญิงคนที่ไปด้วยกันในคืนนั้น ก็เป็นตะคิวใรสระน้ำ เกือบจมน้ำตาย ทั้งๆที่เพื่อนผู้หญิงคนนี้ เป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย และไม่น่าจมน้ำง่ายๆ แต่ก็เหมือนเช่นเคย มีคนเห็นว่า เพื่อนผู้หญิงคนนี้ ได้เดินตามผู้หญิงชุดขาวที่ไหนก็ไม่รู้ ไปที่สระน้ำ ต่อมาบีเลยมานั่งคิดว่า ก็เหลือแค่บีคนสุดท้ายแล้วที่ยังไม่เจออะไร เพราะฉะนั้น บีเลยคิดที่จะบวช เพื่อสิ่งต่างๆจะคลายลงได้