Squid Game 2 (2024) - กลับมาอีกครั้งกับภารกิจเกมส์นรกปลดหนี้ซีซั่น 2

Squid Game 2: สควิดเกม เล่นลุ้นตาย


ชาว Netflix หลายท่านคงจะดู Squid Game 2 จบกันไปแล้ว มีแต่เรานี่แหละที่ดูช้าเหลือเกิน 😂 จำได้ว่า ตอนที่ได้ยินว่าจะมี Squid Game 2 ก็แอบสงสัยว่ามันจะเวิร์คไหม เพราะจริง ๆ ซีซั่นแรกก็ทำได้ดีและสมบูรณ์แล้ว ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และคำวิจารณ์

แต่เมื่อรายได้และชื่อเสียงมาขนาดนี้ มีหรือที่ Netflix จะอดใจไหวต้องเข็น Season 2 ออกมาฉายต่อ 😂

ดังนั้นไหน ๆ ดูจบแล้วก็ขอเขียนรีวิวถึงหน่อยแล้วกัน บันทึกเป็นความทรงจำเอาไว้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
สควิดเกม เล่นลุ้นตาย (Squid Game) ซีซั่น 2

ความรู้สึกหลังชม

- ความรู้สึกหลังดูซีซั่นนี้จบ ต้องชมว่า Squid Game ซีซั่นนี้ทำออกมาสนุกเข้มข้น กระชับน่าติดตาม ผู้กำกับและมือเขียนบทยังมีวิสัยทัศน์และไอเดียที่ดีในการหาทางไปต่อให้กับ Squid Game โดยที่มาตรฐานซีรีส์ไม่ได้ตกลงไปจากภาคแรก

ในซีซั่นนี้มีเกมส์และตัวละครที่มีเสน่ห์หลากหลายตัว เช่น เจ๊คนทรง ความดีดของพี่แร็ปเปอร์ธานอสและคู่หู พี่ 001 ตัวเนียน คู่หูแม่ลูก รวมไปถึงตัวละคร LGBT และบทบาทที่มากขึ้นของกงยูที่สร้างเสน่ห์ให้กับเรื่อง

บรรยากาศเกมส์ในเรื่องก็มีที่ติดตา เช่น ความฮาตอนตะลุยเกมส์พื้นบ้าน 5 ด่าน (ซีนตบเรียกสติขำมาก 😂) / เพลงหลอนหูในเกมส์จับคู่ม้าหมุน / มีมพระเอกตอนเล่นเกมเออีไอโอยูหยุด (ท่าปิดปากพี่ซองกีฮุนเป็นมีมที่ฮาจริง ๆ) / เกมส์ของกงยูที่เฉือนจิตใจดี


- ไดเรคชั่นของซีซั่นนี้ต่างกับซีซั่นแรกพอสมควร ซีซั่นแรกคือ "ซีรีส์เกมท้าตายชิงเงินรางวัลปลดหนี้" ของเหล่าคนชายขอบในสังคมเกาหลี

ขณะที่ซีรีส์นี้ คอนเซปต์คือ "ชั้นมาเพื่อทำลายเกมส์นรก" ชั้นไม่ต้องการให้องค์กรที่ชั่วร้ายแบบพวกแกหลอกคนอื่นเพื่อความสนุกบ้าบออีกต่อไป

ดังนั้นก็ขึ้นกับความชื่นชอบของผู้ชมว่าจะชอบไดเรคชั่นไหนมากกว่ากัน ถ้าชอบดูเกมส์จิตวิทยาเฉือนจิตใจเต็มสูบแน่น ๆ ก็ต้องซีซั่นแรก แต่ถ้าชอบซีรีส์เล่นเกมส์ผสมล้างแค้นบู๊แอคชั่น ซีซั่นสองจะไปแบบหลังมากกว่า

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Mingle Game Song “Round and Round” Lyric Video

- ถ้าถามว่า "ชอบซีซั่นไหนมากกว่ากัน" 

ส่วนตัวยอมรับว่า "ประทับใจซีซั่นแรกมากกว่า" โดยเฉพาะความสดใหม่ของซีซั่นแรกที่นำเอา "เกมส์เด็กเล่นพื้นบ้าน" มาทำเป็น "ซีรีส์ทริลเลอร์" เล่นจิตวิทยาเกี่ยวกับจิตใจ ความเห็นแก่ตัว ทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์ความโหดร้ายของโลกทุนนิยมได้อย่างคมคาย ซึ่งซีซั่นสองอาจจะไม่ได้มีความเป็นจิตวิทยา / การเฉือนจิตใจที่เฉียบเท่ากับซีซั่นแรก


นอกจากนี้ คาแรคเตอร์ของ "ซองกีฮุน" ในซีซั่นแรกยังน่าสนใจ ในแง่ที่ว่าเขาเป็น "ชายติดพนันที่ไม่เอาอ่าว" ในต้นเรื่องพลิกผันสู่การเป็น "ชายที่พึ่งพาได้" เมื่อเขาเข้าใจชีวิตมากขึ้นจากความหฤโหดและบททดสอบทางจิตใจในแต่ละเกมส์ที่ต้องเข้าร่วม อย่างไรก็ตาม ก็มีหลายสิ่งที่เขาต้องสูญเสียเพื่อแลกกับการมีชีวิตรอดซึ่งสร้างความปวดร้าวจนยากจะรับไหว

นั่นจึงทำให้คาแรคเตอร์ของ "ซองกีฮุน" ในซีซั่นแรกโดดเด่นติดตา

ในขณะที่ซีซั่นที่สอง มิติตัวละครเขาถูกฉายใน "ภาพวีรบุรุษขึงขังจริงจัง" ที่มาหยุดเกมส์นรกเพื่อช่วยชีวิตทุกคนมากกว่า นอกจากนี้ แรงจูงใจในการกลับเข้าเกมส์ของเขาก็ไม่ได้สมเหตุสมผลเข้มข้นเหมือนเมื่อครั้งในซีซั่นแรกที่เขามีหนี้ท่วมหัวหาทางออกชีวิตไม่ได้จริง ๆ จนบีบให้เขาต้องเลือกเข้าร่วมเกมส์เท่านั้น เพื่อให้ชีวิตตัวเองอยู่ต่อไปได้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Gi-hun and the Recruiter Play Russian Roulette

- ซีรีส์กล่าวถึงประเทศไทยเกี่ยวกับการที่ประเทศไทยเปิดกว้างแก่ผู้มีความหลากหลายทางเพศ ตรงนี้ซีรีส์กล่าวถึงประเทศไทยในแง่บวกมาก

สรุป

ยังเป็นซีรีส์คอนเทนต์คุณภาพสูงจาก Netflix ที่น่าติดตาม ความสนุกยังมีอยู่เช่นเดิมเหมือนครั้งดูซีซั่นแรก เพียงแต่ความสดใหม่ ความน่าสนใจ และความสมเหตุสมผลอาจถูกลดทอนไปบ้างตามภาษาซีรีส์ภาคต่อ (ทั้งยังกั๊กเก็บไว้อีกในซีซั่นถัดไป)

ต้องรอไปลุ้นกันว่าซีซั่น 3 หน้าตาของซีรีส์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่างไรเสีย จะดีจะร้าย เราคงต้องตามดูบทสรุปของ Squid Game กันต่อไปในซีซั่นถัดไปว่าท้ายที่สุด ซองกีฮุนและองค์กรเสื้อชมพูจะลงเอยมีจุดจบแบบใด

ใครสนใจรับชมซีรีส์ ดูได้ทาง Netflix!
____________________________________

ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ

               
Lemon8: BENJI Review
IG: benjireview
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่