Squid Game 2: สควิดเกม เล่นลุ้นตาย
ชาว Netflix หลายท่านคงจะดู Squid Game 2 จบกันไปแล้ว มีแต่เรานี่แหละที่ดูช้าเหลือเกิน 😂 จำได้ว่า ตอนที่ได้ยินว่าจะมี Squid Game 2 ก็แอบสงสัยว่ามันจะเวิร์คไหม เพราะจริง ๆ ซีซั่นแรกก็ทำได้ดีและสมบูรณ์แล้ว ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และคำวิจารณ์
แต่เมื่อรายได้และชื่อเสียงมาขนาดนี้ มีหรือที่ Netflix จะอดใจไหวต้องเข็น Season 2 ออกมาฉายต่อ 😂
ดังนั้นไหน ๆ ดูจบแล้วก็ขอเขียนรีวิวถึงหน่อยแล้วกัน บันทึกเป็นความทรงจำเอาไว้
สควิดเกม เล่นลุ้นตาย (Squid Game) ซีซั่น 2
ความรู้สึกหลังชม
- ความรู้สึกหลังดูซีซั่นนี้จบ ต้องชมว่า Squid Game ซีซั่นนี้ทำออกมาสนุกเข้มข้น กระชับน่าติดตาม ผู้กำกับและมือเขียนบทยังมีวิสัยทัศน์และไอเดียที่ดีในการหาทางไปต่อให้กับ Squid Game โดยที่มาตรฐานซีรีส์ไม่ได้ตกลงไปจากภาคแรก
ในซีซั่นนี้มีเกมส์และตัวละครที่มีเสน่ห์หลากหลายตัว เช่น เจ๊คนทรง ความดีดของพี่แร็ปเปอร์ธานอสและคู่หู พี่ 001 ตัวเนียน คู่หูแม่ลูก รวมไปถึงตัวละคร LGBT และบทบาทที่มากขึ้นของกงยูที่สร้างเสน่ห์ให้กับเรื่อง
บรรยากาศเกมส์ในเรื่องก็มีที่ติดตา เช่น ความฮาตอนตะลุยเกมส์พื้นบ้าน 5 ด่าน (ซีนตบเรียกสติขำมาก 😂) / เพลงหลอนหูในเกมส์จับคู่ม้าหมุน / มีมพระเอกตอนเล่นเกมเออีไอโอยูหยุด (ท่าปิดปากพี่ซองกีฮุนเป็นมีมที่ฮาจริง ๆ) / เกมส์ของกงยูที่เฉือนจิตใจดี
- ไดเรคชั่นของซีซั่นนี้ต่างกับซีซั่นแรกพอสมควร ซีซั่นแรกคือ
"ซีรีส์เกมท้าตายชิงเงินรางวัลปลดหนี้" ของเหล่าคนชายขอบในสังคมเกาหลี
ขณะที่ซีรีส์นี้ คอนเซปต์คือ
"ชั้นมาเพื่อทำลายเกมส์นรก" ชั้นไม่ต้องการให้องค์กรที่ชั่วร้ายแบบพวกแกหลอกคนอื่นเพื่อความสนุกบ้าบออีกต่อไป
ดังนั้นก็ขึ้นกับความชื่นชอบของผู้ชมว่าจะชอบไดเรคชั่นไหนมากกว่ากัน ถ้าชอบดูเกมส์จิตวิทยาเฉือนจิตใจเต็มสูบแน่น ๆ ก็ต้องซีซั่นแรก แต่ถ้าชอบซีรีส์เล่นเกมส์ผสมล้างแค้นบู๊แอคชั่น ซีซั่นสองจะไปแบบหลังมากกว่า
Mingle Game Song “Round and Round” Lyric Video
- ถ้าถามว่า
"ชอบซีซั่นไหนมากกว่ากัน"
ส่วนตัวยอมรับว่า
"ประทับใจซีซั่นแรกมากกว่า" โดยเฉพาะความสดใหม่ของซีซั่นแรกที่นำเอา
"เกมส์เด็กเล่นพื้นบ้าน" มาทำเป็น
"ซีรีส์ทริลเลอร์" เล่นจิตวิทยาเกี่ยวกับจิตใจ ความเห็นแก่ตัว ทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์ความโหดร้ายของโลกทุนนิยมได้อย่างคมคาย ซึ่งซีซั่นสองอาจจะไม่ได้มีความเป็นจิตวิทยา / การเฉือนจิตใจที่เฉียบเท่ากับซีซั่นแรก
นอกจากนี้ คาแรคเตอร์ของ
"ซองกีฮุน" ในซีซั่นแรกยังน่าสนใจ ในแง่ที่ว่าเขาเป็น
"ชายติดพนันที่ไม่เอาอ่าว" ในต้นเรื่องพลิกผันสู่การเป็น
"ชายที่พึ่งพาได้" เมื่อเขาเข้าใจชีวิตมากขึ้นจากความหฤโหดและบททดสอบทางจิตใจในแต่ละเกมส์ที่ต้องเข้าร่วม อย่างไรก็ตาม ก็มีหลายสิ่งที่เขาต้องสูญเสียเพื่อแลกกับการมีชีวิตรอดซึ่งสร้างความปวดร้าวจนยากจะรับไหว
นั่นจึงทำให้คาแรคเตอร์ของ "ซองกีฮุน" ในซีซั่นแรกโดดเด่นติดตา
ในขณะที่ซีซั่นที่สอง มิติตัวละครเขาถูกฉายใน
"ภาพวีรบุรุษขึงขังจริงจัง" ที่มาหยุดเกมส์นรกเพื่อช่วยชีวิตทุกคนมากกว่า นอกจากนี้ แรงจูงใจในการกลับเข้าเกมส์ของเขาก็ไม่ได้สมเหตุสมผลเข้มข้นเหมือนเมื่อครั้งในซีซั่นแรกที่เขามีหนี้ท่วมหัวหาทางออกชีวิตไม่ได้จริง ๆ จนบีบให้เขาต้องเลือกเข้าร่วมเกมส์เท่านั้น เพื่อให้ชีวิตตัวเองอยู่ต่อไปได้
Gi-hun and the Recruiter Play Russian Roulette
- ซีรีส์กล่าวถึงประเทศไทยเกี่ยวกับการที่ประเทศไทยเปิดกว้างแก่ผู้มีความหลากหลายทางเพศ ตรงนี้ซีรีส์กล่าวถึงประเทศไทยในแง่บวกมาก
สรุป
ยังเป็นซีรีส์คอนเทนต์คุณภาพสูงจาก Netflix ที่น่าติดตาม ความสนุกยังมีอยู่เช่นเดิมเหมือนครั้งดูซีซั่นแรก เพียงแต่ความสดใหม่ ความน่าสนใจ และความสมเหตุสมผลอาจถูกลดทอนไปบ้างตามภาษาซีรีส์ภาคต่อ (ทั้งยังกั๊กเก็บไว้อีกในซีซั่นถัดไป)
ต้องรอไปลุ้นกันว่าซีซั่น 3 หน้าตาของซีรีส์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่างไรเสีย จะดีจะร้าย เราคงต้องตามดูบทสรุปของ Squid Game กันต่อไปในซีซั่นถัดไปว่าท้ายที่สุด ซองกีฮุนและองค์กรเสื้อชมพูจะลงเอยมีจุดจบแบบใด
ใครสนใจรับชมซีรีส์ ดูได้ทาง Netflix!
____________________________________
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ
Lemon8: BENJI Review
IG: benjireview
Squid Game 2 (2024) - กลับมาอีกครั้งกับภารกิจเกมส์นรกปลดหนี้ซีซั่น 2
ดังนั้นไหน ๆ ดูจบแล้วก็ขอเขียนรีวิวถึงหน่อยแล้วกัน บันทึกเป็นความทรงจำเอาไว้
ในซีซั่นนี้มีเกมส์และตัวละครที่มีเสน่ห์หลากหลายตัว เช่น เจ๊คนทรง ความดีดของพี่แร็ปเปอร์ธานอสและคู่หู พี่ 001 ตัวเนียน คู่หูแม่ลูก รวมไปถึงตัวละคร LGBT และบทบาทที่มากขึ้นของกงยูที่สร้างเสน่ห์ให้กับเรื่อง
บรรยากาศเกมส์ในเรื่องก็มีที่ติดตา เช่น ความฮาตอนตะลุยเกมส์พื้นบ้าน 5 ด่าน (ซีนตบเรียกสติขำมาก 😂) / เพลงหลอนหูในเกมส์จับคู่ม้าหมุน / มีมพระเอกตอนเล่นเกมเออีไอโอยูหยุด (ท่าปิดปากพี่ซองกีฮุนเป็นมีมที่ฮาจริง ๆ) / เกมส์ของกงยูที่เฉือนจิตใจดี
ขณะที่ซีรีส์นี้ คอนเซปต์คือ "ชั้นมาเพื่อทำลายเกมส์นรก" ชั้นไม่ต้องการให้องค์กรที่ชั่วร้ายแบบพวกแกหลอกคนอื่นเพื่อความสนุกบ้าบออีกต่อไป
ดังนั้นก็ขึ้นกับความชื่นชอบของผู้ชมว่าจะชอบไดเรคชั่นไหนมากกว่ากัน ถ้าชอบดูเกมส์จิตวิทยาเฉือนจิตใจเต็มสูบแน่น ๆ ก็ต้องซีซั่นแรก แต่ถ้าชอบซีรีส์เล่นเกมส์ผสมล้างแค้นบู๊แอคชั่น ซีซั่นสองจะไปแบบหลังมากกว่า
ส่วนตัวยอมรับว่า "ประทับใจซีซั่นแรกมากกว่า" โดยเฉพาะความสดใหม่ของซีซั่นแรกที่นำเอา "เกมส์เด็กเล่นพื้นบ้าน" มาทำเป็น "ซีรีส์ทริลเลอร์" เล่นจิตวิทยาเกี่ยวกับจิตใจ ความเห็นแก่ตัว ทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์ความโหดร้ายของโลกทุนนิยมได้อย่างคมคาย ซึ่งซีซั่นสองอาจจะไม่ได้มีความเป็นจิตวิทยา / การเฉือนจิตใจที่เฉียบเท่ากับซีซั่นแรก
นั่นจึงทำให้คาแรคเตอร์ของ "ซองกีฮุน" ในซีซั่นแรกโดดเด่นติดตา
ในขณะที่ซีซั่นที่สอง มิติตัวละครเขาถูกฉายใน "ภาพวีรบุรุษขึงขังจริงจัง" ที่มาหยุดเกมส์นรกเพื่อช่วยชีวิตทุกคนมากกว่า นอกจากนี้ แรงจูงใจในการกลับเข้าเกมส์ของเขาก็ไม่ได้สมเหตุสมผลเข้มข้นเหมือนเมื่อครั้งในซีซั่นแรกที่เขามีหนี้ท่วมหัวหาทางออกชีวิตไม่ได้จริง ๆ จนบีบให้เขาต้องเลือกเข้าร่วมเกมส์เท่านั้น เพื่อให้ชีวิตตัวเองอยู่ต่อไปได้
ต้องรอไปลุ้นกันว่าซีซั่น 3 หน้าตาของซีรีส์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่างไรเสีย จะดีจะร้าย เราคงต้องตามดูบทสรุปของ Squid Game กันต่อไปในซีซั่นถัดไปว่าท้ายที่สุด ซองกีฮุนและองค์กรเสื้อชมพูจะลงเอยมีจุดจบแบบใด
ใครสนใจรับชมซีรีส์ ดูได้ทาง Netflix!