จากข้อมูลกำไรสุทธิของบริษัทในช่วงปีงบการเงิน 2562 ถึง 2566 ดังนี้:
ปี 2562: 292,291,765.00 บาท (เพิ่มขึ้น 36.24%)
ปี 2563: 106,088,154.00 บาท (ลดลง 63.70%)
ปี 2564: 612,419,003.00 บาท (เพิ่มขึ้น 477.27%)
ปี 2565: 125,156,656.00 บาท (ลดลง 79.56%)
ปี 2566: 202,727,465.00 บาท (เพิ่มขึ้น 61.97%)
จะเห็นได้ว่ากำไรสุทธิของบริษัทมีความผันผวนอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีการเพิ่มขึ้นและลดลงสลับกันไปในแต่ละปี
การวิเคราะห์ผลกำไรสุทธิ
ความผันผวนของกำไรสุทธิ: การเปลี่ยนแปลงของกำไรสุทธิที่มีความผันผวนสูงอาจสะท้อนถึงความไม่แน่นอนในการดำเนินธุรกิจ หรือปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท
ปัจจัยที่ส่งผลต่อกำไรสุทธิ: การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของกำไรสุทธิอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การเปลี่ยนแปลงของรายได้ ต้นทุนการขาย ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร หรือรายได้และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานหลักของบริษัท
การวิเคราะห์เชิงลึก: เพื่อเข้าใจสาเหตุของความผันผวนของกำไรสุทธิ ควรพิจารณารายละเอียดในงบกำไรขาดทุนเพิ่มเติม เช่น รายได้จากการขายและบริการ ต้นทุนการขาย ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และรายการพิเศษอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อกำไรสุทธิ
การเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรม: ควรเปรียบเทียบผลประกอบการของบริษัทกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อประเมินว่าบริษัทมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างไรเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
การวิเคราะห์ผลกำไร:
เมื่อพิจารณารายได้หลักควบคู่กับกำไรสุทธิที่ได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ จะเห็นได้ว่าบริษัทมีความผันผวนทั้งในด้านรายได้และกำไรสุทธิในช่วงปี 2562 ถึง 2566 ดังนี้:
ปี 2562: รายได้หลักเพิ่มขึ้น 8.86% แต่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 36.24% แสดงถึงการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ
ปี 2563: รายได้หลักลดลง 23.33% และกำไรสุทธิลดลง 63.70% สะท้อนถึงผลกระทบที่รุนแรงต่อกำไรสุทธิเมื่อรายได้ลดลง
ปี 2564: รายได้หลักลดลง 14.22% แต่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 477.27% อาจเกิดจากการมีรายได้พิเศษหรือการลดค่าใช้จ่ายที่มีนัยสำคัญ
ปี 2565: รายได้หลักเพิ่มขึ้น 31.45% แต่กำไรสุทธิลดลง 79.56% อาจบ่งชี้ถึงต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ปี 2566: รายได้หลักเพิ่มขึ้น 28.63% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 61.97% แสดงถึงการฟื้นตัวทั้งในด้านรายได้และกำไรสุทธิ
ข้อสังเกต:
ความสัมพันธ์ระหว่างรายได้และกำไรสุทธิ: แม้ว่ารายได้หลักจะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งเพิ่มขึ้นและลดลงในแต่ละปี แต่กำไรสุทธิมีความผันผวนมากกว่า ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น ต้นทุนการผลิต ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร หรือรายได้และค่าใช้จ่ายพิเศษ
การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่าย: ปีที่รายได้ลดลงแต่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น อาจสะท้อนถึงการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ หรือการมีรายได้พิเศษที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานหลัก
ปัจจัยภายนอก: ความผันผวนของรายได้และกำไรสุทธิอาจเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น สภาวะเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของตลาด หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การระบาดของโรค ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท
จากข้อมูลค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของบริษัทในช่วงปีงบการเงิน 2562 ถึง 2566 ดังนี้:
ปี 2562: 643,849,786.00 บาท (ลดลง 16.76%)
ปี 2563: 174,395,845.00 บาท (ลดลง 72.91%)
ปี 2564: 161,946,587.00 บาท (ลดลง 7.13%)
ปี 2565: 114,998,062.00 บาท (ลดลง 28.99%)
ปี 2566: 138,787,369.00 บาท (เพิ่มขึ้น 20.68%)
การวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ส่งผลต่อกำไรสุทธิ:
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการผลิตสินค้า แต่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานทั่วไปของบริษัท เช่น ค่าโฆษณา ค่าเช่าสำนักงาน และเงินเดือนพนักงานฝ่ายบริหาร
การเปลี่ยนแปลงของ SG&A มีผลกระทบโดยตรงต่อกำไรสุทธิของบริษัท ดังนี้:
-ปี 2562: ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง 16.76% ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 36.24% แสดงว่าการลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารช่วยเพิ่มกำไรสุทธิได้อย่างมีนัยสำคัญ
-ปี 2563: ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง 72.91% แต่กำไรสุทธิลดลง 63.70% สะท้อนว่าการลดค่าใช้จ่าย SG&A ไม่สามารถชดเชยการลดลงของรายได้หลักที่ลดลง 23.33% ได้
-ปี 2564: ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง 7.13% ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 477.27% อาจบ่งชี้ว่าบริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี และอาจมีรายได้พิเศษหรือการลดต้นทุนอื่น ๆ ที่ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมาก
-ปี 2565: ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง 28.99% แต่กำไรสุทธิลดลง 79.56% แสดงว่าการลดค่าใช้จ่าย SG&A ไม่สามารถชดเชยต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นได้
-ปี 2566: ค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้น 20.68% ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 61.97% บ่งชี้ว่าบริษัทอาจมีรายได้เพิ่มขึ้นหรือมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น แม้ค่าใช้จ่าย SG&A จะเพิ่มขึ้น
SF กระทู้เก่า
https://ppantip.com/topic/41445882
SF : บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) Update กันหน่อยหลังออกจาก SET เกือบ 3 ปี
ปี 2562: 292,291,765.00 บาท (เพิ่มขึ้น 36.24%)
ปี 2563: 106,088,154.00 บาท (ลดลง 63.70%)
ปี 2564: 612,419,003.00 บาท (เพิ่มขึ้น 477.27%)
ปี 2565: 125,156,656.00 บาท (ลดลง 79.56%)
ปี 2566: 202,727,465.00 บาท (เพิ่มขึ้น 61.97%)
จะเห็นได้ว่ากำไรสุทธิของบริษัทมีความผันผวนอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีการเพิ่มขึ้นและลดลงสลับกันไปในแต่ละปี
การวิเคราะห์ผลกำไรสุทธิ
ความผันผวนของกำไรสุทธิ: การเปลี่ยนแปลงของกำไรสุทธิที่มีความผันผวนสูงอาจสะท้อนถึงความไม่แน่นอนในการดำเนินธุรกิจ หรือปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท
ปัจจัยที่ส่งผลต่อกำไรสุทธิ: การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของกำไรสุทธิอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การเปลี่ยนแปลงของรายได้ ต้นทุนการขาย ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร หรือรายได้และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานหลักของบริษัท
การวิเคราะห์เชิงลึก: เพื่อเข้าใจสาเหตุของความผันผวนของกำไรสุทธิ ควรพิจารณารายละเอียดในงบกำไรขาดทุนเพิ่มเติม เช่น รายได้จากการขายและบริการ ต้นทุนการขาย ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และรายการพิเศษอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อกำไรสุทธิ
การเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรม: ควรเปรียบเทียบผลประกอบการของบริษัทกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อประเมินว่าบริษัทมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างไรเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
การวิเคราะห์ผลกำไร:
เมื่อพิจารณารายได้หลักควบคู่กับกำไรสุทธิที่ได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ จะเห็นได้ว่าบริษัทมีความผันผวนทั้งในด้านรายได้และกำไรสุทธิในช่วงปี 2562 ถึง 2566 ดังนี้:
ปี 2562: รายได้หลักเพิ่มขึ้น 8.86% แต่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 36.24% แสดงถึงการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ
ปี 2563: รายได้หลักลดลง 23.33% และกำไรสุทธิลดลง 63.70% สะท้อนถึงผลกระทบที่รุนแรงต่อกำไรสุทธิเมื่อรายได้ลดลง
ปี 2564: รายได้หลักลดลง 14.22% แต่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 477.27% อาจเกิดจากการมีรายได้พิเศษหรือการลดค่าใช้จ่ายที่มีนัยสำคัญ
ปี 2565: รายได้หลักเพิ่มขึ้น 31.45% แต่กำไรสุทธิลดลง 79.56% อาจบ่งชี้ถึงต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ปี 2566: รายได้หลักเพิ่มขึ้น 28.63% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 61.97% แสดงถึงการฟื้นตัวทั้งในด้านรายได้และกำไรสุทธิ
ข้อสังเกต:
ความสัมพันธ์ระหว่างรายได้และกำไรสุทธิ: แม้ว่ารายได้หลักจะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งเพิ่มขึ้นและลดลงในแต่ละปี แต่กำไรสุทธิมีความผันผวนมากกว่า ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น ต้นทุนการผลิต ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร หรือรายได้และค่าใช้จ่ายพิเศษ
การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่าย: ปีที่รายได้ลดลงแต่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น อาจสะท้อนถึงการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ หรือการมีรายได้พิเศษที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานหลัก
ปัจจัยภายนอก: ความผันผวนของรายได้และกำไรสุทธิอาจเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น สภาวะเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของตลาด หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การระบาดของโรค ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท
จากข้อมูลค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของบริษัทในช่วงปีงบการเงิน 2562 ถึง 2566 ดังนี้:
ปี 2562: 643,849,786.00 บาท (ลดลง 16.76%)
ปี 2563: 174,395,845.00 บาท (ลดลง 72.91%)
ปี 2564: 161,946,587.00 บาท (ลดลง 7.13%)
ปี 2565: 114,998,062.00 บาท (ลดลง 28.99%)
ปี 2566: 138,787,369.00 บาท (เพิ่มขึ้น 20.68%)
การวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ส่งผลต่อกำไรสุทธิ:
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการผลิตสินค้า แต่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานทั่วไปของบริษัท เช่น ค่าโฆษณา ค่าเช่าสำนักงาน และเงินเดือนพนักงานฝ่ายบริหาร
การเปลี่ยนแปลงของ SG&A มีผลกระทบโดยตรงต่อกำไรสุทธิของบริษัท ดังนี้:
-ปี 2562: ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง 16.76% ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 36.24% แสดงว่าการลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารช่วยเพิ่มกำไรสุทธิได้อย่างมีนัยสำคัญ
-ปี 2563: ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง 72.91% แต่กำไรสุทธิลดลง 63.70% สะท้อนว่าการลดค่าใช้จ่าย SG&A ไม่สามารถชดเชยการลดลงของรายได้หลักที่ลดลง 23.33% ได้
-ปี 2564: ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง 7.13% ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 477.27% อาจบ่งชี้ว่าบริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี และอาจมีรายได้พิเศษหรือการลดต้นทุนอื่น ๆ ที่ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมาก
-ปี 2565: ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง 28.99% แต่กำไรสุทธิลดลง 79.56% แสดงว่าการลดค่าใช้จ่าย SG&A ไม่สามารถชดเชยต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นได้
-ปี 2566: ค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้น 20.68% ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 61.97% บ่งชี้ว่าบริษัทอาจมีรายได้เพิ่มขึ้นหรือมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น แม้ค่าใช้จ่าย SG&A จะเพิ่มขึ้น
SF กระทู้เก่า https://ppantip.com/topic/41445882