WAVE กับธุรกิจ NEW S (ไม่) CURVE สักที!!! ตอน 3 (จบ)

กระทู้สนทนา
หลังจากที่เขียนถึงธุรกิจ New S Curve ของบริษัท Wave ไปแล้วสองตอน  ตอนนี้ผมของเขียนถึงตัวเร่ง หรือcatalyst ที่จะสามารถทำให้ธุรกิจ New S Curve ของบริษัทนี้เป็นจริงได้ดั่งที่บริษัทคาดหวังไว้  สำหรับตัวเร่งของธุรกิจในช่วงนี้เท่าที่ผมพอจะนึกออก น่าจะมีประมาณ 3-4 ตัวเร่ง ที่คาดว่าจะเป็นจริงได้เร็ว ๆ นี้ 

              O.k. พร้อมแล้วก็ไปเริ่มกันเลยดีกว่าครับ

              ตัวเร่งที่ 1   ตลาดหลักทรัพย์เตรียมเปิดศูนย์ซื้อขาย Carbon Credit เรื่องนี้ผมเห็นข่าวนี้ตั้งแต่เดือน ก.ย. 2567 แต่จนถึงปัจจุบันเรื่องก็ยังคงเงียบ ไม่มีอะไรคืบหน้า  หากตัวเร่งนี้เกิดขึ้นจริง ก็จะเป็นประโยชน์ทางอ้อมกับบริษัท เนื่องจากจะมีช่องทางการขายสินค้า (Carbon/Rec) เพิ่มมากขึ้น
 
              ต่อมาเป็นตัวเร่งตัวที่ 2  ก็คือ การเรียกเก็บภาษีคาร์บอนเครดิต  (Carbon Tax) เรื่องนี้ก็ว่าจะมีการอนุมัติมาหลายเดือนแล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังเงียบอีกเช่นเดียวกัน แม้จะมีข่าวว่าครม.จะอุนมัติ ในเดือน ม.ค. 2568  แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไปตามนั้นหรือไม่  หากอนุมัติออกมาจริง ๆ ก็จะมีผลทางอ้อมกับบริษัท เนื่องจากบริษัทจะมีโอกาสขายสินค้าได้มากขึ้นครับ  

              มาถึงตัวเร่งที่ 3   เป็นเรื่องเกี่ยวกับการออก พ.ร.บ.ลดโลกร้อน  (ใครเป็นคนปล่อยมลพิษ คนนั้นต้องจ่าย)  พ.ร.บ. นี้ดูเหมือนว่าจะครอบคลุมในเรื่องของ Carbon Credit  แบบครบวงจร  โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับกลไกต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Carbon Credit  แบบครบถ้วน ไม่ว่าเป็นเรื่องระบบกลไกด้านราคาซื้อขาย Carbon Credit  ประเภทธุรกิจที่ต้องมีการชดเชยCarbon หากธุรกิจนั้นปล่อย Carbon เกินมาตรฐานที่กำหนด ฯลฯ   หากพ.ร.บ.นี้ได้รับการอนุมัติจริง  อาจเป็นผลทางตรงกับบริษัท เนื่องจากน่าจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นพอสมควรครับ 

               สุดท้ายตัวเร่งที่ 4  ก็คือ การออก Token REC ของบริษัท  เรื่องนี้ก็ยื่น Filling ให้ กลต. ไปตั้งแต่เดือน ก.ค. 67 นี่ก็ผ่านมา 7 เดือนแล้ว แต่เรื่องก็ยังคงเงียบไม่มีอะไรคืบหน้า  ผมคิดว่าตัวเร่งตัวนี้สำคัญที่สุดสำหรับบริษัท  เพราะหากได้รับอนุมัติเมื่อไหร่ ก็จะเป็นผลโดยตรงกับผลประกอบการของบริษัท  อย่างมีนัยยะ  เนื่องจากจะสามารถขายสินค้าได้มากขึ้นอย่างแน่นอนครับ

              แต่ถ้าสังเกตดี ๆ ทุกตัวเร่งที่กล่าวมานี้ ต่างเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งสิ้น ฉะนั้นมันจึงกำหนดระยะเวลา ในการอนุมัติแต่ละเรื่องนั้นแทบไม่ได้เลย  

              เมื่อเป็นอย่างนี้นักลงทุนรายย่อยอย่างเรา ๆ ก็คงทำได้แค่เพียงลอยคอ...(รอคอย) กันต่อไป  แต่สำหรับความคิดของผมนั้น หากภายใน Q2-68  ยังไม่มีตัวเร่งตัวใดตัวหนึ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้ออกมาให้เห็นเป็นรูปเป็นร่าง  ผมอาจจะบอกลาหุ้นของบริษัทนี้ เนื่องจากถือมานานพอสมควรแก่เวลาแล้วครับ  (หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ เข้าซื้อเร็วเกินไป 555)

หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ดช.จุ่น

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่