[รีวิว] Sonic The Hedgehog 3 - วิ่งไวจนไตรภาคกับกลิ่นอายแบบเดิมเพิ่มเติมความเดือดทะลุปรอท

(1) จากการตัดสินใจแก้ดีไซน์เจ้าเม่นสีฟ้าตามคำเรียกร้องจากแฟนๆ นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีเกินคาดมากๆ เผลอแว่บเดียว Sonic the Hedgehog ก็กลายเป็นหนังไตรภาคไปซะแล้ว แถมซีรีส์ Spin-Off เนื้อเรื่องของนักเคิลส์เพิ่มอีกหนึ่ง ทำให้สามารถบอกได้เต็มปากว่าการดัดแปลง Sonic ตัวละครยอดนิยมอันดับหนึ่งของ SEGA นี้ เป็นการดัดแปลงภาพยนตร์จากเกมส์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดแล้ว และดูเหมือนว่าจะไปต่อได้อีกยาวเลย

(2) ว่ากันตามตรงกลิ่นอายของ Sonic The Hedgehog 3 แทบไม่ต่างอะไรจากภาคก่อนหน้ามากนัก อะไรที่เคยมีและเคยเป็นในภาค 2 ก็ล้วนแต่คงอยู่ในภาคนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งความน่ารักสดใสของตัวละครนำสีสันแสบตาทั้งสาม โซนิค นักเคิลส์ และเทลส์ คู่ปรับไม้เบื่อไม้เมาอย่าง ดร.โรบอตนิค ก็ไม่ได้หายไปไหน เพิ่มเติมคือ “เจอรัลด์ โรบอตนิค” คุณปู่ของ ดร.โรบอตนิค ครอบครัวที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวก็เข้ามาสร้างความวายป่วงคูณสอง และไฮไลท์สำคัญอย่าง “ชาโดว์” (พากย์เสียงโดย Keanu Reeves) เม่นสีดำทรงพลัง 

(3) แม้จะมีจังหวะการดำเนินเรื่องและกลิ่นอายแบบหนังเด็กอยู่เต็มพิกัดจนแทบจะกลายเป็นการ์ตูนอยู่แล้ว แถมใจความสำคัญของเรื่องก็ไม่ได้ขยับไปไหนไกลนัก จากมิตรภาพของผองเพื่อนในภาคที่สอง เลื่อนเป็นความสัมพันธ์ของ “ครอบครัว” ในภาคนี้ ที่ถูกนำเสนอผ่านชาโดว์และ ดร.โรบอตนิค แบบโต้งๆ แต่กลายเป็นว่าประเด็นเชยๆ ที่พบเห็นกันมาเป็นพันเป็นหมื่นเรื่องนี้ เมื่อขยี้ได้ตรงจุด แม้จะเป็นตัวละครที่ดูการ์ตูนจ๋าขนาดนี้ก็ยังเรียกลูกซึ้งออกมาได้เฉยเลย 

(4) หากจะเสียดายก็ตรงที่การปรากฏตัวของชาโดว์ยังทรงพลังได้ไม่เท่าที่ควร บทบาทของเขาดูเป็นตัวรองมากกว่าจะเป็นตัวชูโรงและขับเคลื่อนเรื่องราว เพราะตัวหลักฝ่ายร้ายเป็น ดร.โรบอตนิค และคุณปู่ของเขาที่เป็นคนคอยจัดการทุกอย่างแทน ซึ่งเมื่อเทียบกับครั้งของนักเคิลส์ในภาคก่อน บทบาทการปรากฏตัวและการปะทะกับโซนิคของเขา มันดูมีพลังมากกว่านี้ แต่นั่นก็ชดเชยมาด้วยฉากแอคชั่นที่ถูกยกระดับมากขึ้น แม้จะไม่มากแต่เนื้อๆ เน้นๆ ยิ่งในตอนท้ายเรื่องคุณคงเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ใบ้ให้ว่ามันเหมือนโกคูและเบจิต้าในร่างซุปเปอร์ไซย่าสู้กันอย่างบ้าระห่ำ

(5) และคนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้อีกเช่นเคย นั่นคือ จิม แคร์รี่ (Jim Carrey) ในบท ดร.โรบอตนิค ที่รู้สึกเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ตั้งแต่ในภาคแรกว่านี่จะเป็นการรับบทครั้งสุดท้าย(ในตอนนั้น)ของเขา แต่ไปๆ มาๆ เจ้าตัวก็อยู่ครบทั้งสามภาค และดูเหมือนเจ้าตัวจะสนุกขึ้นเรื่อยๆ อย่างในครั้งนี้เขาต้องรับบทเจอรัลด์ โรบอตนิค เพิ่มขึ้นไปอีก แน่นอนว่าเป็นไอเดียของเขาเองที่ต้องการแสดงเป็นทั้งสองตัวละคร ความฮา ความบ้า ความรั่ว ยังคงเต็มพิกัด การแทรกมุกเสียดสีเกมค่ายคู่แข่งและวัฒนธรรมป็อปคัลเจอร์ก็ยังไม่ขาด รู้ได้เลยว่าจิม แคร์รี่ สนุกกับการรับบทนี้อย่างไม่ต้องสงสัย 

(6) และคิดไม่ออกว่าหากไม่มีเขา Sonic The Hedgehog ก็น่าจะกลายเป็นอนิเมชั่นเต็มตัวไปแล้ว เพราะตัวละครมนุษย์คนอื่นๆ แทบจะกลายเป็นหมอกจางๆ ที่มีบทบาทมาแบบรู้ได้เลยว่า “ยัดมา” เพื่อย้ำเบาๆ ว่านี่เป็นภาพยนตร์คนแสดงนะขอรับ ยังไม่นับรวมว่าภาคต่อไปของ Sonic ที่คงไม่เรียกว่าเป็นการสปอย หากจะบอกว่าจักรวาลเจ้าเม่นสายฟ้ายังคงไปต่ออีกไกลแน่ๆ เพราะตัวละครอีกหลายๆ ตัวจากเกมและซีรีส์ Sonic X ยังรอคิวปรากฏกายเรียกเสียงกริ๊ดของแฟนๆ ในช่วงท้ายของ End Credit อยู่อย่างเนืองแน่น

Story Decoder
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่