10 ปีแล้วนะ เปิดไตรภาคต่อพังๆ ด้วย The Force Awakens กับ Jurassic World

ปี 2015 ...10 ปีแล้วนะ... ถือเป็นปีที่น่าจดจำในวงการภาพยนตร์อย่างแท้จริง เพราะมีหนังหลายเรื่องที่สร้างความประทับใจและทำให้เราตื่นเต้นกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เริ่มต้นด้วย "Mad Max: Fury Road" ที่ไม่เพียงแต่เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่น แต่ยังเป็นงานศิลปะที่เต็มไปด้วยสีสันและความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะฉากการไล่ล่าที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในโลกหลังหายนะจริง ๆ การนำเสนอภาพและเสียงที่ลงตัวทำให้เราหายใจไม่ทัน และนับเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการยกย่องจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชม


อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจคือ "Inside Out" ของพิกซาร์ ที่นำเสนอเรื่องราวของอารมณ์ภายในจิตใจของเด็กสาวคนหนึ่งที่ต้องเผชิญกับการย้ายบ้านใหม่ หนังเรื่องนี้ไม่เพียงแค่สร้างความสนุกสนาน แต่ยังมีแนวคิดลึกซึ้งเกี่ยวกับการเข้าใจและยอมรับอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต โดยมีตัวละครหลักเป็นอารมณ์ต่าง ๆ เช่น ความสุข (Joy), ความเศร้า (Sadness), ความโกรธ (Anger), ความกลัว (Fear) และความน่าเบื่อ (Disgust) การเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์และการออกแบบตัวละครที่น่ารักทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความเชื่อมโยงกับประสบการณ์ในชีวิตจริง


นอกจากนี้ยังมี "The Martian" ที่นำแสดงโดยแมตต์ เดมอน ซึ่งเล่าเรื่องราวของนักบินอวกาศที่ถูกทิ้งอยู่บนดาวอังคารและต้องใช้ความสามารถในการเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย หนังเรื่องนี้ได้รับคำชมในด้านการสร้างสรรค์และความสมจริง โดยมีการใช้วิทยาศาสตร์อธิบายกระบวนการเอาตัวรอดอย่างละเอียด ทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นและมีส่วนร่วมในเรื่องราว


อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่น่าจดจำคือ "Spotlight" ซึ่งเป็นหนังที่เล่าถึงการสืบสวนของทีมข่าวจากบอสตัน โกลบ ที่เปิดโปงเรื่องการล่วงละเมิดเด็กในโบสถ์คาทอลิก หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และเป็นที่ยกย่องในด้านการเล่าเรื่องที่มีความสำคัญและการนำเสนอปัญหาสังคมที่เป็นจริง



แต่ในปีเดียวกันนั้นเอง ทั้ง "Star Wars: The Force Awakens" และ "Jurassic World" กลับสร้างกระแสที่แตกต่างกันในวงการภาพยนตร์ แม้ว่าทั้งสองจะเป็นภาพยนตร์ที่เปิดตัวไตรภาคใหม่ แต่ความสำเร็จในเชิงรายได้กลับไม่สามารถปกปิดข้อบกพร่องในการเล่าเรื่องและการพัฒนาตัวละครได้




"Star Wars: The Force Awakens" เป็นภาพยนตร์ที่เปิดตัวไตรภาคใหม่ของแฟรนไชส์ Star Wars และถูกคาดหวังอย่างสูงจากแฟน ๆ หลังจากที่ "Revenge of the Sith" จบลงในปี 2005 มันถูกสร้างขึ้นโดย J.J. Abrams และออกฉายในปี 2015 โดยมีเป้าหมายในการนำเสนอเรื่องราวใหม่ที่ยังคงรักษาเสน่ห์ของจักรวาล Star Wars ไว้
แม้ว่า "The Force Awakens" จะได้รับความนิยมในช่วงแรก แต่หลายคนกลับรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มีการเล่าเรื่องที่คล้ายคลึงกับ "A New Hope" มากเกินไป โดยเฉพาะการมีตัวละครใหม่ที่มีความคล้ายคลึงกับตัวละครเก่า ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นการรีไซเคิลเนื้อเรื่องเดิมมากกว่าการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
ในขณะที่ภาพยนตร์มีการสร้างตัวละครใหม่อย่างเรย์ (Daisy Ridley) และฟินน์ (John Boyega) ที่มีศักยภาพ แต่การพัฒนาเนื้อเรื่องและความลึกซึ้งของตัวละครกลับไม่เป็นไปตามความคาดหวัง หลายคนรู้สึกว่าหนังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างโลกใหม่หรือการสำรวจธีมที่ลึกซึ้ง ทำให้เกิดความผิดหวังในฐานะที่เป็นจุดเริ่มต้นของไตรภาคใหม่


ความล้มเหลวของ "Star Wars" หลังจาก "Star Wars: The Force Awakens" เริ่มปรากฏชัดเจนในภาพยนตร์ภาคต่ออย่าง "Star Wars: The Last Jedi" และ "Star Wars: The Rise of Skywalker" ซึ่งทั้งสองภาคนี้ไม่เพียงแต่เผชิญกับความคาดหวังที่สูงจากแฟน ๆ แต่ยังต้องรับมือกับการวิจารณ์ที่เข้มข้นเกี่ยวกับการพัฒนาตัวละครและการเล่าเรื่องที่ไม่สอดคล้องกัน

"The Last Jedi" กำกับโดยไรอัน จอห์นสัน ซึ่งนำเสนอแนวทางที่แตกต่างจาก "The Force Awakens" โดยมีการทำลายความคาดหวังหลายประการที่สร้างขึ้นในภาคแรก ตัวอย่างเช่น การเปิดเผยเกี่ยวกับตัวละครเรย์และความสัมพันธ์ของเธอกับลุค สกายวอล์คเกอร์ ทำให้แฟน ๆ หลายคนรู้สึกผิดหวัง เนื่องจากพวกเขาคาดหวังว่าจะได้เห็นการพัฒนาและการเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ในขณะที่ "The Last Jedi" พยายามที่จะสำรวจธีมใหม่ ๆ เช่น การปล่อยวางจากอดีตและการค้นหาตัวตนใหม่ มันกลับทำให้ตัวละครหลายตัวดูขัดแย้งและไม่สอดคล้องกัน เช่น ลุค สกายวอล์คเกอร์ที่ถูกนำเสนอในลักษณะที่แตกต่างจากที่แฟน ๆ คุ้นเคย ทำให้เกิดการวิจารณ์เกี่ยวกับการพัฒนาตัวละครที่ไม่สอดคล้องและทำให้แฟน ๆ รู้สึกผิดหวัง


"The Rise of Skywalker" ซึ่งกำกับโดยเจเจ อับรามส์ พยายามที่จะนำเสนอการสรุปเรื่องราวของไตรภาคใหม่ แต่กลับถูกวิจารณ์ว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นใน "The Last Jedi" โดยการนำเสนอเนื้อเรื่องที่เร่งรีบและขาดความลึกซึ้ง การกลับมาของตัวร้ายเก่าอย่างพาลพาทีนทำให้หลายคนรู้สึกว่าเป็นการนำเสนอที่ขาดความคิดสร้างสรรค์
แม้ว่าภาพยนตร์จะพยายามสร้างความตื่นเต้นและความบันเทิง แต่การเล่าเรื่องที่ไม่สอดคล้องกันและการพัฒนาตัวละครที่ไม่ชัดเจนทำให้แฟน ๆ รู้สึกผิดหวังอย่างมาก หลายคนมองว่า "The Rise of Skywalker" เป็นการปิดฉากที่ไม่คุ้มค่าและไม่สามารถสรุปเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมของแฟรนไชส์ได้อย่างเหมาะสม



ในทางกลับกัน "Jurassic World" แม้จะได้รับการตอบรับที่ดีในเรื่องของความบันเทิงและฉากแอ็คชั่น แต่กลับถูกวิจารณ์อย่างหนักในเรื่องของการพัฒนาตัวละครและการเล่าเรื่องที่คาดเดาได้ หลายคนมองว่าหนังมีการใช้สูตรสำเร็จในการสร้างความตื่นเต้น แต่กลับไม่สามารถสร้างความลึกซึ้งและความน่าจดจำให้กับตัวละครใหม่ได้
ความล้มเหลวของ "Jurassic World" สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในภาคต่ออย่าง "Jurassic World: Fallen Kingdom" และ "Jurassic World: Dominion" ซึ่งทั้งสองภาคนี้ไม่เพียงแต่พยายามสร้างความตื่นเต้นและความบันเทิง แต่ยังเผชิญกับการวิจารณ์ในหลายด้านที่ทำให้แฟน ๆ รู้สึกผิดหวัง



"Fallen Kingdom" พยายามที่จะนำเสนอแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการอนุรักษ์และความรับผิดชอบต่อชีวิตสัตว์ดึกดำบรรพ์ แต่การเล่าเรื่องกลับดูไม่สอดคล้องและมีความซับซ้อนเกินไป ทำให้ผู้ชมรู้สึกสับสนกับทิศทางของเรื่องราว การเปลี่ยนแปลงจากการหนีเอาชีวิตรอดในสวนสนุกไปยังการช่วยเหลือไดโนเสาร์บนเกาะที่กำลังจะถูกทำลายทำให้โครงสร้างของเรื่องดูไม่แน่นอน
ตัวละครหลักอย่างโอเวนและแคลร์มีการพัฒนาที่ไม่ชัดเจนและขาดความลึกซึ้ง ในขณะที่พยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างพวกเขา แต่กลับไม่สามารถสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ชมได้ นอกจากนี้ การนำเสนอของตัวละครใหม่ ๆ ก็ไม่สามารถสร้างความประทับใจและความเชื่อมโยงกับผู้ชมได้


 "Dominion" พยายามที่จะนำตัวละครจากไตรภาคดั้งเดิมของ "Jurassic Park" กลับมา แต่การรวมตัวละครเหล่านี้กลับไม่สามารถสร้างความรู้สึกของความต่อเนื่องที่มีความหมายได้ โดยเฉพาะเมื่อเนื้อเรื่องไม่ได้มีการพัฒนาที่น่าสนใจหรือมีความลึกซึ้งเพียงพอ
ในขณะที่ "Dominion" พยายามที่จะขยายโลกของไดโนเสาร์และสำรวจผลกระทบจากการมีอยู่ของพวกมันในโลกปัจจุบัน แต่การเล่าเรื่องกลับถูกวิจารณ์ว่าเต็มไปด้วยความไม่สมเหตุสมผลและขาดความน่าเชื่อถือ หลายฉากดูเหมือนจะถูกสร้างขึ้นเพียงเพื่อสร้างความตื่นเต้นโดยไม่คำนึงถึงความสมจริง



ทั้ง "Star Wars" และ "Jurassic World" แสดงให้เห็นถึงความท้าทายในการสร้างสรรค์เรื่องราวที่สามารถตอบสนองความคาดหวังของแฟน ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
การเปลี่ยนแปลงแนวทางในการเล่าเรื่อง การพัฒนาตัวละครที่ไม่สอดคล้อง และการขาดความน่าเชื่อถือในเนื้อเรื่อง ทำให้แฟน ๆ รู้สึกผิดหวังและตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของทั้งสองแฟรนไชส์ ความสำเร็จในอดีตของทั้งสองเรื่องทำให้ความล้มเหลวในภาคต่อเป็นสิ่งที่น่าเสียดายและทำให้หลายคนหวังว่าจะมีการกลับมาอย่างมีคุณภาพในอนาคต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่