1. เพิ่มกฎระเบียบเพื่อคัดกรองนักลงทุน
ข้อดี:
เพิ่มคุณภาพของนักลงทุน: นักลงทุนที่มีความรู้ ความเข้าใจ และการเงินมั่นคงสามารถลดความเสี่ยงของตลาดและเพิ่มความยั่งยืนในระยะยาว
ลดความผันผวนของตลาด: นักลงทุนที่เข้าใจกฎระเบียบและมีความรู้มักจะลงทุนอย่างมีเหตุผล ส่งผลให้ตลาดมีเสถียรภาพมากขึ้น
สร้างความเชื่อมั่น: กฎระเบียบที่เข้มงวดช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติและสถาบัน
ข้อเสีย:
ลดจำนวนผู้ลงทุนในระยะสั้น: กฎที่ซับซ้อนและเข้มงวดอาจทำให้นักลงทุนรายย่อยหรือมือใหม่ลังเลที่จะเข้าตลาด
ต้นทุนการดำเนินการเพิ่มขึ้น: ทั้งในด้านการจัดการและการปฏิบัติตามกฎ
2.เน้นเพิ่มนักลงทุนโดยลดกฎระเบียบ
ข้อดี:
เพิ่มปริมาณการซื้อขาย: นักลงทุนจำนวนมากขึ้นสามารถเพิ่มสภาพคล่องในตลาดได้
ส่งเสริมการเข้าถึง: การลดข้อจำกัดทำให้คนทั่วไปเข้าถึงการลงทุนง่ายขึ้น ซึ่งเป็นการส่งเสริมการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ
ข้อเสีย:
เพิ่มความเสี่ยง: นักลงทุนที่ไม่มีความรู้หรือไม่มีการควบคุมอาจสร้างความผันผวนให้ตลาด
กระทบภาพลักษณ์ระยะยาว: หากมีปัญหาด้านความโปร่งใสหรือการขาดเสถียรภาพ อาจลดความน่าเชื่อถือของตลาด
เพิ่มกฏระเบียบเพื่อคัดนักลงทุน VS. เน้นเพิ่มนักลงทุนโดยลดกฏระเบียบ (แบบไหนดีกว่า)
ข้อดี:
เพิ่มคุณภาพของนักลงทุน: นักลงทุนที่มีความรู้ ความเข้าใจ และการเงินมั่นคงสามารถลดความเสี่ยงของตลาดและเพิ่มความยั่งยืนในระยะยาว
ลดความผันผวนของตลาด: นักลงทุนที่เข้าใจกฎระเบียบและมีความรู้มักจะลงทุนอย่างมีเหตุผล ส่งผลให้ตลาดมีเสถียรภาพมากขึ้น
สร้างความเชื่อมั่น: กฎระเบียบที่เข้มงวดช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติและสถาบัน
ข้อเสีย:
ลดจำนวนผู้ลงทุนในระยะสั้น: กฎที่ซับซ้อนและเข้มงวดอาจทำให้นักลงทุนรายย่อยหรือมือใหม่ลังเลที่จะเข้าตลาด
ต้นทุนการดำเนินการเพิ่มขึ้น: ทั้งในด้านการจัดการและการปฏิบัติตามกฎ
2.เน้นเพิ่มนักลงทุนโดยลดกฎระเบียบ
ข้อดี:
เพิ่มปริมาณการซื้อขาย: นักลงทุนจำนวนมากขึ้นสามารถเพิ่มสภาพคล่องในตลาดได้
ส่งเสริมการเข้าถึง: การลดข้อจำกัดทำให้คนทั่วไปเข้าถึงการลงทุนง่ายขึ้น ซึ่งเป็นการส่งเสริมการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ
ข้อเสีย:
เพิ่มความเสี่ยง: นักลงทุนที่ไม่มีความรู้หรือไม่มีการควบคุมอาจสร้างความผันผวนให้ตลาด
กระทบภาพลักษณ์ระยะยาว: หากมีปัญหาด้านความโปร่งใสหรือการขาดเสถียรภาพ อาจลดความน่าเชื่อถือของตลาด