ประเทศไทยมีประชากรทั้งหมด 65.9 ล้านคน ลดลง 101,405 คน
เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 1.6 ล้านคน คิดเป็น 5.17%
สัดส่วนประชากรในแต่ละจังหวัดยังมีความแตกต่างชัดเจน โดยนนทบุรีและกรุงเทพฯ พบผู้หญิงมากกว่าชายสูงสุด
ผู้หญิงมากกว่าผู้ชายในหลายพื้นที่ ในกรุงเทพมหานคร มีผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 366,220 คน ขณะที่นนทบุรีและสมุทรปราการก็มีสัดส่วนหญิงมากกว่าชาย ส่วนจังหวัดที่มีผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เช่น ระนองและแม่ฮ่องสอน
กรุงเทพฯ และปริมณฑลมีประชากรกว่า 10 ล้านคน คิดเป็น 15% ของประชากรทั้งหมด การกระจุกตัวในเมืองใหญ่สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการพัฒนาเมืองและการกระจายความเจริญไปยังภูมิภาคต่างๆ อย่างทั่วถึง เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนในอนาคต
ภาพรวมทั้งประเทศ:
ประชากรชาย: 32,145,282 คน (ลดลง 78,726 คน)
ประชากรหญิง: 33,805,928 คน (ลดลง 22,679 คน)
ปี 2567 ประเทศไทยมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 1,660,646 คน (มากกว่าประมาณ 5.17%)
ปี 2567 มีแนวโน้มประชากรลดลง โดยจำนวนผู้ชายลดลงมากกว่าผู้หญิง
จังหวัดที่มีสัดส่วนหญิงมากกว่าชายมากที่สุด
นนทบุรี: หญิงมากกว่าชาย 98,475 คน (16.15%)
กรุงเทพมหานคร: หญิงมากกว่าชาย 366,220 คน (14.39%)
ภูเก็ต: หญิงมากกว่าชาย 25,607 คน (12.68%)
สมุทรปราการ: หญิงมากกว่าชาย 72,712 คน (11.12%)
เชียงใหม่: หญิงมากกว่าชาย 68,047 คน (7.86%)
จังหวัดที่มีสัดส่วนชายมากกว่าหญิง
ระนอง: ชายมากกว่าหญิง 961 คน (0.99%)
แม่ฮ่องสอน: ชายมากกว่าหญิง 3,364 คน (2.31%)
บึงกาฬ: ชายมากกว่าหญิง 185 คน (0.09%)
ตาก: ชายมากกว่าหญิง 7,269 คน (2.06%)
สระแก้ว: ชายมากกว่าหญิง 960 คน (0.17%)
จังหวัดที่มีสัดส่วนชาย-หญิงใกล้เคียงกันมากที่สุด (ต่างกันน้อยกว่า 1%)
บึงกาฬ: ต่างกัน 185 คน (0.09%)
สระแก้ว: ต่างกัน 960 คน (0.17%)
นราธิวาส: ต่างกัน 8,732 คน (0.53%)
ตราด: ต่างกัน 2,731 คน (0.60%)
ระนอง: ต่างกัน 961 คน (0.99%)
การกระจายตัวประชากร
จากการวิเคราะห์ข้อมูล ยังพบด้วยว่าการกระจุกตัวในเขตเมืองใหญ่ โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่มีประชากรรวมกว่า 10 ล้านคน หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 15 ของประชากรทั้งประเทศ
โดยกรุงเทพมหานครมีประชากรมากที่สุดถึง 5,455,020 คน ตามมาด้วยจังหวัดสมุทรปราการและนนทบุรี โดยมีข้อมูลแบ่งเป็นรายภาคดังนี้
ภาคกลาง รวมกรุงเทพและปริมณฑล: 14,777,604 คน
กรุงเทพและปริมณฑล: 10,906,819 คน กรุงเทพฯ: 5,455,020 คน
นนทบุรี: 1,317,919 คน
ปทุมธานี: 1,236,471 คน
สมุทรปราการ: 1,380,826 คน
นครปฐม: 925,758 คน
สมุทรสาคร: 590,867 คน
จังหวัดอื่นๆ ในภาคกลาง รวม: 3,870,785 คน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: 21,838,594 คน
นครราชสีมา: 2,620,172 คน
อุบลราชธานี: 1,867,942 คน
ขอนแก่น: 1,772,381 คน
บุรีรัมย์: 1,566,308 คน
อุดรธานี: 1,552,135 คน และจังหวัดอื่นๆ ในภาค
ภาคเหนือ: 12,403,455 คน
เชียงใหม่: 1,799,019 คน
เชียงราย: 1,297,657 คน
นครสวรรค์: 1,014,401 คน
เพชรบูรณ์: 960,718 คน และจังหวัดอื่นๆ ในภาค
ภาคตะวันออก: 4,914,257 คน
ชลบุรี: 1,635,525 คน
ระยอง: 782,171 คน
ฉะเชิงเทรา: 733,131 คน และจังหวัดอื่นๆ ในภาค
ภาคใต้: 9,619,227 คน
นครศรีธรรมราช: 1,534,653 คน
สงขลา: 1,431,107 คน
สุราษฎร์ธานี: 1,076,666 คน และจังหวัดอื่นๆ ในภาค
ภาคตะวันตก: 2,398,073 คน
ราชบุรี: 864,037 คน
กาญจนบุรี: 896,351 คน
เพชรบุรี: 484,145 คน และจังหวัดอื่นๆ ในภาค
จังหวัดที่มีประชากรมากที่สุด
กรุงเทพมหานคร: 5,455,020 คน
นครราชสีมา: 2,620,172 คน
ชลบุรี : 1,635,525 คน
จังหวัดที่มีประชากรน้อยที่สุด
แม่ฮ่องสอน : 288,082 คน
สมุทรสงคราม : 186,784 คน
ระนอง : 192,927 คน
ภาคเหนือ มีความท้าทายเฉพาะในด้านประชากรข้ามชาติ โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดน เช่น:
เชียงใหม่มีผู้ไม่มีสัญชาติไทยมากถึง 163,036 คน
เชียงรายมีผู้ไม่มีสัญชาติไทย 135,653 คน
ตากมีผู้ไม่มีสัญชาติไทย 148,709 คน
แม่ฮ่องสอนมีสัดส่วนผู้ไม่มีสัญชาติไทยสูงถึงร้อยละ 15.85 ของประชากรทั้งจังหวัด
สรุปปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึง:
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายสำคัญในการพัฒนาประเทศ ทั้งในแง่การบริหารจัดการเมืองขนาดใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่น การลดความเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิภาค และการจัดการประชากรข้ามชาติ การวางนโยบายในอนาคตจำเป็นต้องคำนึงถึงการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้รองรับการขยายตัวของเมือง และการจัดสรรทรัพยากรและบริการสาธารณะอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกพื้นที่อย่างยั่งยืน
ที่มาข้อมูล : กรมการปกครอง
https://www.thansettakij.com/business/economy/616958
ประเทศไทย ผู้หญิง เยอะกว่า ผู้ชาย 1.6 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 65.9 ล้านคน
เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 1.6 ล้านคน คิดเป็น 5.17%
สัดส่วนประชากรในแต่ละจังหวัดยังมีความแตกต่างชัดเจน โดยนนทบุรีและกรุงเทพฯ พบผู้หญิงมากกว่าชายสูงสุด
ผู้หญิงมากกว่าผู้ชายในหลายพื้นที่ ในกรุงเทพมหานคร มีผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 366,220 คน ขณะที่นนทบุรีและสมุทรปราการก็มีสัดส่วนหญิงมากกว่าชาย ส่วนจังหวัดที่มีผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เช่น ระนองและแม่ฮ่องสอน
กรุงเทพฯ และปริมณฑลมีประชากรกว่า 10 ล้านคน คิดเป็น 15% ของประชากรทั้งหมด การกระจุกตัวในเมืองใหญ่สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการพัฒนาเมืองและการกระจายความเจริญไปยังภูมิภาคต่างๆ อย่างทั่วถึง เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนในอนาคต
ภาพรวมทั้งประเทศ:
ประชากรชาย: 32,145,282 คน (ลดลง 78,726 คน)
ประชากรหญิง: 33,805,928 คน (ลดลง 22,679 คน)
ปี 2567 ประเทศไทยมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 1,660,646 คน (มากกว่าประมาณ 5.17%)
ปี 2567 มีแนวโน้มประชากรลดลง โดยจำนวนผู้ชายลดลงมากกว่าผู้หญิง
จังหวัดที่มีสัดส่วนหญิงมากกว่าชายมากที่สุด
นนทบุรี: หญิงมากกว่าชาย 98,475 คน (16.15%)
กรุงเทพมหานคร: หญิงมากกว่าชาย 366,220 คน (14.39%)
ภูเก็ต: หญิงมากกว่าชาย 25,607 คน (12.68%)
สมุทรปราการ: หญิงมากกว่าชาย 72,712 คน (11.12%)
เชียงใหม่: หญิงมากกว่าชาย 68,047 คน (7.86%)
จังหวัดที่มีสัดส่วนชายมากกว่าหญิง
ระนอง: ชายมากกว่าหญิง 961 คน (0.99%)
แม่ฮ่องสอน: ชายมากกว่าหญิง 3,364 คน (2.31%)
บึงกาฬ: ชายมากกว่าหญิง 185 คน (0.09%)
ตาก: ชายมากกว่าหญิง 7,269 คน (2.06%)
สระแก้ว: ชายมากกว่าหญิง 960 คน (0.17%)
จังหวัดที่มีสัดส่วนชาย-หญิงใกล้เคียงกันมากที่สุด (ต่างกันน้อยกว่า 1%)
บึงกาฬ: ต่างกัน 185 คน (0.09%)
สระแก้ว: ต่างกัน 960 คน (0.17%)
นราธิวาส: ต่างกัน 8,732 คน (0.53%)
ตราด: ต่างกัน 2,731 คน (0.60%)
ระนอง: ต่างกัน 961 คน (0.99%)
การกระจายตัวประชากร
จากการวิเคราะห์ข้อมูล ยังพบด้วยว่าการกระจุกตัวในเขตเมืองใหญ่ โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่มีประชากรรวมกว่า 10 ล้านคน หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 15 ของประชากรทั้งประเทศ
โดยกรุงเทพมหานครมีประชากรมากที่สุดถึง 5,455,020 คน ตามมาด้วยจังหวัดสมุทรปราการและนนทบุรี โดยมีข้อมูลแบ่งเป็นรายภาคดังนี้
ภาคกลาง รวมกรุงเทพและปริมณฑล: 14,777,604 คน
กรุงเทพและปริมณฑล: 10,906,819 คน กรุงเทพฯ: 5,455,020 คน
นนทบุรี: 1,317,919 คน
ปทุมธานี: 1,236,471 คน
สมุทรปราการ: 1,380,826 คน
นครปฐม: 925,758 คน
สมุทรสาคร: 590,867 คน
จังหวัดอื่นๆ ในภาคกลาง รวม: 3,870,785 คน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: 21,838,594 คน
นครราชสีมา: 2,620,172 คน
อุบลราชธานี: 1,867,942 คน
ขอนแก่น: 1,772,381 คน
บุรีรัมย์: 1,566,308 คน
อุดรธานี: 1,552,135 คน และจังหวัดอื่นๆ ในภาค
ภาคเหนือ: 12,403,455 คน
เชียงใหม่: 1,799,019 คน
เชียงราย: 1,297,657 คน
นครสวรรค์: 1,014,401 คน
เพชรบูรณ์: 960,718 คน และจังหวัดอื่นๆ ในภาค
ภาคตะวันออก: 4,914,257 คน
ชลบุรี: 1,635,525 คน
ระยอง: 782,171 คน
ฉะเชิงเทรา: 733,131 คน และจังหวัดอื่นๆ ในภาค
ภาคใต้: 9,619,227 คน
นครศรีธรรมราช: 1,534,653 คน
สงขลา: 1,431,107 คน
สุราษฎร์ธานี: 1,076,666 คน และจังหวัดอื่นๆ ในภาค
ภาคตะวันตก: 2,398,073 คน
ราชบุรี: 864,037 คน
กาญจนบุรี: 896,351 คน
เพชรบุรี: 484,145 คน และจังหวัดอื่นๆ ในภาค
จังหวัดที่มีประชากรมากที่สุด
กรุงเทพมหานคร: 5,455,020 คน
นครราชสีมา: 2,620,172 คน
ชลบุรี : 1,635,525 คน
จังหวัดที่มีประชากรน้อยที่สุด
แม่ฮ่องสอน : 288,082 คน
สมุทรสงคราม : 186,784 คน
ระนอง : 192,927 คน
ภาคเหนือ มีความท้าทายเฉพาะในด้านประชากรข้ามชาติ โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดน เช่น:
เชียงใหม่มีผู้ไม่มีสัญชาติไทยมากถึง 163,036 คน
เชียงรายมีผู้ไม่มีสัญชาติไทย 135,653 คน
ตากมีผู้ไม่มีสัญชาติไทย 148,709 คน
แม่ฮ่องสอนมีสัดส่วนผู้ไม่มีสัญชาติไทยสูงถึงร้อยละ 15.85 ของประชากรทั้งจังหวัด
สรุปปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึง:
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายสำคัญในการพัฒนาประเทศ ทั้งในแง่การบริหารจัดการเมืองขนาดใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่น การลดความเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิภาค และการจัดการประชากรข้ามชาติ การวางนโยบายในอนาคตจำเป็นต้องคำนึงถึงการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้รองรับการขยายตัวของเมือง และการจัดสรรทรัพยากรและบริการสาธารณะอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกพื้นที่อย่างยั่งยืน
ที่มาข้อมูล : กรมการปกครอง
https://www.thansettakij.com/business/economy/616958