วิ่ง ฟูจิมาราธอน2024...หนีเที่ยวญี่ปุ่น

ก็รู้สึกงงๆกับตัวเองนิดหน่อยที่ได้มายืนอยู่ที่จุดสตาร์ทของงานวิ่งฟูจิมาราธอน...เพราะก่อนหน้านั้นหลังจากไปวิ่งจบบุรีรัมย์มาราธอน
ตามลิงค์https://ppantip.com/topic/42234395?sc=1WezKSg
ก็คิดกับตัวเองอยู่เหมือนกันว่าน่าจะเป็นมาราธอนครั้งเดียว ก็พอแล้ว แต่สุดท้ายก็คงเหมือนที่ใครๆพูดกัน...มาราธอนครั้งเดียวไม่มีจริง 555


       สมัครวิ่งตั้งแต่ที่เขาเปิดรับสมัครในเดือนพฤษภาคม แต่จองตั๋วเครื่องบินไว้ตั้งแต่เมษายน หลังจากที่เห็นภาพงานวิ่งฟูจิมาราธอน ของปีที่แล้ว   บอกตรงๆก็กลัวๆกล้าๆอยู่บ้าง จบที่บุรีรัมย์ด้วย 5 ชั่วโมง 48 นาทีแต่จำได้งานนั้น cut off 7 ชั่วโมง ส่วนงาน fuji มาราธอน cut off ที่ 6 ชั่วโมง ดูหวุดหวิดอยู่นะ โดยเฉพาะมีคนบอกว่าเส้นทางก็ขึ้นเนินลงเนินเยอะเหมือนกัน ที่สำคัญเขาใช้เวลา gun timeเป็นตัวคัด off ซะอีก...หวาดเสียว  ยังไงก็อยากลองดูและที่สำคัญก็อยากเที่ยวอยากไปเจอน้องฟูจิเหมือนกัน 
        กว่าจะถึงวันเดินทางก็มีสมาชิกมาเพิ่มเติมเรื่อยๆสุดท้ายรวมเป็น 19 คน งานนี้แน่นอนว่าต้องเหมารถไมโครบัสที่ญี่ปุ่น การเดินทางสาธารณะน่าจะลำบาก
       เรามาถึงนาริตะรถบัสก็มารับแวะเที่ยวระหว่างทางที่ Umihotaru ซึ่งเป็นจุดพักรถกลางอ่าวโตเกียว


      ชมวิวและกินอาหาร ก่อนจะเดินทางต่อไปรับBibและเสื้อวิ่งที่ร้านขายเครื่องกีฬา Alpen Tokyo ที่ย่านShinjuku ซึ่งทางผู้จัดงานเปิดให้เป็นจุดรับBibล่วงหน้าได้แทนการไปรับที่บริเวณงานวิ่งในวันก่อนวิ่ง 1 วัน พวกเราหลายคนก็ได้แวะซื้อรองเท้าและอุปกรณ์กีฬากัน ออกเดินทางกันต่อมุ่งหน้าสู่ FujiKawaguchigo โดยไม่ลืมแวะทานdinner กันที่ร้านเนื้อย่าง You gan onsen restaurant ก็ต้องบอกว่าให้ 5 ดาว อร่อยสมคำร่ำลือ สายกินเนื้อไม่ควรพลาดนะครับ


        ออกจากร้านอาหารก็มืดแล้วครับช่วงนี้มืดเร็ว  มาถึงที่พัก โรงแรม Toyoko inn FujiKawaguchigo ohashi ประมาณ หนึ่งทุ่มพวกเราก็แยกย้ายกันเฝ้าพระอินทร์นะครับห้องใครห้องมัน โดยไม่ลืมนัดกันออกมาลองวิ่งตอนเช้า
        อากาศช่วงเช้าตอน 6 โมงประมาณ 2 C  พวกเราออกมาซ้อมวิ่งกันแค่ 4 คน ทุกคนก็มาในชุดเต็มที่ไม่เห็นมีใครใส่ขาสั้นเหมือนที่พูดๆกันไว้เลย 55 เราโชคดีครับฟ้าเปิด จากโรงแรมก็วิ่งจนไปถึงร้าน lawson ที่มีฉากหลังเป็นน้องfuji ได้ก็โชคดีอีกเอาฉากกั้นออกไปแล้วเลยได้ภาพมุมมหาชน แต่เป็นตอนที่ปกติชนจะยังนอนกันนะ


          กลับมาจากวิ่งก็ทานอาหารเช้าที่โรงแรม ถึงโรงแรมก็มีอาหารเช้า 2 สไตล์คือสไตล์ฝรั่งและสไตล์ญี่ปุ่นแยกกันอยู่คนละห้องโดยที่เราสามารถใช้บริการได้ทั้ง 2 ห้อง เขาปลื้มกับอาหารเขาอยู่นะครับ แต่แขกที่มาพักเยอะมากไม่ค่อยปลื้มก็คือต้องต่อคิวกันยาวๆหน่อยครับ โดยเฉพาะฝั่งอาหารญี่ปุ่นคิวจะยาวเป็นพิเศษ...ตอนต่อคิวก็รู้สึกได้เลยว่าแขกที่มาพักกันคึกคักคือพวกที่มางานวิ่งทั้งนั้น.

          เนื่องจากเรารับบิ๊บกันมาก่อนแล้วจาก Alpen แล้วเราคิดว่าจะไม่ร่วมพิธีเปิดงานและต้อนรับนักวิ่งที่จัดขึ้นในช่วงบ่าย โดยเราจะใช้เวลาวันนี้ในการท่องเที่ยวรอบทะเลสาบและชมฟูจิเต็มวัน

          วันนี้เรานั่งบัสไปชมทะเลสาบ ชมสวน oishi ชมMomichi tunnel (อุโมงค์ เมเปิล)และที่จอดรถชั้น5 ของภูเขาไฟฟูจิ ได้ใกล้ชิดน้องฟูจิกันเต็มๆครับ





      ใครชมน้องยังไม่จุใจ ก็ดํในคลิปได้ครับhttps://youtu.be/9IGdYo9nFsE?si=yQQ1uBtkXww7xg6l
      ส่วนอุโมงเมเปิล และ สวนโออิชิ ก็ต้องยอมรับครับว่าสวยงามตามท้องเรื่องจริงๆ





      จบวันเราไปพักกันที่หมู่บ้านน้ำใส เป็นบ้านโบราณ 2 ชั้นสำหรับคนประมาณ 20 คน จองมากับAirbnb ที่พักกว้างขวางห้องน้ำห้องน้ำสะอาดสะอ้าน เราทำอาหารทานกันเอง เตรียมความพร้อมอุปกรณ์สำหรับงานวิ่ง เข้านอนกันแต่หัววัน


        เช้ามาหลังจากพวกเรากินอาหารเช้ายังพอมีเวลาให้เช็คอินที่หมู่บ้านน้ำใสก่อนที่บัสจะนำเรามาส่งที่สถานีรถ Fujikawaguchigo และเราต้องเดินกันต่อไปยังจุด startที่ funatsuhama parking lot ริม Kawaguchi lake  เราไปถึงประมาณ 8:00 น ตรงบริเวณริมทะเลสาบก็มีนักวิ่งเต็มไปหมดแล้ว



ต้องบอกว่ามีนักวิ่งเข้าร่วมเยอะจริงๆเดินเบียดกันไปเลยในบางช่วง
เขาจะปิดcheck in ตอน8.45 บล็อกที่ผมได้คือบล็อก Gray  อยู่ท้ายสุดจาก 4 บล็อคด้วยกันคือ
Pink ,Blue ,Yellow และ Gray ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจัดยังไงแต่พรรคพวกผมที่อายุ 60 ปีขึ้นก็ได้อยู่ในบล็อกGrayทั้งหมด  ประมาณว่าหน้าสุดของบล็อก Grayน่าจะห่างจากจุดสตาร์ทประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ สิ่งที่เกี่ยวข้องตรงนี้คือเวลาที่เขาจับในการแข่งขันเขาจะใช้ gun time ไม่ได้ใช้ chip time
นั่นก็คือเวลาสตาร์ท 9.00 น.ทุกคนไม่ว่าจะอยู่บล็อกไหนก็ตามและคัดออกที่ 15.00  น.พร้อมกันหมด ก็ไม่เข้าใจทำไมไม่ใช้ chip time ไม่แน่ใจว่าอาจจะเป็นเพราะเรื่องการเคลียร์เส้นทางหรือเปล่าคงต้องการให้ทางเปิดได้ในเวลา 15.00น. เป๊ะ
เพราะงานวิ่งนี้เป็นการปิดเส้นทาง 100% เต็มในทางวิ่ง
     ผมใส่ชุดนักวิ่งมาเลยเพราะไม่ต้องมารอนานก็จะได้วิ่ง ไม่ได้กลัวหนาวมากเลยไม่มีอะไรให้ไป drop offหรือบางคนก็อาจจะใส่เสื้อตัวที่กะว่าจะทิ้งแล้วก็ใส่ช่องบริจาคไปเลยก็ได้ อันนี้ทีมจัดงานทำได้ดีแจกถุงใบใหญ่ให้พร้อมสติ๊กเกอร์ติดถุง สำหรับคนที่จะใส่เสื้อหนาวมาก่อนแล้วจะฝากเอาไว้เพื่อมาเอาหลังวิ่งเสร็จ
     จากช่วง 8:45 น.ก่อนปล่อยตัวนักวิ่งประธานการแข่งขันก็จะมากล่าวต้อนรับนักวิ่งที่ผมรู้สึกว่าแปลก ก็คือเขาจะสวัสดีทุกคนที่มาร่วมวิ่งโดยสวัสดดีเป็นภาษาต่างๆเช่นภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี ภาษาจีน แต่พอเป็นภาษาไทยเขาใช้คำว่าขอบคุณคิดว่าประธานคงจะเข้าใจว่าคำว่าขอบคุณแปลว่าสวัสดี 555 สำหรับคนไทยเขาไม่ได้กล่าวต้อนรับแต่เขาก็ขอบคุณตั้งแต่เรายังไม่ได้เริ่มวิ่งเลย!!!
      พอเสียงปืนดังขึ้นขบวนวิ่งเริ่มขยับ ความฟิน อากาศเย็นๆประมาณ 11 องศา เส้นทางเรียบริมทะเลสาบสวยๆสร้างบรรยากาศในการวิ่งได้อย่างดีแถมมีคนวิ่งเป็นเพื่อนอีกอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง  บางช่วงของเส้นทางวิ่งก็ชันเอาการครับ
มีได้ลอดอุโมงค์ทะลุภูเขา 2 อุโมงค์ได้วิ่งข้ามสะพาน ผ่านหมู่บ้าน ทะเลสาบคาวากูชิ ทะเลสาบไซโกะ และที่ผมชอบที่สุดก็คือตอนช่วงที่ผ่านดงใบไม้เปลี่ยนสี เอาภาพบรรยากาศการวิ่งมาฝากกันนะครับ






    ต้องบอกตรงๆว่าช่วงแรกไม่ได้ถ่ายรูปมากสักเท่าไหร่กลัวจะโดน cut off แต่ก็ไม่เหนื่อยมากนัก 21 กิโลเมตรแรก ผมไม่ได้หยุดเดินเลยครับ คัทเอาท์สุดท้ายของเราอยู่ที่ 38 กิโลเมตร ผมจำได้ว่าพอเลย 35 กิโลเมตรไปผมก็เริ่มเดินมั่งวิ่งมั่งแล้วครับก็ดูเวลาแล้วน่าจะพอทัน เข้าเส้นชัยได้ในเวลา 14.42 น.
ก็น่าจะพอๆกับที่ไปบุรีรัมย์มาราธอน  โดยสรุปก็ทำให้ได้ ของที่ระลึกทุกอย่างมาครบรวมทั้งผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่และเหรียญรางวัลสำหรับ finisher


     ถือว่าเป็นบันทึกอีกหน้าหนึ่งของประสบการณ์ดีๆในชีวิต
และก็เหมือนกับครั้งที่แล้วที่บุรีรัมย์ผมจะต้องพูดว่าสำหรับผมฟูจิมาราธอนครั้งนี้ก็เพียงพอแล้ว 555

     วิ่งเสร็จเราก็นัดมาเจอกับพรรคพวกถ่ายรูปร่วมกันอีกประมาณ 1 ชั่วโมงก็ได้เวลาขึ้นรถเพื่อเดินทางไปยังที่พักซึ่งจะอยู่ระหว่างทางก่อนถึงที่เที่ยววันต่อไปของเราคือ
ภูเขา Takao   ได้มีโอกาสสัมผัสกับรถติดอย่างมโหฬารทุกคนต่างก็จะกลับโตเกียวพร้อมกัน ทีมผมเลือกไปทางภูเขาทาคาโอะ เพราะจะต้องแยกออกจากเส้นทางที่จะไปโตเกียว แต่กว่าจะแยกออกจากเส้นทางที่ไปโตเกียวได้ผมก็หลับไปหลายตื่นสิครับ !!!
     เราพักกันที่โรงแรม laxio inn
อยู่ระหว่างทางก่อนจะไปถึงภูเขาTakaoที่นี่มี option ให้เข้าออนเซ็นได้ครับสำหรับผมไม่พลาดแน่แต่มีเพื่อนหลายคนเขินๆอยู่และเพื่อนหลายคนที่เป็นครั้งแรกก็ดูสนุกสนานอยู่นะครับ เสียดายบริเวณนี้ถ่ายรูปไม่ได้นะครับเดี๋ยวโป๊ 
       หลังจากทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยเราก็เดินทางไปยังภูเขา Takao แอบชอบทั้งบรรยากาศทั้งการจัดการเพื่อการขึ้นไปชมภูเขา


มีทั้งเคเบิ้ลคาร์และ chair lift จะเลือกเดินทางอย่างไรก็ได้ ขาไปและขากลับคนละแบบกันก็ได้
แนะนำเลยครับ เส้นทาง tracking ก็ใช้ได้อยู่จำไม่แม่นแล้วว่าประมาณ 5 หรือ 7 กิโลจะถึงตรงที่ยอด (สูง 599 เมตร)ซึ่งเราก็จะสามารถมองมาเห็นยอดฟูจิได้อีกครั้ง




      ออกจากภูเขา Takao เดินทางไปต่อกันที่ Yokohama และย่าน china town ซื้อ street food มาทานกันที่  ท่าเรือYokohama เช็คอินถ่ายรูปกันเรียบร้อยก็เดินทางต่อไปพักที่Freesa inn Kamakura โรงแรมนี้อยู่ในใจกลางดีมากเลยมีทั้งห้างและ street food หาอาหารเย็นทานกันสะดวก 

       ที่คามาคุระเราหาอาหารเช้าทานกันเองครับแล้วก็เดินทางไปชม เจ้าแม่กวนอิม ofuna kannon ชมพระใหญ่ไดบุตสึ วัดkotokuin ชมวัดHasedera
    


แล้วช่วงบ่ายไปดูพระอาทิตย์ตกกันที่เกาะ Enoshima




แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่