คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
จากประสอบการที่เคยเจอคนแพร่เชื้อน่ะค่ะ (อดีตแฟนเก่า) ขั้นแรกสังเหตุรอยแผลเป็นตามผิวหนัง ไม่ก็สังเกตุเบ้าหน้าของเค้า เพราะคนที่กินยาต้าน HIV บางกลุ่มเค้าทานแล้วจะหน้าตอบ และบางคนก็มีอาการไขมันย้ายที่ ก้นจะลีบๆ นมโตๆ แขนขาลีบเล็กลง พุงจะป๋องๆ และคนที่กินยาต้านผิวจะไวตอแสงมากๆ โดนแดดนิดเดียวก็ดำ ยิ่งถ้าเค้าพึ่งรับยาเดือนแรกๆ นี้จะผิวดำเปลี่ยนสีเป็นคนล่ะคนเลย ไม่ก็คุณลองเอารูปถ่ายตอนอดีต กับ ปัจจุบันเทียบกันดูว่าน้ำหนัก ผิว ต่างกันมากไหม่ ดิฉันเคยเจอคนนึง สมัยก่อนเค้าหนัก60+ แต่ตอนคบกับเรา หนักแค่ 50 เราถามว่าเค้าเป็นอะไร เค้าจะบอกว่าเป็นเบาหวานแห้ง ความดัน โรคเรื้อรังอะไรพวกนี้ และเค้าจะพูดลอยๆ บอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นเอดส์
2.ถ้าเค้าเคยน้ำหนักลด 10-20 กิโลให้คิดไว้เลยว่าเค้าอาจเป็นวัณโรค ซึ่งวัณโรค ส่วนใหญ่จะมีเชื้อ HIV ด้วย
3.สังเกตุการใช้ชีวิต สังเกตุเค้านอนเวลาไหน ถ้าอายุยังน้อย แต่เข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ ทุกๆ 3 เดือน หรือ 6 เดือน ยิ่งถ้าเค้าบอกว่าปีนึงเค้าจะเจาะเลือดใหญ่ทุกๆ 2 ครั่ง ส่วนใหญ่จะ HIV ลองสังเกตุดูดีๆ ว่าเค้ากินยาอะไรบ้างไหม่ เช่น เค้ากินยาตรงเวลาแปะๆ ไหม่ วันนึงกิน 2 ครั้งไรงี้ เช่ล 08:00 แล้วก็ 20:00น อีกที และอีกเวลาที่เค้ากินๆ กัน ก็ 22:00 น. ส่วนใหญ่กินยาต้าน
4.ไม่ก็ลองชวนไปตรวจเลือดกันเล่นๆ ดู ถ้าปฏิเสธแปลว่าเข้าค่ายน่าสงสัยมากๆๆ
5.สังเกตุหน้าที่การงานดู ถ้าเค้าไม่ทำงานอะไรเลยมาหลายปีแล้ว และใช้ชีวิตไปงั้นๆ ไปวันๆ ว่าง 24 ชั่วโมง คือคิดได้เลยว่าร่างกายเค้าอาจมีอะไรผิดปกติต่อการทำงาน สมัครงานในปัจจุบันนี้
6.ข้อสุดท้ายถ้าอยู่ดีๆ เค้าชวนพูดเรื่อง HIV เค้าพูดขึ้นเองทั่งๆ ที่เราไม่ได้ถาม บอกว่าตัวเค้าปลอดภัย ไม่มั่ว ไม่ และชีวิตนี้ไม่เคยผ่านใครมามากมาย และทบท้ายบอกว่าตนไม่เป็นเอดส์ อยากมีเซ็กซ์แบบสดๆ เหมือนคู่รักปกติที่ผัวเดียว เมียเดียวเค้าทำกัน หรือ พูดในๆ อยากให้คุณเป็นคนสุดท้าย ข้อนี้น่ากลัวสุด เจอมากับตัว ยิ่งถ้าอยู่ดีๆ เค้าเอาผลเลือด Anti-Hiv ผลลบ เอามาให้เราดู ทั่งๆ ที่เราไม่เคยขอ ไม่เคยสั่งให้ไปตรวจ และไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้มาก่อน ข้อสุดท้ายนี้แหละ คือ พวกแพร่เชื้อ มันพยายามทำให้เราตายใจ ทำให้เรารู้สึกรัก สมมติถ้าดันมีอะไรกันไปแล้วเค้าจะอยู่ไม่สุข เหมือนคนมีความทุกข์ในใจที่มีความผิด พูดในๆ ให้เราคิด แต่ก็ไม่คิดที่จะกล้าบอกความจริง
พอเก็บเอาคำพูดมาคิด จับจุดได้ สืบค้นเกี่ยวกับยาเค้า และเค้าก็เอายาที่เค้ากินมาให้ดู แต่ก็น่ะคนมีเชื้อจริงๆ คงไม่มีใครเอายาต้านมาให้เราดูหรอก ยกเว้นเค้าสำนึกผิดจริงๆ ต่อให้ไม่ใช่ยาต้านจริงๆ บางทียาบางตัวมันอาจเกี่ยวข้องกัน สุดท้ายแจ๊คพอตแตกหลังจากเราพยายามเสิร์ชชื่อยา มันเกี่ยวกับยาไขมันในเลือด ที่เค้าใช้รักษาคนมีเชื้อ HIV และเราดันมารู้ด้วยตัวเองว่าดันพลาดไปแล้ว และมีอะไรกับแฟนคนนี้จนแทบนับไม่ได้แล้ว หลังจากเราสร้างเฟสอวตารทักไปถามญาติเค้า เค้าบอกหมดเปลือก สิ้นบอกให้เราไปหาหมอรักษา ตอนที่รู้ว่าเค้าเป็นจริงๆ เดือนนั่นเหมือนตายทั่งเป็น ไม่มีความรู้เรื่อง HIV เลย จนอ่านเจอว่าตรวจ HIV นี้มันมีระยะที่ตรวจไม่เจอด้วย 1-3 เดือน 3 เดือนนั้น ได้แค่นั่งนับปฏิทินทุกวันเลยอยากให้มันผ่านไวๆ ตรวจทั่งชุดตรวจด้วยตัวเอง โรงพยาบาล สภากาชาด และได้เอารูปถ่ายยาของเค้าไปให้หมอที่โรงพยาบาลดูด้วย หมอถึงกับตกใจเลย ว่าทำไมเราถึงไปเจออะไรแบบนี้ มันมีคนแบบนี้อยู่ด้วยหรือ ทุกวันนี้เค้าบล็อกเราทุกช่องทางตัดขาดถาวร (ถึงเค้าจะไม่ยอมรับว่าเป็น) และไม่ไยดีอะไรเลย หวังว่าคุณคงไม่โชคร้ายแบบดิฉัน... แต่ดิฉันก็ยังโชคดีที่ตรวจแล้วลบ หลังจากวันไปตรวจเลือดเค้าบล็อกเราทุกช่องทางเลย เราพยายามติดต่อเค้าอยากขอคำแนะนำ ซึ่งตอนนั่นกลัวมากๆ กลัวคนรู้ กลัวอนาคตจะใช้ชีวิตต่อยังไง ซึ่งเราบอกว่าเรารับได้ต่อให้เค้าเป็นจริงๆ จนได้บอกผลเลือดว่าของตัวเราเองลบ เค้าปลดบล็อกทันที! คนที่มีเชื้อ HIV นืสัยดีๆ มีเยอะค่ะ แต่จะมีน้อยมากๆ ที่เลวเกินมนุษย์ ที่ล้อเล่นกับความรู้สึก ความรักคนอื่นๆ
2.ถ้าเค้าเคยน้ำหนักลด 10-20 กิโลให้คิดไว้เลยว่าเค้าอาจเป็นวัณโรค ซึ่งวัณโรค ส่วนใหญ่จะมีเชื้อ HIV ด้วย
3.สังเกตุการใช้ชีวิต สังเกตุเค้านอนเวลาไหน ถ้าอายุยังน้อย แต่เข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ ทุกๆ 3 เดือน หรือ 6 เดือน ยิ่งถ้าเค้าบอกว่าปีนึงเค้าจะเจาะเลือดใหญ่ทุกๆ 2 ครั่ง ส่วนใหญ่จะ HIV ลองสังเกตุดูดีๆ ว่าเค้ากินยาอะไรบ้างไหม่ เช่น เค้ากินยาตรงเวลาแปะๆ ไหม่ วันนึงกิน 2 ครั้งไรงี้ เช่ล 08:00 แล้วก็ 20:00น อีกที และอีกเวลาที่เค้ากินๆ กัน ก็ 22:00 น. ส่วนใหญ่กินยาต้าน
4.ไม่ก็ลองชวนไปตรวจเลือดกันเล่นๆ ดู ถ้าปฏิเสธแปลว่าเข้าค่ายน่าสงสัยมากๆๆ
5.สังเกตุหน้าที่การงานดู ถ้าเค้าไม่ทำงานอะไรเลยมาหลายปีแล้ว และใช้ชีวิตไปงั้นๆ ไปวันๆ ว่าง 24 ชั่วโมง คือคิดได้เลยว่าร่างกายเค้าอาจมีอะไรผิดปกติต่อการทำงาน สมัครงานในปัจจุบันนี้
6.ข้อสุดท้ายถ้าอยู่ดีๆ เค้าชวนพูดเรื่อง HIV เค้าพูดขึ้นเองทั่งๆ ที่เราไม่ได้ถาม บอกว่าตัวเค้าปลอดภัย ไม่มั่ว ไม่ และชีวิตนี้ไม่เคยผ่านใครมามากมาย และทบท้ายบอกว่าตนไม่เป็นเอดส์ อยากมีเซ็กซ์แบบสดๆ เหมือนคู่รักปกติที่ผัวเดียว เมียเดียวเค้าทำกัน หรือ พูดในๆ อยากให้คุณเป็นคนสุดท้าย ข้อนี้น่ากลัวสุด เจอมากับตัว ยิ่งถ้าอยู่ดีๆ เค้าเอาผลเลือด Anti-Hiv ผลลบ เอามาให้เราดู ทั่งๆ ที่เราไม่เคยขอ ไม่เคยสั่งให้ไปตรวจ และไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้มาก่อน ข้อสุดท้ายนี้แหละ คือ พวกแพร่เชื้อ มันพยายามทำให้เราตายใจ ทำให้เรารู้สึกรัก สมมติถ้าดันมีอะไรกันไปแล้วเค้าจะอยู่ไม่สุข เหมือนคนมีความทุกข์ในใจที่มีความผิด พูดในๆ ให้เราคิด แต่ก็ไม่คิดที่จะกล้าบอกความจริง
พอเก็บเอาคำพูดมาคิด จับจุดได้ สืบค้นเกี่ยวกับยาเค้า และเค้าก็เอายาที่เค้ากินมาให้ดู แต่ก็น่ะคนมีเชื้อจริงๆ คงไม่มีใครเอายาต้านมาให้เราดูหรอก ยกเว้นเค้าสำนึกผิดจริงๆ ต่อให้ไม่ใช่ยาต้านจริงๆ บางทียาบางตัวมันอาจเกี่ยวข้องกัน สุดท้ายแจ๊คพอตแตกหลังจากเราพยายามเสิร์ชชื่อยา มันเกี่ยวกับยาไขมันในเลือด ที่เค้าใช้รักษาคนมีเชื้อ HIV และเราดันมารู้ด้วยตัวเองว่าดันพลาดไปแล้ว และมีอะไรกับแฟนคนนี้จนแทบนับไม่ได้แล้ว หลังจากเราสร้างเฟสอวตารทักไปถามญาติเค้า เค้าบอกหมดเปลือก สิ้นบอกให้เราไปหาหมอรักษา ตอนที่รู้ว่าเค้าเป็นจริงๆ เดือนนั่นเหมือนตายทั่งเป็น ไม่มีความรู้เรื่อง HIV เลย จนอ่านเจอว่าตรวจ HIV นี้มันมีระยะที่ตรวจไม่เจอด้วย 1-3 เดือน 3 เดือนนั้น ได้แค่นั่งนับปฏิทินทุกวันเลยอยากให้มันผ่านไวๆ ตรวจทั่งชุดตรวจด้วยตัวเอง โรงพยาบาล สภากาชาด และได้เอารูปถ่ายยาของเค้าไปให้หมอที่โรงพยาบาลดูด้วย หมอถึงกับตกใจเลย ว่าทำไมเราถึงไปเจออะไรแบบนี้ มันมีคนแบบนี้อยู่ด้วยหรือ ทุกวันนี้เค้าบล็อกเราทุกช่องทางตัดขาดถาวร (ถึงเค้าจะไม่ยอมรับว่าเป็น) และไม่ไยดีอะไรเลย หวังว่าคุณคงไม่โชคร้ายแบบดิฉัน... แต่ดิฉันก็ยังโชคดีที่ตรวจแล้วลบ หลังจากวันไปตรวจเลือดเค้าบล็อกเราทุกช่องทางเลย เราพยายามติดต่อเค้าอยากขอคำแนะนำ ซึ่งตอนนั่นกลัวมากๆ กลัวคนรู้ กลัวอนาคตจะใช้ชีวิตต่อยังไง ซึ่งเราบอกว่าเรารับได้ต่อให้เค้าเป็นจริงๆ จนได้บอกผลเลือดว่าของตัวเราเองลบ เค้าปลดบล็อกทันที! คนที่มีเชื้อ HIV นืสัยดีๆ มีเยอะค่ะ แต่จะมีน้อยมากๆ ที่เลวเกินมนุษย์ ที่ล้อเล่นกับความรู้สึก ความรักคนอื่นๆ
แสดงความคิดเห็น
วิธีดูคนที่ติดเชื้อhivเบื้องต้น